ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ การออกเสียงประชามติ 2559 พบร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบมากถึง 15.56 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 9.7 ล้านเสียง ส่วนคำถามพ่วง เห็นชอบ 13.96 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10 ล้านเสียงเศษ รอนายกรัฐมนตรีรายงานผลอย่างเป็นทางการ
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.33 น. ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ จากศูนย์แถลงข่าวการจัดการออกเสียงประชามติ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังนับคะแนนได้ร้อยละ 94 จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งประเทศ 27,623,126 คน พบว่า ประเด็นคำถามที่ 1 ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2559 ทั้งฉบับ พบว่ามีผู้เห็นชอบ 15,562,027 คน คิดเป็นร้อยละ 61.40 ไม่เห็นชอบ 9,784,680 คน คิดเป็นร้อยละ 38.60
ส่วนประเด็นคำถามที่ 2 ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามีผู้เห็นชอบ 13,969,594 คน คิดเป็นร้อยละ 58.11 ไม่เห็นชอบ 10,070,599 คน คิดเป็นร้อยละ 41.89
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ระบุว่า เมื่อแสดงผลการออกเสียงถึงร้อยละ 95 ของจํานวนหน่วยออกเสียง ให้หยุดการแสดงผลการออกเสียงต่อสาธารณะ และเมื่อ กกต.ได้รับรายงานผลการนับคะแนนออกเสียงจากหน่วยออกเสียงทุกหน่วยทั้งประเทศ หากไม่มีการร้องคัดค้าน ให้ กกต.ประกาศผลการออกเสียงและจํานวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงแล้วให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
"ใต้" เห็นชอบพุ่ง แต่ 3 จังหวัดชายแดน "โหวตโน" ท่วม
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อตรวจสอบผลการนับคะแนนรายภาค พบว่าภาคใต้ ซึ่งมีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 7,232,962 คน มีสัดส่วนผู้เห็นชอบทั้งร่างรัฐธรรมนูญมากที่สุด 2,606,023 คน คิดเป็นร้อยละ 76.92 ไม่เห็นชอบ 782,043 คน คิดเป็นร้อยละ 23.08 ขณะที่คำถามพ่วง พบว่ามีผู้เห็นชอบ 2,441,810 คน คิดเป็นร้อยละ 74.60 ไม่เห็นชอบ 831,609 คน คิดเป็นร้อยละ 25.40 โดยพบว่าจังหวัดภาคใต้ที่ไม่เห็นชอบทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
ส่วนภาคกลาง ซึ่งมีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 17,299,507 คน พบว่า มีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 5,887,881 คน คิดเป็นร้อยละ 69.46 ไม่เห็นชอบ 2,588,765 คน คิดเป็นร้อยละ 30.54 ส่วนคำถามพ่วง พบว่ามีผู้เห็นชอบ 5,387,693 คน คิดเป็นร้อยละ 66.17 ไม่เห็นชอบ 2,754,534 คน คิดเป็นร้อยละ 33.83
โดยพบว่ากรุงเทพมหานคร มีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 1,355,618 คน คิดเป็นร้อยละ 69.43 ไม่เห็นชอบ 596,820 คน คิดเป็นร้อยละ 30.57 ขณะที่คำถามพ่วงมีผู้เห็นชอบ 1,259,913 คน คิดเป็นร้อยละ 65.95 ไม่เห็นชอบ 650,601 คน คิดเป็นร้อยละ 34.05 จากผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 4,483,075 คน
"เหนือ-อีสาน" พร้อมใจกันคว่ำร่างฯ
ขณะที่ภาคเหนือ ซึ่งมีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 9,043,219 คน พบว่า มีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 2,670,467 คน คิดเป็นร้อยละ 57.70 ไม่เห็นชอบ 1,957,746 คน คิดเป็นร้อยละ 42.30 ส่วนคำถามพ่วง พบว่ามีผู้เห็นชอบ 2,337,276 คน คิดเป็นร้อยละ 54.14 ไม่เห็นชอบ 1,979,599 คน คิดเป็นร้อยละ 45.86
โดยพบว่าจังหวัดที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงมี 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา ส่วนจังหวัดที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เห็นชอบคำถามพ่วง ได้แก่ ลำพูน ลำปาง น่าน และแพร่
ซึ่งพบว่า จ.เชียงใหม่ ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่ามีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 330,568 คน คิดเป็นร้อยละ 45.65 ไม่เห็นชอบ 393,571 คน คิดเป็นร้อยละ 54.35 ขณะที่คำถามพ่วงมีผู้เห็นชอบ 288,318 คน คิดเป็นร้อยละ 42.38 ไม่เห็นชอบ 392,018 คน คิดเป็นร้อยละ 57.62 จากผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 1,291,364 คน
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 17,009,430 คน พบว่า มีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 3,923,855 คน คิดเป็นร้อยละ 48.58 ไม่เห็นชอบ 4,153,178 คน คิดเป็นร้อยละ 51.42 ส่วนคำถามพ่วง พบว่ามีผู้เห็นชอบ 3,371,333 คน คิดเป็นร้อยละ 44.56 ไม่เห็นชอบ 4,193,796 คน คิดเป็นร้อยละ 55.44
โดยพบว่าจังหวัดที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองบัวลำภู ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ และ ศรีสะเกษ ส่วนจังหวัดที่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เห็นชอบคำถามพ่วง ได้แก่ เลย อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
ส่วน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พบว่ามีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 690,698 คน คิดเป็นร้อยละ 64.09 ไม่เห็นชอบ 387,028 คน คิดเป็นร้อยละ 35.91 ขณะที่คำถามพ่วงมีผู้เห็นชอบ 613,111 คน คิดเป็นร้อยละ 60.48 ไม่เห็นชอบ 400,675 คน คิดเป็นร้อยละ 39.52 จากผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 2,054,425 คน