เมืองไทย 360 องศา
หากมองว่าการออดอ้อนขอกำลังใจ ขอความเห็นใจจากผู้สนับสนุน หรือแฟนคลับของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่เธอมีความทุกข์ใจจากการถูกดำเนินคดีจากโครงการรับจำนำข้าวที่มีการเรียกค่าหายให้ชดใช้กว่า 2.8 แสนล้านบาท เสี่ยงคุกตะราง ดังนั้น การระบายหรือขอกำลังใจมันถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ทำแบบนี้ได้ หากจิตตกหรือหวั่นไหวหวาดกลัว เพราะจะว่าไปแล้ว ไม่ว่าใครเจอคดีเข้าไปก็ปั่นป่วน ยิ่งเป็นคดีแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมันก็ยิ่งทุกข์เป็นทวีคูณ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามขั้นตอน ตามความเป็นจริง คดีความผิดจากโครงการรับจำนำข้าว ที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังถือว่าอยู่ในช่วงต้นๆ ตามกำหนดในวันที่ 5 สิงหาคม นี้ ก็เป็นเพียงขั้นการที่จำเลย คือ ยิ่งลักษณ์ ต้องแถลงเปิดคดี และมีการซักถามจากฝ่ายโจทก์ด้วย แต่หากนับด้วยระยะทางข้างหน้า ก็ยังถือว่าอีกยาวไกลอาจเป็นปีก็ได้ ดังนั้น หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็ยังไม่ถึงเวลาถึงจุดชี้เป็นชี้ตายแบบคุก หรือไม่คุกอย่างแน่นอน
แต่หากพิจารณากันกันถึงช่วงเวลาที่ใกล้ถึงวันที่ 7 สิงหาคม วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ฝ่าย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. กำลังรณรงค์ทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ ดังนั้น ในวันที่ 5 สิงหาคม ก็เปรียบเสมือนกับก่อนวันดีเดย์เป็นช่วงวันสุกดิบก่อนถึงวันสำคัญนั่นเอง
ถ้าพิจารณากันถึงช่วงเวลาประจวบเหมาะแบบนี้ มันก็พอทำความเข้าใจและมองเห็นว่า นี่คือการปั่นกระแสทางการเมืองอะไรบางอย่าง หรือการเช็กเรตติ้งสร้างกระแสกันหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โพสต์ข้อความไม่รับร่างดังกล่าวแบบย้ำกันอีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ย่อมมองออกว่านี่คือการสร้างกระแสทางการเมือง
แต่หากวกกลับมาโฟกัสเฉพาะเรื่องความผิดคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย หากมองกันถึงเรื่องความทุกข์ เป็นใครก็ต้องทุกข์ใจแสนสาหัสแน่ เพราะหากพิจารณาเฉพาะค่าเสียหายทางแพ่งที่คณะกรรมการตรวจสอบบัญชีสรุปยอดตัวเลขความเสียหายออกมาแล้วที่เธอต้องชดใช้จำนวนกว่า 2.8 แสนล้านบาท ยังไม่เกี่ยวกับความผิดอาญาในศาลฎีกาฯ ที่แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพิ่งเดินมาถึงการแถลงเปิดคดีของฝ่ายจำเลยในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ แต่ก็ถือว่าเริ่มงวดเข้ามาแล้วเหมือนกัน เพราะคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ใช้เวลาไม่นานเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาในศาลอื่น
ล่าสุดจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ต้องร่วมลงชื่อกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อออกคำสั่งทางปกครองบังคับชดใช้ค่าเสียหาย ระบุว่า ตัวเลขค่าเสียหายยังไม่นิ่งอยู่แค่นั้น เพราะเป็นเพียงการคำนวณตัวเลขแค่ถึงปี 2557 ต้องพิจารณาความเสียหายต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ที่ข้าวยังค้างอยู่ในโกดัง ที่มีค่าใช้จ่ายในการดูแล มีดอกเบี้ย เอาเป็นว่าหากเป็นนี้มันก็ต้อง “อ่วม” คาดเดาว่าตัวเลขค่าเสียหายต้องทะลุเกิน 3 แสนล้านบาทแน่นอน แบบนี้เป็นใครก็ต้องทุกข์ใจ ต้องการกำลังใจกันทั้งนั้น
คำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นความผิดทางแพ่งแยกออกมาต่างหากจากคดีอาญาที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังจะขึ้นแถลงเปิดคดีในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และยังต้องเจอการซักค้านจากฝ่ายอัยการ ซึ่งบางทีก็ไม่ได้เป็นคำถามที่เคยซ้อมคำตอบเอาไว้ในโพยกันล่วงหน้าก็ได้ ซึ่งขั้นตอนตรงนี้น่าจะหนักหนาสาหัสสำหรับตัวเธอ ไม่เหมือนกับการตอบคำถามนักข่าว หรือการแถลงนโยบายในสภาที่มีการเขียนสคริปต์ตามบทที่ทีมงานเขียนมาให้ แบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้ต้องทุกข์ใจจนต้องใช้สื่อโซเชียลโพสต์ขอกำลังใจในวันสำคัญ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการระบายความทุกข์ออกมา หรือต้องการสร้างกระแสแอบแฝงในเพื่อหวังผลในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคม อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันก็ตาม แต่มันก็เป็นการดิ้นรนอย่างเต็มกำลังที่ต้องทำทุกทาง ซึ่งคราวนี้ถึงคิวต้องดันหลังให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกโรงกันแล้ว
ส่วนจะได้ผลตามเป้าหมายหรือไม่ก็ต้องรอลุ้นเอาในวันที่ 5 สิงหาคม ต่อเนื่องไปจนถึงวันดีเดย์ 7 สิงหาคม แม้ว่านาทีนี้ก็พอเดาออกแล้วก็ตาม!
