รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเวทีสำนักข่าวในญี่ปุ่น ฟุ้งการโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ แสดงว่า การเมืองไทยสงบเรียบร้อย ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ นายกฯ ย้ำชัดไทยมีเลือกตั้งปี 60 เตรียมกำจัดจุดอ่อนร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
วันนี้ (9 ส.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ประเทศญี่ปุ่น พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงปาฐกถาพิเศษ เกี่ยวกับการเมืองไทยหลังการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และอนาคตทิศทางประเทศไทย ในงานสัมมนา JIJI TOP SEMINAR ครั้งที่ 182 ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว Jiji Press โดยมีภาคเอกชนชั้นนำจากญี่ปุ่นกว่า 35 คนเข้าร่วมงาน
พล.ต.วีรชนกล่าวว่า เหตุผลที่ทหารและกองทัพจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศนั้น เนื่องจากรัฐบาลรักษาการในขณะนั้นไม่สามารถบริหารประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ ตกอยู่ในภาวะหยุดชะงักซึ่งการทำประชามติเป็นขั้นตอนและกลไกที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดหลังเข้ามาบริหารประเทศตามโรดแมป 3 ระยะ โดยในปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งประชามติเป็นส่วนหนึ่งของระยะนี้ การทำประชามตินั้นเป็นความริเริ่มของรัฐบาลที่อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และเพื่อให้รัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยภายหลังการลงประชามติ กว่าร้อยละ 62 รับร่างรัฐธรรมนูญ และกว่าร้อยละ 58 ที่รับคำถามพ่วง
รองโฆษกฯ ยังเห็นว่า การโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญนั้น มีนัยมากกว่าเป็นเพียงการรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้การเมืองไทยมีความสงบเรียบร้อย ต่างจากความวุ่นวายในอดีตที่ผ่านมา แม้ความปรองดองจะยังไม่ปรากฏชัด 100% เพราะยังปรากฏภาพความเห็นต่าง แต่ก็ไม่นำไปสู่ความรุนแรง หลายฝ่ายออกมายอมรับเสียงส่วนใหญ่ และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ยินดีต่อการลงประชามติ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศของความสงบเรียบร้อย และความน่าลงทุน
ทั้งนี้ ในเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีได้พบปะสื่อมวลชนก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี และได้ประกาศชัดว่าไทยจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า โดยต่อจากนี้ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ พร้อมย้ำว่า ไทยเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง โดยขณะนี้กำลังเดินหน้ากระบวนการออกกฎหมายลูกเพื่อมุ่งสู่การเลือกตั้ง
“ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการสำรวจจุดอ่อนและจุดแข็งของประเทศ จุดอ่อนของไทยคือขาดแผนงานที่ชัดเจนในระยะยาว รัฐบาลจึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และภาคเอกชน กำหนดแผนยุทธศาสตร์ประเทศระยะยาว 20 ปี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องว่า ปัจจัยการลงทุนประการหนึ่ง คือ การมีเสถียรภาพของประเทศ ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น คือ ความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถบรรลุความมั่นคง มั่งคั่ง ได้อย่างแน่นอนในอนาคต” พล.ต.วีรชนกล่าว