มติ สนช.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันสนับสนุนเงินก่อการร้ายและอาวุธทำลายล้างสูง

สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง รองนายกฯ แจงต้องเขียนเพราะกฎหมายป้องกันก่อการร้ายไม่ครอบคลุม หวังรวมอาวุธนิวเคลียร์, ชีวภาพ, เคมี หรือที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ พืช สิ่งแวดล้อมจำนวนมาก รวมทั้งระบบการส่งอาวุธ, ประกอบหรืออุปกรณ์ รวมพวกหนุนเงินด้วย ก่อนมีมติเห็นชอบ 185 เสียง งดออกเสียง 3

วันนี้ (19 ส.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 51/2559 โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุม คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. ... โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง

โดยนายวิษณุชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า โดยปัจจุบันประเทศไทยได้มี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนการก่อการร้าย พ.ศ. 2556 ขึ้นใช้บังคับเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนการเงินแก่การก่อการร้าย แต่มาตรการดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงซึ่งต้องใช้มาตรการในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากว่า ทั้ง 2 เรื่องมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการดำเนินการเพื่อรองรับมาตรฐานสากล ตามที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (Financial Action Task Force on Money Laundering : FATF) ดังนั้น เพื่อความเป็นเอกภาพของกฎหมาย จึงจำเป็นตรา พ.ร.บ.นี้

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ กำหนดนิยามคำว่า “การก่อการร้าย” หมายความว่า การกระทำที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา หรือการกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งอยู่ภายใต้ขอบเขตของอนุสัญญาและพิธีสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือรับรอง ในส่วนคำว่า “อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง” หมายความว่า อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ อาวุธเคมี หรืออาวุธอื่นใดซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ พืช จำนวนมาก หรือต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง รวมทั้งระบบการส่งอาวุธ ส่วนประกอบ หรืออุปกรณ์ของอาวุธดังกล่าว

กำหนดให้สำนักงาน ปปง.ดำเนินการประกาศรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่กำหนดรายชื่อบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กรใดเป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย และสำนักงาน ปปง.โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาส่งรายชื่อผู้นั้นให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องฝ่ายเดียวขอให้ศาลมีคำสั่งเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ให้เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกำหนดให้ผู้สนับสนุนหรือผู้สมคบกันในการกระทำความผิดต้องระวางโทษ เช่น เกี่ยวกับตัวการในการกระทำความผิดนั้น และกรณีกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรในบางกรณีต้องรับโทษในราชอาณาจักร

หลังจากนั้น สมาชิก สนช.ได้ลงมติเห็นชอบ 185 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 17 คน โดยกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน และให้มีระยะทำงาน 60 วัน