ศาลทหารเลื่อนการสืบพยานปากแรกคดีระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร เป็นวันที่ 15 กันยายน เหตุล่ามจำเลยหนีหมายจับ ทนายจำเลยเผยทำหนังสือขอสภาอุยกูร์โลกขอล่ามแล้ว คาดคดีจบปลายปี 60
ที่ศาลทหารกรุงเทพ วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอาเดม คาราดัก จำเลยที่ 1 และนายเมียไรลี ยูซูฟู จำเลยที่ 2 ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มายังศาลทหารฯ เพื่อนัดสืบพยานปากแรก โดยมี พ.ต.ท.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ สว.กก.4 ส.2 กองบัญชาการตำรวจสันติบาลทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย โดยทางศาลทหารฯ ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนส่งตัวแทนเข้าร่วมรับฟังได้ด้วย จากนั้นเวลา 11.40 น. เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอาเดมและนายเมียไรลีออกจากศาลทหารฯ ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาลเพื่อเดินทางกลับเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11)
นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดมกล่าวภายหลังว่า วันนี้เป็นวันนัดสืบพยานของโจทก์นัดแรก แต่ล่ามที่ศาลทหารฯ ได้แต่งตั้งคือนายบัคคาดีร็อก ซีโรจิดินส์ ที่สามารถสื่อสารภาษาอุยกูร์เป็นภาษาอังกฤษได้นั้นถูกดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี และได้หลบหนีหมายศาลอยู่ ทำให้มาศาลทหารฯ ในวันนี้ไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องเลื่อนสืบพยานออกไปเป็นวันที่ 15 ก.ย. 59 เพื่อหาล่ามคนใหม่แทน โดยทางฝ่ายจำเลยได้เสนอชื่อนายโอเมอร์ แฮเนท ที่อยู่สภาอุยกูร์โลกมาเป็นล่ามคนใหม่ ซึ่งทางอัยการศาลทหารก็ได้เสนอให้หาล่ามคนใหม่เช่นเดียวกัน โดยตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารฯ ไปแล้ว
ทั้งนี้ ต้องรอการพิจารณาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน เพื่อทำหนังสือถึงสภาอุยกูร์โลกเพื่อส่งตัวล่ามมาช่วยในขั้นตอนของศาลทหารฯ ซึ่งทางสภาอุยกูร์โลกก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ทั้งนี้ต้องรอศาลทหารฯ แต่งตั้งเป็นล่ามก่อนถึงจะดำเนินการในศาลทหารฯ ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายของล่ามทางสภาอุยกูร์โลกเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ถือว่าเป็นล่ามที่ได้มาตรฐาน
นายชูชาติกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในระหว่างการพิจารณาทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการที่ทางจำเลยทั้งสองขอให้ย้ายเรือนจำจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งว่าคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีความมั่นคง การที่จะนำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปขังปนกับผู้ต้องหาคนอื่นนั้นอาจจะไม่มีความปลอดภัยจึงขอให้อยู่ที่เดิมคือเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งตนได้แจ้งจำเลยทั้งสองคนแล้วและก็ไม่ได้ขัดข้อง รวมถึงทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ดูแลอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหารอิสลาม
ส่วนกรณีที่เคยแถลงต่อศาลทหารฯ ว่าจำเลยทั้งสองคนถูกทำร้ายขณะนี้อยู่ในเรือนจำนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งหนังสือกลับมาที่ศาลทหารฯ ว่าได้ตรวจร่างกายแล้วไม่พบร่องรอยว่าถูกทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าคดีนี้ศาลทหารฯจะมีคำพิพากษาได้ช่วงปลายปี 60 เนื่องจากมีพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยไม่ต่ำกว่า 250 ปาก ดังนั้นต้องใช้เวลา