รองนายกฯ แจง คสช.ออกคำสั่งควบคุมสื่อที่เป็นภัยความมั่นคง เพื่อคุ้มครอง จนท.ให้มีความมั่นใจ ไม่ต้องกลัวขู่ฟ้อง ย้ำไม่เลือกปฏิบัติ คงเปิดช่องฟ้องกลับ ชี้ไม่จับใครดะไม่กระทบประชามติ ไม่เกี่ยวพีซทีวี
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 40/2559 เรื่องการกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ให้การคุ้มครองคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ควบคุมสื่อที่เป็นภัยความมั่นคงว่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่เกิดความมั่นใจว่า หากไปปฏิบัติหน้าที่ตามประกาศ คสช.ที่ 97/2557 เรื่องการดำเนินการดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หากทำใน 4 ข้อ ขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ คือต้องทำตามอำนาจหน้าที่ ต้องทำโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรกว่าเหตุ ได้รับการคุ้มครอง เมื่อถามว่า การออกคำสั่ง เพราะปัจจุบันกฎกติกาควบคุมสื่อไม่เพียงพอ นายวิษณุตอบว่า พอ แต่เพราะมีประกาศ คสช.ที่ 97/2557 เมื่อเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติมักถูกข่มขู่จะฟ้องเลยกลัวกันหมด ไม่กล้าใช้อำนาจ จึงต้องเขียนคุ้มครอง แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ที่ได้รับความเสียหายฟ้องร้องตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะไปไล่เบี้ยอย่างไรก็แล้วแต่
เมื่อถามว่า พบสื่อที่อยู่นอกคอกมากหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นวิทยุชุมชนที่ผ่อนผันให้มีการลงทะเบียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวสื่อหนังสือพิมพ์ แค่ต้องการออกมาปราม เมื่อถามว่าจะกระทบต่อบรรยากาศในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้จับใครดะไปหมด ถ้าไปเที่ยวไล่จับใครดะไปหมด นั่นแหละส่งผลกระทบ สัญญาว่าไม่ทำอย่างนั้น เอาที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีอยู่ ไปบิดเบือน ด่ากัน และออกคำสั่งนี้ไม่เกี่ยวกับพีซทีวี