xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"อ้อนคนร้อยเอ็ด ขอให้เชื่อมั่นคสช.-เลิกคิดขัดแย้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (24 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายก
รัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายออมสิน ชีวะพฤกษ์
รมว.คมนาคม และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการขับเคลื่อนโยบายของภาครัฐ กับ
หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาเวลา 08.30 นายกฯ และคณะ เดินทางถึงโรงแรมราชภัฏกรีนวิว มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เพื่อเป็นประธานการประชุม และติดตามการขับ
เคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวทักทายคณาจารย์ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ที่มารอต้อนรับว่า "ที่ผ่านมาบ้านเมืองวิกฤติ
เพราะฉะนั้นไม่ใช่อะไรๆ ก็จะต้องประชาธิปไตย หรือประชามติอย่างเดียว และถ้ามันไม่เลวร้าย ผมคงไม่เข้ามา อย่าคิดแต่เรื่องประชามติ ประชาธิปไตยอย่างเดียว แล้วมัน
กินได้หรือไม่ ประชาธิปไตย คือความเห็นต่าง โดยไม่เอาปืนมาไล่ยิงคน ถามว่าใครยิงคน ทหารยิงหรือ ไปถามไอ้ลูกหมาโน่น ต้องขอโทษนะที่พูดไม่เพราะ"
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทาย และพูดกับนักศึกษาว่า "วันนี้ให้ช่วยกัน อย่าไปคิดเรื่องเดิมๆ โดยเฉพาะเรื่องของความขัดแย้ง บ้านเมืองต้องแก้ไข
โดยพวกเรา เข้าใจกันนะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรซักอย่าง กฎหมายมันละเว้นไม่ได้ ขอให้ไปบอกเพื่อนๆ ด้วย จะให้ปล่อยตัว มันจะปล่อยได้อย่างไร เพราะกฎหมายก็ต้อง
เป็นกฎหมาย ทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ"

** ผวจ.เสนอโมเดล"ร้อยเอ็ด4.101"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล กับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจังหวัดร้อยเอ็ด
นั้น นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ. ร้อยเอ็ด นำเสนอยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจของจังหวัด ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้วยโมเดล "ร้อยเอ็ด
4.101" เพื่อใช้คุณค่าจากศักยภาพของจังหวัดที่มีอยู่ ขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดตามโมเดล ดังนี้
1. พัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ ให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา 2. พัฒนา จ.ร้อยเอ็ดให้เป็นพื้นที่เป้าหมายทางการท่องเที่ยว
ตามแผนสามเหลี่ยมการท่องเที่ยวสาเกตนคร 3. พัฒนาการเชื่อมโยงเครือข่ายการคมนาคมขนส่งสนับสนุนให้ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพื้นที่น่าสนใจการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และ 4.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อบรรเทาอุทกภัย และภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ อ.จังหาร ทุ่งเขาหลวง และ เสลภูมิ
จ.ร้อยเอ็ด เพื่อลดพื้นที่การเกษตรที่ประสบอุทกภัย และลดพื้นที่ภัยแล้ง
ภายหลังการรับฟังการนำเสนอยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาจังหวัดจากผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบแนวทางการพัฒนา ว่า การพัฒนาจะต้อง
สร้างความเข้มแข็งในทุกระดับ และพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ตามหลักความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน โดยโครงการพัฒนาที่ทางจังหวัดเสนอมานั้น นายกรัฐมนตรี เห็นชอบใน
หลักการ และให้หน่วยงานไปร่วมกันพิจารณาดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนที่เชื่อมโยงกัน ส่วนโครงการใดที่อยู่ในแผนงานของส่วนราชการอยู่แล้วให้เร่งรัดดำเนินการให้
ได้ในปีงบประมาณ 2560 เพื่อประชาชนจะได้รับประโยชน์และบรรเทาความเดือดร้อน ได้ผลอย่างชัดเจน

** ยันไม่เคยใช้อำนาจรังแกใคร

ต่อมา นายกฯ ได้กล่าวปราศรัยต่อพี่น้องประชาชน ข้าราชการ กว่า 2 พันคน ที่มารอต้อนรับว่า มาถึงก็ได้รับรายงานเลยว่า มีการปล่อยข่าวว่า รัฐบาล
ห้ามหาไข่มดแดง คิดว่ารัฐบาลไม่มีอะไรทำหรือไง ไปหาเอา ลูกตนก็ชอบ และตนมาด้วยใจเกินร้อย มาวางอนาคตให้พวกท่าน มาปฏิรูปประเทศไทย
"ผมไม่เคยที่จะใช้อำนาจไปรังแกใครทิ้งสิ้น จะเห็นได้ว่า หากที่ผ่านมา ผมใช้อำนาจ ป่านนี้เต็มคุกไปหมดแล้ว ผมให้โอกาสทุกครั้ง ผมอยู่ภายใต้กติกามาทั้ง
หมด จนกระทั่งผมอยู่ไม่ได้ จึงต้องออกมาแบบนี้ ปล่อยประเทศชาติเสียหายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ที่ไม่ใช่ผมทำ รู้ว่าเป็นใครไปตรวจสอบมา อย่าคิดว่าผมมารังแกคนนั้น คนนี้
มาปราบใคร มันไม่ใช่ ไม่ผิดก็คือไม่ผิด ก็จบ ทุกประเทศเขาอยู่กันมาแบบนี้ โลกใบนี้อยู่กับกฎหมายกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบรัฐบาล ก็ต้องให้มีความยุติธรรม
ถึงแม้ผมจะมีอำนาจในการชี้ผิด ชี้ถูก ผมก็ไม่ทำ ปล่อยให้สู้คดีไป ผมจะไม่พยายามใช้อำนาจเด็ดขาดแบบนั้น แต่จะใช้อำนาจแค่การบูรณาการ"
นายกฯกล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับ จ.ร้อยเอ็ด และภาคอีสานมากที่สุด แม้ว่าจะรับ หรือไม่รับประชามติ ก็แล้วแต่ กระบวนประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นด้วย
ประชามติก่อน ถึงมีรธน.และนำไปสู่การเลือกตั้ง อย่าไปกังวลว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่ให้ไปดูว่านายกฯคนต่อไปเป็นใคร และทำงานได้ดีหรือเปล่า จะทำได้เท่าที่ตนทำหรือ
เปล่า ซึ่งขณะนี้กรธ. และ สนช. กำลังดำเนินการอยู่ และถ้าฟังทุกคนที่พูดก็สับสน ไม่ฟังก็โง่ เชื่อทั้งหมดก็บ้าตาย ฉะนั้นขอให้เลือกฟังบ้าง เรื่องที่ขัดแย้ง ไร้สาระ อย่าไปฟัง
มาก
นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้รังแกเขา หลายอย่างไม่ได้ถูกนำเข้ากระบวนการยุตธิรรมมาเลย ตนก็เอาเข้า ซึ่งมี 8-9 คดี ที่เป็นคดีใหญ่ๆ และสร้างความเสีย
หายกับประเทศ ส่วนแก้ไขปัญหา ไม่มีการเมืองไหนที่ทำให้ประชาชนมีปัญหา แต่ถ้ามีปัญหาบางอย่าง ก็เพื่ออนาคตของท่าน แต่ถ้าต้องการคิดแบบเดิม ไม่ต้องการมีอะไร
แล้วจะเรียกร้องจากอะไร ตนนึกไม่ออก วันนี้ต้องคิดไปข้างหน้า อย่าคิดกลับไปข้างหลัง ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ใครคิดว่าที่ผ่านมาขัดแย้งกันแล้วมันสนุก ตนจะจนใจ เวลานี้
อยากให้ฟังตน เพราะตนเป็นคนที่จะทำให้ได้ในเวลานี้ วันหน้าใครเขามาทำ ก็เรื่องของเขา
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรมว่า ที่ผ่านมารัฐบาลคสช. ถูกมองว่าไม่เป็นธรรม รังแก หากไม่ทำผิด ไม่มีมูล คงไม่มีเรื่อง ก็ทำโทษไม่
ได้อยู่แล้ว ต้องระวัง อย่าทำความผิด แม้เแต่คำสั่งตน ไม่ได้ตั้งใจเขียนเพื่อจับกุม แต่เขียนเพื่อไม่ให้คนทำอะไรผิดๆ หรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ความไม่สงบในช่วงการ
ปฏิรูป แต่ก็ยังฝ่าฝืนกัน ทั้งๆ ที่ตนกำลังทำสิ่งที่ดีกว่าที่เคยทำมา จะมาฝ่าฝืนตนทำไม เพื่อให้จับ เสร็จแล้วก็ส่งรูปไปร้องเรียนสหประชาชาติ สถานทูตประจำประเทศตัวเอง
วันหลังตนจะประจานบ้าง ในสิ่งที่เขาทำเลวร้าย คืออะไรบ้าง โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนที่หนีไปต่างประเทศ แล้วดูว่า เขาจะฟังใคร ในเมื่อเปิดหน้ากันแบบนี้ ตนก็ใช้
กฎหมายเท่านั้น
ส่วนปัญหาเรื่องข้าว ตอนนี้คือ ราคาในท้องตลาดลดลง ก็ต้องไปดูความต้องการรอบบ้านต่างประเทศ ว่าต้องการข้าวประเภทไหน เราก็ผลิตตรงนั้นให้เยอะ
หน่อย ส่วนที่ขายไม่ดี ก็ไว้กินเอง ถ้าทุกคนผลิตข้าวขายทั้งหมด จะขายใคร จะเอาไปจำนำหรือ ใครยังไม่ได้เงินจำนำข้าว หรือจะรอจำนำรอบใหม่บ้าง ไปดูเถอะข้าว เหลือ
ในคลังเยอะแยะ ไปให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบมา อย่าทำอีกเลย เพราะ 1. รัฐเสียงบประมาณไปโดยไม่จำเป็น ประเทศชาติจะเสียหายด้วยระบบงบประมาณ 2. ทำ
ให้ข้าวเราจะคุณภาพแย่ลง และกระทบต่อระบบปล่อยน้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารงาน ไม่เคยคิดเรื่องผลประโยชน์ ถ้าคิดก็คงไม่เข้ามา แม้แต่เรื่องรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่ อะไรก็ตามที่ทำไปล้วนแต่มีเจตนาที่ดี
ทั้งสิ้น
"อย่ามากังวลว่าผมจะสืบทอดอำนาจ ที่ผ่านมาใช้อำนาจเพื่อเดินหน้าประเทศ ไม่เคยใช้เพื่อให้คนมารัก มาชอบผม ถึงแม้จะไม่ชอบผม แต่โครงการที่ ทาง
จังหวัดของบประมาณมา ผมให้หมดพันกว่าล้าน อยู่ในแผนงานแล้ว ถ้าทำให้เชื่อมั่นผมให้ได้ บอกพวกที่ไม่มาด้วย ผมไม่เคยโกรธเขาเลย แต่เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจ ถูกบิด
เบือนไ ปฟังพวกพูดเลอะเทอะ" นายกฯ กล่าว

** อ้อนคนร้อยเอ็ดขอให้เชื่อใจ เชื่อมือ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เชื่อว่าชาว จ.ร้อยเอ็ด สนับสนุนตนทั้งหมด ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะลงมติเห็นชอบในร่างรธน.ด้วย หรือไม่ ถึงจะอย่างไร ตนไม่เคยโกรธ
มาวันนี้ตนไม่ใช่นักการเมือง มาในฐานะผู้รับใช้ ไม่ได้เป็นเจ้านายของท่าน แต่เป็นทหารมีหน้าที่รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นที่พึ่งของทุกคนในทุก
โอกาส ขณะเดียวกันก็มาในฐานะนายกฯ ยิ่งพูดก็ยิ่งต้องระวังตัว ต้องมีหิริ โอตัปปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป เพื่อทำความดี ไม่ใช่สู้ให้สื่อเขียนถึง ทุกอย่างผิด คือผิด ไม่
ได้มาหาเสียง หรือทำให้ประชาชนรัก แต่นำพาความรักมายังประชาชน เพราะเรามีโอกาสทำงานร่วมกันอีกระยะหนึ่ง อยากให้ทุกคนมีความหวัง และอนาคต แม้สิ่งที่กำลังทำ
จะยังไม่เกิด แต่แนวความคิดแผนงานกำลังทำอยู่ แต่เทียบกับคนที่ไม่เคยแสดงเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ นั่นไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน
" ถ้าประชาชนขยัน ก็จะรวยเอง วันนี้รัฐมนตรีมีเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่เอาเงินไปช่วยงานแต่งานศพ เหมือนนักการเมือง เงินเหล่านั้นคือเงินพวกท่านทั้ง
นั้น วันนี้ผมหยุดเงินพวกนี้ไว้ และอย่ามาต่อว่ารัฐบาล ผมยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนผมเปิดศึก แต่ที่พูดก็เพื่อความเข้าใจ รัฐบาล และคสช. มีจุดมุ่งหมายเป็นของตนเอง ประชาชนก็
ต้องมีจุดมุ่งหมายด้วย ต้องคิดอย่าให้ทะเลาะกัน แผนงบประมาณเองก็จะต้องปรับใหม่ ใครมาเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี จะใช้ตามอำเภอใจไม่ได้ "นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เชื่อใจ และเชื่อมั่นตนหรือยัง เชื่อหรือยังว่าตั้งใจ ต้องทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย และก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดหวัง
จะเป็นนายกฯ ด้วย แต่ที่ต้องมายืนตรงนี้ อาจจะเป็นโชคชะตา วันนี้ต้องมาร่วมกันจึงจะดีกว่า อย่าขัดแย้งกันเลย มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ก็สามารถสอบถามกันได้ ปัญหา
แก้ได้เลย บางอย่างก็ต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต้องให้เกียรติเขา เพราะเป็นการคัดเลือกจากทุกฝ่าย ทั้งเหลือง แดง เขียว ส้ม เพื่อ
ร่วมกันพิจารณาว่า ประเทศจะไปในทิศทางใด แม้มีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่เมื่อมติออกมาอย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น