“ประยุทธ์” เผยถกร่วม ครม.-คสช.สรุปสถานการณ์ประชามติ ขอบคุณ “มีชัย” ร่าง รธน. ยัน รบ.ไม่เกี่ยวข้อง ชี้เป็น รธน.ของ ปชช.ตามหลักสากล อย่าให้ใครมาบิดเบือนว่าทหารจัดทำ รอ กกต.สรุปผล 10 ส.ค.แถลงจะดำเนินการยังไงต่อ ย้ำยึดโรดแมปเลือกตั้งปี 60 ชี้คนไทยเห็นว่าชอบธรรมคือจบ ปล่อย กต.แจง ตปท. ย้ำยังไม่ถึงเวลาปลดล็อคพรรคการเมืองและยังไม่มีแนวคิดเซ็ตซีโร่ ไม่ขอบตอบถูกเลือกเป็นนายกฯ คนนอก
วันนี้ (9 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช. ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วม ครม.-คสช. ซึ่งโดยหลักการแล้วเมื่อมีการดำเนินการเรื่องเกี่ยวข้องด้านการบริหารของรัฐบาลและ คสช.จำเป็นจะต้องสร้างการรับรู้ทำความเข้าใจระหว่างกัน เพราะ คสช.สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการชี้แจงให้ทราบและสรุปสถานการณ์ทางด้านการข่าวเกี่ยวกับผลของการทำประชามติ
นายกฯ กล่าวว่า พร้อมกันนี้ได้ถือโอกาสขอบคุณนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่กรุณาร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาและเป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งตนได้เรียนแล้วว่า คสช.และรัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องรายละเอียดภายใน ที่ผ่านมาถ้าจะให้ปรับปรุงเพิ่มเติมอะไรก็จะทำเป็นเอกสารไปทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นก็สั่งได้แล้ว ซึ่งหลายอย่าง กรธ.ก็แก้ไขได้ แต่บางอย่างก็แก้ไขไม่ได้สุดแล้วแต่ กรธ.
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผมถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการลงประชามติแล้ว และเป็นไปตามหลักการทุกอย่างเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของคนมาใช้สิทธิ ซึ่งเป็นหลักการสากลในการทำประชามติอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนว่าเป็นการจัดทำโดยทหาร มันไม่ใช่ ทหารดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อย เป็นเรื่องของประชาชนที่ตัดสินเอง และต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทั้งใน กทม.และทุกจังหวัด ไม่ว่าจะลงคะแนนอย่างไรก็ตาม ผมก็รักท่านเสมอ เพราะท่านคือคนไทย ผมได้รับการสอนสั่งว่ายังไงก็ตามคือคนไทยเราเกิดมาในแผ่นดินเดียวกัน ต้องรักและเผื่อแผ่ต่อกัน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินการต่อไปในวันนี้ต้องขอโทษทุกคนเพราะยังพูดอะไรมากไม่ได้จนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประชุมสรุปรายงานผลมาอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่คิดว่าจะสรุปวันนี้ แต่ปรากฏว่า กกต.สรุปในวันที่ 10 ส.ค. หลังจากนั้นตนจะแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ชี้แจงว่ารัฐบาลจะดำเนินการอะไรอย่างไร ซึ่งจะหาวันเวลาชี้แจงทั้งในและต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะสื่อมวลชนต่างประเทศและทูตานุทูตประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไร แต่ยังยืนยันว่าเราจะเดินหน้าไปตามโร้ดแม็พที่ว่างไว้และจัดการเลือกตั้งปี 2560 ให้ได้ นั่นคือหลักการสำคัญไม่มีเปลี่ยนแปลง
“ขอบคุณพี่น้องชาวภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงแม้จะรับ-ไม่รับก็ตาม ผมก็จะทำให้ท่านต่อไปเพราะเห็นความยากลำบากของท่านหลายเรื่องทั้งชีวิตความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต ขณะเดียวกันผมก็ต้องดูแลประชาชนภาคอื่นด้วยเพราะทุกคนคือคนไทย มันจะมากจะน้อยอย่างไรก็ต้องวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวให้เกิดความยั่งยืน ไม่อยากให้แก้ปัญหาเพียงแค่ลดความเดือดร้อนอย่างเดียวโดยไม่มีการสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลก็ทยอยออกนโยบายแก้ปัญหามาตามลำดับ” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากการทำประชามติทุกคนเห็นแล้วว่าหลายๆ อย่างดีขึ้น ภาคเศรษฐกิจขานรับการค้าการลงทุน นี่คือสิ่งที่ดีขึ้น ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องที่เป็นความเห็นต่างมาขยายความเพราะจะทำให้สิ่งที่ดีหายไป ขณะที่เราจะไม่เหลืออะไร และไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่าง ขอให้เห็นความตั้งใจของประชาชนด้วยที่อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังเสร็จการทำประชามติแล้วนายกฯ นอนหลับสบายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถามว่าหลับสบายไหม หลับสบายไม่มีอะไร ตนก็หลับมาตามที่เคยหลับ จะมากน้อยขึ้นอยู่กับงานที่ทำเสร็จบ้างไม่เสร็จบ้าง โดยทุกคืนนอนคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะทำอะไร กลับบ้านตอนเย็นก็เก็บงานกลับไปด้วยเพื่อเตรียมสั่งการในวันต่อไป ไม่ใช่นอนแล้วฝันสั่งหรือพูดเอง แต่มันต้องมีเหตุมีผลมีหลักการ อย่างวันนี้ได้ให้แนวทางไปเพราะเวลาที่เหลืออยู่มีไม่มาก ฉะนั้นการทำงานต้องสอดประสานกันให้ได้ ทั้งแม่น้ำ 5 สาย การจะทำอะไรก็ตามถ้าคิดในแง่หลักวิชาการ นักวิชาการจะทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน ขยะ หากพูดกันถึงกฎหมายและขัดแย้งกันก็จะได้แค่ตรงนี้ แต่เวลาทำงานถ้าเอากฎหมายนี้มาใช้ไม่ได้มันก็จบทั้งหมด
เมื่อถามว่าการอธิบายถึงความชอบธรรมต่อต่างชาติในการทำประชามติจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนขอถามว่าคนไทยเห็นว่าชอบธรรมหรือไม่ ถ้าคนไทยเห็นว่าชอบธรรมก็จบ และตนไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะเดี๋ยวกระทรวงการต่างประเทศอธิบายเอง เมื่อถามว่าล่าสุดทางอเมริกาและอียูออกมาตั้งคำถามตรงนี้จะไม่มีการชี้แจงกลับใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า เดี๋ยวกระทรวงการต่างประเทศเขาชี้แจง ตนไม่ชี้แจงตรงนี้ เพราะไม่ไปทะเลาะขัดแย้งกับใครอยู่แล้ว คุณดูแลให้เขาหรือ คุณไม่รักษาสิทธิคนไทยใช่ไหม โอเคตามใจ
เมื่อถามว่าการลงประชามติครั้งนี้มีคนที่ไม่รับและคนไม่ออกมาใช้สิทธิคะแนนรวมกันมากกว่าผู้ออกมาลงเสียงรับ จะถือเป็นความเห็นชอบอย่างแท้จริงของเสียงส่วนใหญ่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไปดูการลงประชามติปี 2550 ออกมาเท่าไร ชนะกันเท่าไร อย่ามาถามแบบนี้ เมื่อถามว่าคิดว่าผู้ออกมาใช้สิทธิรับร่างเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า เขาอยากเห็นบ้านเมืองสงบปลอดภัยเรียบร้อย ไม่เหมือนกับผู้ถาม ส่วนแนวทางของพรรคการเมืองจากนี้ไปถามพรรคการเมืองเอง เขาต้องเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าจะมีการปลดล็อกพรรคการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ไปตกลงอะไรกับเขาหรือไง ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นคนทำกติกาในตอนนี้ เมื่อถึงเวลากติกาเสร็จก็มาจัดการมาคุยกัน ให้มันรู้บ้างว่าขั้นตอนไหนของใคร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะให้พรรคการเมืองจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ หรือเซ็ตซีโร่ หากสื่อต้องการเซ็ตซีโร่ก็ขอให้เสนอมา แต่รัฐบาลยังไม่มีแนวคิด เมื่อถามว่าเสียดายคะแนนเสียงของคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งไม่ได้ใช้สิทธิหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หากประชาชนมีความสะดวกก็จะได้ออกเสียง แต่หากไม่สะดวกก็ไม่ได้ออกเสียง เพราะไม่ได้เดินทางกลับ ทั้งนี้เป็นการออกเสียงประชามติ ซึ่งบางกลุ่มส่งสัญญาณสนับสนุน ขณะที่บางกลุ่มก็ส่งสัญญาณต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา และการเลือกตั้งเองก็ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงชนะถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้ถ้ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทุกอย่างก็จบ เราทำตามกฎหมาย กติกา สังคมโลก ไม่ได้บิดเบี้ยว ส่วนคนที่จับผิดขอให้มาบอกว่าผิดตรงไหน อย่าบอกว่าจะไปตั้งหลักใหม่ พูดกลับไปกลับมาเสียนิสัย
เมื่อถามว่า ห้วงเวลาใดจึงจะเหมาะสมแก่การปลดล็อกพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยและโรดแมปก่อน กรธ.จะต้องทำกฎหมายลูก ดังนั้นขั้นตอนต่อไปคือการทำกฎหมายลูกอีก 10 ฉบับ โดยจะทำ 4 ฉบับที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นที่เหลือจึงให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นคนดำเนินการ
เมื่อถามว่าจะมีการเลือกตั้งตามเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมีการเลือกตั้งในปลายปี 2560 ทุกอย่างเหมือนเดิม การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดในร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหลายขั้นตอนในการพิจารณา และต้องรับฟังความคิดเห็นในการทำกฎหมาย โดยมีเวลาที่กำหนดไว้แล้วอย่างชัดเจน หากทำตามเวลาที่กำหนดนี้ขั้นตอนทุกอย่างจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. 2560 และจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งและใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
เมื่อถามว่าที่ระบุว่ากระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2560 หมายความว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 2561 หรือไม่ “มันเป็นกระบวนการหรือเปล่า การทำตามขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ขอให้ไปนับวันว่า จากวันนี้คือวันที่ 10 ส.ค. แล้วจะไปสิ้นสุดที่วันไหน จะไปจบในเดือน พ.ย.ปี 2560 ซึ่งจะมีขั้นตอนอื่นอีก เช่น การจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่เสร็จปุ๊บ พรุ่งนี้จะเลือกตั้งเลย ไม่ได้ที่ไหน ทำกับข้าวแล้วไม่ใส่เครื่องปรุงเลยได้อย่างไร”
“ระหว่างนี้ผมคาดหวังให้การเมืองดีขึ้น ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล นักการเมืองที่มีหัวใจปฎิรูป เรากำลังจะปฏิรูปประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ดังนั้นอย่าถอยหลังกลับไปที่เดิมกันเลย ผมไม่เคยถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เว้นแต่จะทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องสู้กฎหมายกันเอาเอง ผมไม่ได้ไปตัดสินท่าน เพียงแต่นำเข้าสู่กระบวนการ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าหลังทราบผลประชมติทำให้หัวใจนายกฯพองโตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ทำให้สามารถยังทำงานได้ แต่ที่สำคัญคือความร่วมมือของข้าราชการ การบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการทำงานของ ครม. และแม่น้ำ 5 สาย ทุกอย่างสอดคล้องกับสิ่งที่วางไว้ทั้งหมด และจากนี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะทำให้ประชาธิปไตยไทยมีความเข้มแข็งกว่าเดิม ซึ่งกว่าจะไปถึงตรงนั้นจะต้องสร้างบันไดไปสู่การปรับฐาน นี่คือบันไดขั้นที่ 1 ซึ่งยังปัญหาอีกมากที่จะต้องแก้ไข
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากที่ประชุมรัฐสภาเชิญให้ไปเป็นนายกฯอีกจะรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่ตอบและขอไม่ตอบตรงนี้ เพราะมันไม่เกี่ยวกับผมเลย แต่เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่าไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ เขาจะมามุ่งหวังให้ผมเป็นนายกฯ แต่เขามุ่งหวังว่าหากจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคการเมืองแล้วมีปัญหาไม่ยอมกัน จึงจะเอาคนนอก แล้วท่านเชื่อหรือไม่ว่าจะตั้งไม่ได้”
เมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการเชิญจริงๆ จะรับหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า “ไม่มีถ้า ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น อย่าเพิ่งไปเปิดประเด็นใหม่ ขี้เกียจตอบ บอกแล้วว่าอย่ากลัวผีที่มองไม่เห็น วันนี้ก็หลอกหลอนอยู่แล้ว ผมกำลังทำยันต์กันผีอยู่ คิดง่ายๆ แค่นี้จะไปยากอะไร ทำอะไรสักอย่างต้องมีกฎของเมอร์ฟี (Murphy's Law) ที่ทำอะไรก็ต้องเกิดผลกระทบ ถ้าไม่ทำนั่งเฉยๆ ก็คงไม่มีเรื่อง ถ้าผมไม่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน ปล่อยไปปีหนึ่งให้มีเลือกตั้งทุกอย่างจบ แต่เมอร์ฟีเขียนไว้ว่าทำแล้วจะเกิดอะไรสักอย่าง แล้วทำไมผมยังทำอยู่ ทำไมไม่เลือกนั่งเฉยๆ เมอร์ฟีบอกว่านั่งเฉยๆ แล้วจะไม่เกิดเรื่อง คิดสิ ถ้าต้องการอนาคตก็คิดใหม่ ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ แต่สื่ออยู่ได้ก็แล้วแต่ อย่างไรสื่อก็อยู่ได้อยู่แล้ว หากินได้อยู่แล้วแต่ประเทศชาติย่อยยับก็ไม่รู้นะ”