ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง “จอน อึ๊งภากรณ์” ฟ้อง กกต.เพิกถอนประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ และระงับออกอากาศรายการ “7 สิงหา ประชามติร่วมใจ” ระบุเป็นเพียงคำแนะนำ ถ้ามีวิธีอื่นที่ไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ และไม่ได้กำหนดถึงผลหรือโทษของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ขณะที่รายการทีวี ผู้ฟ้องไม่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
วันนี้ (14 ก.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องที่นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน หรือไอลอว์ กับพวกรวม 13 คน ฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และประธาน กกต. ขอให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ 2559 และขอให้ระงับการออกอากาศรายการ “7 สิงหา ประชามติร่วมใจ” โดยศาลเห็นว่า ข้อ 4 ของประกาศ กกต.ดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำและยกตัวอย่างวิธีการที่ กกต.เห็นว่าประชาชนสามารถดำเนินการได้เท่านั้น ซึ่งนอกจากวิธีการดังกล่าวแล้วประชาชนย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายได้
ส่วนข้อ 5 ของประกาศ กกต.ดังกล่าวที่ห้ามการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ การนำเข้าหรือการส่งต่อข้อมูล การทำหรือส่งสัญลักษณ์หรือเครื่องหมาย การจัดเวทีสัมมนาอภิปราย การชักชวนให้ใส่เสื้อหรือติดป้ายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย แจกจ่ายสิ่งของดังกล่าวในลักษณะรณรงค์ทั่วไป การแจกเอกสารใบปลิว การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชน การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม โดยข้อความอันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ หรือการชุมนุมทางการเมืองหรือสร้างความวุ่นวายทางสังคม หรือขัดขวางการออกเสียง
โดยประกาศดังกล่าวไม่ได้กำหนดถึงผลหรือโทษของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม และไม่ได้อ้างถึงบทบัญญัติที่กำหนดโทษทางอาญา การกระทำตามข้ออ้างดังกล่าวจึงไม่มีโทษอาญา ซึ่ง กกต.ได้ชี้แจงต่อศาลว่า ประกาศ กกต. ที่พิพาทดังกล่าวเป็นคำอธิบายแนวทางหรือวิธีการในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีโทษอาญา การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญสามารถดำเนินการได้หากไม่มีการปลุกระดมและไม่เข้าลักษณะความผิดตามกฎหมาย ดังนั้น ข้อ 5 ของประกาศ กกต.ดังกล่าวจึงเป็นเพียงคำแนะนำทั่วไป หรือตัวอย่างที่อธิบายเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยผู้ที่เกี่ยวข้องไม่อาจใช้ประกาศ กกต.ดังกล่าวเป็นหลักเกณฑ์ในการตีความว่าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศเป็นความผิดอาญาได้
ประกาศ กกต.ดังกล่าวจึงไม่ใช่การใช้อำนาจตามกฎหมายในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการออกเสียงประชามติอันมีลักษณะเป็นกฎ และเป็นหน้าที่ของ กกต.จะแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบถึงสถานะและผลของประกาศ ส่วนการถูกจับกุมและถูกห้ามกระทำการต่างๆ นั้น ไม่ใช่การถูกดำเนินคดีเนื่องจากฝ่าฝืนประกาศ กกต. ซึ่งหากนายจอนและพวกไม่ได้ทำความผิดต่อกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยวางแนวทางไว้แล้วว่าผู้ได้รับผลกระทบย่อมฟ้องร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้
ส่วนที่ฟ้องว่า การจัดรายการ “7 สิงหา ประชามติร่วมใจ” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์และสถานีวิทยุกระจายเสียงไม่ได้คำนึงถึงการให้โอกาสแต่ละฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่ากฎหมายบัญญัติให้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ คำอธิบายสาระสำคัญ ประเด็นเพิ่มเติม คำอธิบายหลักการและเหตุผล กระบวนการและขั้นตอนการออกเสียงให้ประชาชนได้รับทราบเป็นการทั่วไป โดยมีการจัดสรรเวลาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐเป็นผู้ดำเนินการโดยอยู่ในดุลพินิจของแต่ละสถานี ดังนั้นนายจอนและพวกจึงไม่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีนี้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา