รองโฆษกศาลปกครองยันคำสั่งหัวหน้า คสช.ให้ กสทช.กำกับการดูแลข้อมูลข่าวสาร ไม่มีผลต่อคดี แค่คุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่รวมหน่วยงานทำผิด ถ้าพิสูจน์ว่าผิดก็ชดใช้ ด้านแกนนำเสื้อแดง เชื่อหวังลบล้างผิดสั่งปิดพีซทีวี คาดจ่อยกเลิกคำสั่งเดิมเพื่อออกคำสั่งใหม่กะทำให้ศาลเลิกพิจารณา
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครอง นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะรองโฆษกศาลปกครอง กล่าวถึงกรณีหัวหน้าคณะ คสช.มีคำสั่งที่ 41/2559 เรื่องการกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ให้อำนาจ กสทช.ควบคุมดูแลการนำเสนอข้อมูลข่าวสารหรือออกอากาศทางวิทยุและโทรทัศน์ ไม่ให้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย โดยการปฏิบัติของ กสทช.ได้รับการคุ้มครองทั้งทางแพ่ง อาญา วินัย ว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาคดีที่มีการฟ้อง กสทช.ว่าทำให้เสียหายต่อศาลปกครอง โดยผู้ฟ้องยังสามารถพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ กสทช.กล่าวหาได้ คำสั่ง คสช.เป็นเพียงการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กสทช.เท่านั้น แต่ไม่ได้คุ้มครองการกระทำผิดของหน่วยงาน ดังนั้น ถ้ามีการพิสูจน์ว่าหน่วยงานทำผิดทางปกครอง ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ศาลปกครองกลางได้เรียกไต่สวนคู่กรณีคดีบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้ระงับคำสั่ง กสท.ที่มีมติสั่งระงับใช้ใบอนุญาตของบริษัท พีซทีวี เป็นเวลา 30 วัน ในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) เวลา 13.30 น.ด้วย
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ ผู้บริหารบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า การมีคำสั่งดังกล่าวในช่วงที่มีการพิพาทกันระหว่างพีซทีวี และ กสทช. ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าเป็นการออกคำสั่งเพื่อลบล้างความผิดของ กสทช.ที่สั่งปิดพีซทีวีตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 2558 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังออกคำสั่งในการพักใช้ใบอนุญาตออกอากาศของพีซทีวี จึงต้องมีการอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อมาคุ้มครอง กสทช.ไม่ให้ถูกฟ้องทางวินัย แพ่งและอาญา กรณีนี้ยังสามารถตั้งข้อสังเกตได้อีกว่า หาก กสทช.ใช้แนวทางใหม่ในการดำเนินการต่อพีซทีวี โดยการมีคำสั่งเพื่อยกเลิกคำสั่งปิดพีซทีวีฉบับเดิม จากนั้น กสทช.อาจออกคำสั่งปิดพีซทีวีฉบับใหม่ หากเป็นเช่นนี้ศาลก็จะยกเลิกการพิจารณาคดีที่ผ่านมาเพราะถือว่าเป็นเรื่องเก่า อีกทั้งถ้ามายื่นก่อนวันที่เป็นวันหยุดราชการเพียง 1 วันนั้นจะทำให้พวกตนไม่สามารถยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ทันอย่างแน่นอน ตามหลักแล้วถ้า กสทช.มีความจริงใจหรือความบริสุทธิ์ใจก็ควรจะแจ้งว่าจะดำเนินการอย่างไรอย่างน้อย 2-3 วันก่อนวันหยุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณี อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวน ตนยืนยันว่าจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาลต่อไป และจะดู กสทช.ว่าใช้แนวทางดังกล่าวมาจัดการกับพวกตนอย่างที่ตั้งข้อสังเกตหรือไม่
“การใช้มาตรา 44 ในการออกคำสั่งดังกล่าวนี้ เชื่อได้ว่าจะทำให้ กสทช.ขยายอำนาจ ใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ โดยอ้างว่ากระทำการโดยความสุจริต บริสุทธิ์ใจ แต่ที่สำคัญคือการอ้างตามมาตรา 44 ที่ให้ความคุ้มครอง กสทช.จนสามารถดำเนินการอะไรก็ได้” นพ.เหวงกล่าว