“ตู่-จตุพร” อ้างไม่เคยปลุกปั่น เดินหน้าทวงคืน เผยอาจวางมือ “พีซ ทีวี” ให้คนอื่นพูดในรายการแทน “เต้น-ณัฐวุฒิ” โวไม่มีสถานีก็จะเล่าผ่านช่องทางอื่น ลั่นปิดพีซทีวีคราวนี้รู้กันทั้งโลก ด้านผู้ประกาศทีวีเสื้อแดงบุกถาม กสทช.ขอดูเนื้อหาออกอากาศเป็นภัยต่อความมั่นคง เลขาฯ กสทช.ขอเวลานำเข้าบอร์ดชุดใหญ่ ดูความผิดตาม มติ กสท.เผยมอนิเตอร์ทุกรายการ “ทีวีดาวเทียม-วิทยุชุมชน” ทุกแห่ง ด้าน เฟซพีซทีวีดิ้นถอดเทปคำพูด “ตู่-จตุพร” อ้างไม่มียุยงปุปั่น
ช่วงบ่ายวันนี้ (28 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้บริหารและผู้ประกาศ สถานีโทรทัศน์พีซทีวี นำโดยนายอนันตศักดิ์ คำเก่า และฝ่ายกฎหมายของสถานีฯ ได้แก่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี และนายกิตติ นิลผาย ทนายความ นปช.ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เพื่อขอความเป็นธรรม หลังมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บอร์ด กสท.) เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสถานี
อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีแกนนำ นปช.ซึ่งเป็นผู้บริหารพีซทีวี เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เดินทางมาในครั้งนี้ด้วย
ต่อมากลุ่มผู้บริหารพีซทีวีได้สอบถามว่าเหตุใดจึงระงับการออกอากาศและเพิกถอนใบอนุญาต นายฐากรกล่าวว่า ตนจะนำเรื่องเข้ารายงาน พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช.ว่าจะทำอย่างไรต่อ เนื่องจากมติเพิกถอนใบอบนุญาตผ่านขั้นตอนตัดสินใจของบอร์ด กสท.ไปแล้ว ขณะที่อนุกรรมการด้านเนื้อหารายการของ กสทช.
หรือบอร์ด กยท.ก็เคยตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง และมีมติให้ยุติออกอากาศไปแล้ว 7 วัน แต่ครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอที่เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงซ้ำอีก จึงมีมติเพิกถอนใบอนุญาต ตามบทลงโทษ มาตรา 37 และเป็นไปตาม MOU ที่คณะรักษาความสงบปห่งชาติ (คสช.) ได้ทำร่วมกับ กสทช.และผู้ประกอบกอบกิจการทีวีหลายแห่ง
“ยอมรับว่าช่องทีวีที่ กสทช.ทำการมอนิเตอร์ทุกช่อง ในประเด็นที่เกี่ยวกับหมิ่นสถาบัน และสร้างความขัดแย้งให้แตกแยกในสังคม ตอนนี้หลายช่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กสทช. โดยเหตุผลครั้งนี้ที่พีซทีวีถูกระงับเพราะออกอากาศมีเนื้อหาที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกในสังคม”
นายฐากรกล่าวด้วยว่า บอร์ด กสท.ได้พิจารณาในรายละเอียดเนื้อหาที่ออกอากาศของพีซทีวีแล้ว แต่หากพีซทีวียื่นขอความเป็นธรรมก็ถือว่าทำถูกต้องแล้ว ตนจะนำเสนอประธาน กสทช.เพื่อนำไปพิจารณาต่อที่ประชุมบอร์ดใหญ่ 10 คนว่าจะยืนตามมติเดิมของบอร์ด กสท.หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนขอเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอื่นๆ และวิทยุชุมชนที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการได้แล้ว ขอให้ทำตาม MOU ที่กำหนดไว้ เนื่องจาก กสทช.ได้ทำการมอนิเตอร์รายการของท่านโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารพีชทีวีระบุว่า ขอให้สำนักงาน กสทช.ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า ที่ระบุว่ามีเนื้อหาออกอากาศเป็นภัยต่อความมั่นคงนั้นมีเนื้อหาอย่างไร ขณะที่เลขาธิการ กสทช.ระบุว่าจะแจ้งให้ทราบเป็นเอกสารทางการตามไปภายหลัง
มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวในรายการ “มองไกล” http://upload.siamza.com/1915562 ผ่านพีซทีวี ถึงกรณีนี้ว่า ตลอดระยะเวลาการจัดรายการ ตนไม่เคยพูดจาด้วยความสะใจ ไม่รู้ว่าใครไปร้อง ก็อยากจะทราบรายชื่อ เพราะจะได้พูดคุยกันให้ถูกว่าอะไรที่เป็นการไปสร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร สร้างความสับสนปลุกปั่น ทั้งนี้ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหมือนรวันดา ที่ปลุกปั่นสถานการณ์ให้มีการฆ่ากันตายเป็นล้านคน แต่พยายามใช้สถานีนี้ให้เกิดความสงบ อยากทราบว่าตนเป็นภัยกับความมั่นคงของใคร
“วิธีการปฏิบัติต่อช่องพีซทีวีวันนี้ ท่านต้องการอะไร เพราะเหตุผลที่กล่าวอ้างมันเป็นความเท็จ ไม่มีถ้อยคำใดที่จะยุยงปลุกปั่นเป็นภัยต่อความมั่นคง สร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร ถ้าไม่อยากได้ยินเสียงผม ไม่สบายรูหู ก็ให้บอกมา ผมจะให้คนอื่นมาจัดแทน ไม่มีปัญหาอะไร แต่รายการอื่นๆ เขาก็ยังเดินหน้าได้ปกติ สถานีนี้มีพนักงานเป็นร้อยๆ ไปเหมารวมเขาทำไม จากนี้เราจะเดินทุกวิถีทางเพื่อทวงหาความยุติธรรมต่อไป”
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวในรายการ “เข้าใจตรงกันนะ” ผ่านพีซทีวีว่า เรื่องนี้มีธงไว้แล้ว ยืนยันว่ารายการไม่ได้สร้างความแตกแยก ไม่มีใครมายืนหน้าจอ เพราะอยากออกทีวี หากปิดที่นี้ เราก็หาที่พูดที่อื่น เพราะเราเป็นคนไทยเป็นเจ้าของประเทศคนหนึ่งเหมือนกัน แต่เราจะทำยังไงก็ขอให้ติดตามต่อไป ถ้าไม่มีสถานีก็จะเล่าผ่านช่องทางต่างๆ องค์กรระดับนานาชาติจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องประสานอธิบายความให้รับทราบ จะพบปะ หรือส่งเอกสาร หรือรูปแบบใดก็ตาม เอาเป็นว่า “ปิดพีซทีวีคราวนี้รู้กันทั้งโลก”
มีรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊กพีซทีวี ได้เผยแพร่ http://upload.siamza.com/1915057 คำถอดเทปรายการ “มองไกล” ของนายจตุพร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2558 ที่คณะกรรมการ กสท.ระบุว่าเป็นเทปที่มีปัญหา ขัดต่อเงื่อนไขที่ได้เคยเซ็นสัญญไว้ จึงส่งผลให้ คณะกรรมการ กสท.มีมติเพิกถอนใบอนุญาตการออกอากาศของช่องพีซทีวี