xs
xsm
sm
md
lg

คำถามพ่วง-รอยร้าวบิ๊ก คสช. เสี่ยงผลประชามติพลิกกลับ!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

หลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 40/2559 ที่ให้งดการสรรหา และการคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แทนคนเก่าที่หมดวาระ หรือพ้นจากตำแหน่งจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ จากคำสั่งดังกล่าวที่เห็นผลแบบปัจจุบันทันด่วนก็คือ ทำให้ต้องยุติความพยายามผลักดันแต่งตั้งให้ “นพ.เรวัต วิศรุตเวช” เป็นกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีเป้าหมายขั้นต่อไปที่คาดกันว่า จะให้เป็นประธานกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่สืบแทน “ศรีราชา วงศารยางกูร” ประธานคนเก่าที่หมดวาระนั่นเอง

ที่ต้องโฟกัสไปที่ตำแหน่งกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ ที่กำลังผลักดัน นพ.เรวัต วิศรุตเวช เนื่องจากมีเส้นทางความเป็นมาที่พิลึกพิลั่น และเกี่ยวพันกับทั้งฝ่ายการเมือง กลุ่มอำนาจเก่า และโยงใยมาถึงกลุ่มอำนาจใหม่สาย “พี่ใหญ่” ที่กำลังถูกจับตามองด้วยความหวาดระแวงว่ากำลังเชื่อมต่อถึงกันในทางการเมืองวันข้างหน้าหลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีการเลือกตั้งใหม่

สำหรับแบ็กกราวนด์ของ นพ.เรวัต วิศรุตเวช เป็นอดีตอธิบดีกรมการแพทย์ ที่เคยมีความใกล้ชิดกับ “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และที่ผ่านมา นพ.เรวัต ผู้นี้ยังมีหลักฐานเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย และคนในพรรคดังกล่าวอย่างชัดเจน เคยเป็นคณะทำงานที่ปรึกษาของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุขของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และยังเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ประวัติแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

แต่กลายเป็นว่า นพ.เรวัต กลับยังได้รับการสนับสนุนให้เข้ามาเป็นกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณากันอีกว่าไม่ธรรมดาทั้ง “คนผลักดัน” และ “เป้าหมายข้างหน้า”

อย่างแรกก่อนคือ ฝ่ายสนับสนุน ซึ่งรับรู้กันว่ามี “พี่ใหญ่” คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวเรือใหญ่ ส่วนเป้าหมายข้างหน้านั้นก็ต้องจับตามองไปถึงเรื่องคดีที่บริษัท คิงเพาเวอร์ กำลังจะถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับร้านค้าปลอดภาษี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนที่กำลังจะพ้นหน้าที่ ตั้งแท่นให้ฟ้องไปแล้ว

ที่ผ่านมากรณีของ นพ.เรวัต วิศรุตเวช กำลังกลายเป็นชนวนความขัดแย้งภายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อย่างรุนแรง ที่เชื่อว่าส่วนสำคัญย่อมมาจากบทบาทและประวัติความสัมพันธ์ในอดีตของเขากับกลุ่มการเมือง เห็นได้จากการปฏิเสธการลงมติรับรองให้เป็นกรรมการผู้ตรวจการฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการสรรหาก็มีรายงานข่าวว่า กรรมการสรรหาต้องลงมติเลือกกันถึง 30 รอบ ย่อมต้องไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติตีตกไปแล้ว แต่กลายเป็นว่า นพ.เรวัต วิศรุตเวช กลับไปสมัครใหม่ แล้วก็มาให้สภานิติบัญญัติฯ โหวตเลือกกันใหม่ เหมือนกับ “ให้กลืนน้ำลาย” ตัวเอง ซึ่งถ้าพิจารณากันเฉพาะหลักจริยธรรม และสปิริตทางการเมืองแล้ว ทั้งเจ้าตัวคือ นพ.เรวัต ก็ไม่ควรย้อนกลับมาใหม่ รวมไปถึงคนที่ผลักดันเข้ามาก็สมควรหยุดได้แล้ว แต่เมื่อไม่ยอมเลิกราแบบ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ว่าต้องถูกมองว่ามีเจตนา “ซ่อนเงื่อน” เอาไว้หรือไม่

หากพิจารณากันถึงเรื่องความสัมพันธ์ในแบบต่อสายกันในทางการเมือง ก็พบร่องรอยความเชื่อมโยงระหว่างคนที่อยู่ข้างหลังระหว่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ถูกทำให้เข้าใจว่ากำลังจะเป็น “หุ่นเชิด” คนใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร ในพรรคเพื่อไทย และเมื่อมองถึงแบ็กกราวด์ ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงกับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในอนาคตข้างหน้า หลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งหากคำถามพ่วงที่ให้ ส.ว.แต่งตั้ง ร่วมโหวตเลือกนายกฯ นั่นแหละ

อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณากันเฉพาะหน้ากรณีของ นพ.เรวัต วิศรุตเวช ที่ถูกผลักดันให้เข้ามาเป็นผู้ตรวจการฯคนใหม่ และเป้าหมายมาเป็นประธานผู้ตรวจการฯ สำหรับภารกิจสำคัญแค่กรณีนี้กรณีเดียว ก็ถือว่าได้สร้างความด่างพร้อยให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สร้างความขัดแย้งภายในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่สำคัญ จากกรณีดังกล่าวทำให้สังคมภายนอกมองเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ทำลายเครดิตของ ทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำลายเครดิตของคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีบทบาทโดดเด่นมากในยุคที่ผ่านมา จะกลายเป็นถูกจับตามองด้วยความสงสัย ไม่ต่างจากการที่สังคมเริ่มสงสัยการทำหน้าที่ของประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ถูกผลักดันเข้ามาให้ทำภารกิจสำคัญบางอย่าง หรือไม่

แน่นอนว่า เมื่อเกิดกรณีการผลักดันผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ามาแบบนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามด้วยความระแวงกว่าเดิม จากเดิมที่มีความเสี่ยงสูงในเรื่องคำถามพ่วง ที่เปิดทางให้ ส.ว.แต่งตั้ง ร่วมโหวตเลือกนายกฯ คนนอก ก็ยิ่งเสี่ยงเป็นทวีคูณ แม้ว่าในความเป็นจริงหาก “ไม่ผ่าน” มันก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องอยู่ต่อ แต่ขณะเดียวกัน มันก็เสี่ยงต่อการสร้างเงื่อนไขป่วนจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอย่างหลังนี่แหละน่ากลัว!!
กำลังโหลดความคิดเห็น