รองนายกรัฐมนตรีปฏิเสธนายกฯ-หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 มอบดาบ กสทช.สั่งปิดสื่อเกี่ยวข้องกับทีวีเสื้อแดง “พีซทีวี” แต่ได้พิจารณามานานแล้วเพิ่งประกาศใช้ ด้านกรรมการ กสทช.ไม่เห็นด้วย หวั่นกระทบสื่อทุกแขนง แนะถ่วงดุลอำนาจใช้สิทธิต่อสู้ในศาลได้ แต่ห่วง กสทช.เสียงข้างมากใช้อำนาจขาดความระวัง และผลักภาระการถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายไปให้เงินหลวง
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 18.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 41/2559 คุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง (กสท.) ว่า ที่ผ่านมาการทำงานของทั้ง 2 หน่วยงานไม่มีอะไรคุ้มครอง บางครั้งถูกฟ้อง เราจึงออกคำสั่งคุ้มครองเพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ตัดสิทธิของสถานีโทรทัศน์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะถ้าทั้งสองหน่วยงานเลือกปฏิบัติ ลำเอียง หรือสองมาตรฐาน สามารถฟ้องได้เช่นกัน และ กสทช.กับ กสท.เองไม่มีอำนาจทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่มีอำนาจกระทำเกินกว่าเหตุด้วย ยืนยันว่าการออกคำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวีไปฟ้อง กสทช.ต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากได้พิจารณาคำสั่งนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งประกาศใช้ และมาตรการนี้จะไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการทำประชามติ รวมทั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น
ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กสทช.ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @supinya ว่า ไม่เคยเห็นด้วยต่อการปิดสื่อที่เห็นต่างทางการเมืองและได้ทำหน้าที่ต่อสู้หลักการใช้อำนาจทางกฎหมายมาตลอด ให้สื่อไปสู้ต่อที่ศาลปกครองได้ ซึ่งคำสั่งตามมาตรา 44 ของ คสช.ในวันนี้เป็นการปกป้องการใช้อำนาจของ กสท. และ กสทช.เสียงข้างมากจะกระทบต่อภาพรวมเสรีภาพสื่อทั้งหมด ไม่ใช่แค่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี
“ดิฉันเห็นว่าองค์กรสื่อ วิชาชีพสื่อ อุตสาหกรรมสื่อควรแสดงจุดยืนต่อคำสั่ง คสช. เพื่อการถ่วงดุลอำนาจของ กสทช. ให้สื่อใช้สิทธิสู้ในศาลต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลอาญา หรือศาลแพ่ง เพราะเป็นการต้องรับผิดชอบกับการใช้อำนาจของรัฐอย่างเป็นธรรมของรัฐ ตามกระบวนการหลักนิติธรรม ปัจจุบัน กสทช.มีอำนาจกำกับสื่อได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้อำนาจอย่างรอบคอบ มีการถ่วงดุล ถ้ามีมาตรา 44 มาปกป้อง จะทำให้ กสทช.ใช้อำนาจได้แบบแรงขึ้นอีก” น.ส.สุภิญญากล่าว
น.ส.สุภิญญากล่าวต่อว่า คำสั่ง คสช.บอกว่า กสทช.ไม่ต้องรับผิดชอบทางอาญาหรือแพ่ง แต่ให้อำนาจเอกชนเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้ เป็นการผลักภาระจาก กสทช.ไปให้เงินหลวง กรณีพีซทีวีเป็นเพียงเคสตั้งต้นที่ตอนนี้ศาลคุ้มครองอยู่ และ กสท.ใช้อำนาจสั่งปิดซ้ำ จากนี้รอผลจากศาลปกครองอีกรอบ ต่อไปอาจมีเคสอื่นๆ ตามมา ส่วนตัวไม่มีเจตนาอยากจะเห็น กสทช.เสียงข้างมากถูกฟ้องอาญาหรือแพ่งจากการทำงาน แต่การมีมาตรา 44 มาคุ้มครองจะทำให้ขาดความระวังใช้อำนาจ