“วีระ” โพสต์เฟซบุ๊กครบรอบ 2 ปี พ้นเรือนจำเขมร แฉ คสช. ไม่ได้ช่วยให้เป็นอิสระ แต่ “ฮุนเซน” ปล่อยเองก่อนที่ คสช. จะมาขอเจรจาเสียอีก เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะกักขังต่อไปแล้ว อัดรัฐบาล “อภิสิทธิ์” นอกจากจะไม่ช่วย ยังยัดเยียดคุกให้ เผย ทางการไทยไม่ยอมรับรองเอกสารแสดงสิทธิที่ดินให้ จึงไร้หลักฐานต่อสู้คดีในศาล ซ้ำยังขู่ “แม่” ว่า ลูกชายอาจตายในคุก เพื่อมาช่วยขอร้องให้รับผิด ลั่น คสช. ของบซื้ออาวุธมหาศาล หากนำมาใช้เกิดประโยชน์ต่อชาติ คนไทยยอมอยู่แล้ว แต่ถ้าแพงเพราะโกง คนเสียภาษีไม่ปล่อยลอยนวลแน่
วานนี้ (1 ก.ค.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Veera Somkwamkid” เนื่องในวันครบรอบ 2 ปี ที่ออกจากเรือนจำเปรย์ซอว์ ประเทศกัมพูชา ในข้อหาจารกรรมข้อมูล มีรายละเอียดว่า 1 ก.ค. 2559 ครบรอบ 2 ปี หลังจากที่ผมได้รับอิสรภาพ ผมขอเปิดเผยความจริงบางประการให้ทราบโดยทั่วกัน ว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผม และ คุณราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ต้องไปติดคุกในกัมพูชา มีสาเหตุมาจากอะไบ้าง
ฮุนเซนได้ใช้อำนาจปล่อยตัวผมออกจากเรือนจำเปรย์ซอว์ กัมพูชา เป็นการให้อภัยโทษ โดยที่ผมไม่ต้องรับเงื่อนไขใด ๆ จากทางกัมพูชา เป็นข้อแลกเปลี่ยน ไม่ต้องขอโทษฮุนเซน ไม่ต้องยอมรับก่อนว่าได้เข้าไปในดินแดนกัมพูชาโดยไม่ตั้งใจ ฮุนเซนยอมปล่อยตัวผม เนื่องจากเห็นว่ายิ่งคุมขังผมนานเท่าใด คนไทยก็จะเกลียดชัง และต่อต้านเขามากขึ้นทุกวัน และที่สำคัญ คสช. ทำการรัฐประหาร แย่งยึดอำนาจมาจากทักษิณ ทำให้ทักษิณไม่สามารถกลับมามีอำนาจได้อีก จึงไม่มีความจำเป็นต้องขังผมอีกต่อไป เพื่อเอาใจทักษิณ เขาชิงปล่อยตัวผมก่อนที่ คสช. จะมาขอเจรจา เป็นการให้ผลงานกับ คสช. แบบส้มหล่น คสช. ได้ผลงานไปเต็ม ๆ ประชาชนไทยทั่วไปที่ไม่ทราบความจริง ก็จะหลงชื่นชมว่าการช่วยผมออกจากคุกเป็นผลงานของ คสช. นอกจากนี้ ฮุนเซนต้องการต่อรองเพื่อแลกตัวผมกับทหารและพลเรือนกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ที่เข้ามาก่ออาชญกรรมแล้วถูกทางการไทยจับตัวได้ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ (ฮุนเซนใช้อำนาจของกษัตริย์กัมพูชาพระราชทานอภัยโทษให้ผม) เมื่อย้อนเวลาไปเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 53 หลังจากที่ผมได้รับการร้องขอจากคุณแซมดิน เลิศบุศย์ เลขาธิการกองทัพธรรม ให้ช่วยพา ส.ส. ประชาธิปัตย์ นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ ไปตรวจสอบบริเวณหลักเขตแดนหลักที่ 46 บ้านหนองจาน ต.โนนหมามุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และได้ถูกทหารกัมพูชาที่ใช้กำลังพร้อมอาวุธสงครามบุกรุกเข้ามาแย่งยึดแผ่นดินไทยบริเวณนั้น ทำการจับกุมตัวผม และคนไทยอีก 6 คน ไปจากเขตแดนไทยอย่างผิดกฎหมาย รัฐบาลไทยในขณะนั้น (รัฐบาลอภิสิทธิ์) นอกจากจะไม่สามารถทำการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน ให้หลุดพ้นจากการควบคุมตัวของทหารกัมพูชาแล้ว ยังผลักไสผมให้กับทหารกัมพูชา ที่เข้ามาทำการลักพาตัว คนไทยทั้ง 7 ไปจากแผ่นดินไทย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น เป็นคนแรกที่ออกมาผลักไสผม และคนไทยอีก 6 คน ว่า พวกเราได้เดินล่วงล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา 55 เมตร ต่อมา นายกษิต ภิรมย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนักการเมืองอีกหลายคนในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ออกมาช่วยกันกระหน่ำซ้ำเติมผม ทั้งที่บริเวณดังกล่าวมีข้อตกลงอย่างชัดเจนว่า หากมีประชาชนของฝ่ายใดพลัดหลงเข้าไป โดยไม่มีสิ่งของผิดกฎหมาย ให้ทำการบันทึกรายชื่อไว้เป็นหลักฐานแล้วทำการส่งตัวกลับ จะไม่มีการเอาตัวไปดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น พล.อ.ประวิตร เป็นอดีตทหารเก่าที่เคยดูแลชายแดนบริเวณนี้มาก่อน คุมกระทรวงกลาโหมอยู่ในขณะนั้น มีอำนาจในมือสามารถที่จะช่วยผมและคนไทยทั้งหกได้ ด้วยอำนาจหน้าที่ที่มี และความสัมพันธ์ส่วนตัวที่แสนจะสนิทแนบแน่นกับฮุนเซน พล.อ.ประวิตร นอกจากไม่ช่วยผมแล้ว ยังผลักไสว่าผมเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา 55 เมตร โดยที่ยังไม่มีการพิสูจน์ตรวจสอบให้ถูกต้องชัดเจนเสียก่อนจากทั้งฝ่ายไทยและจากฝ่ายกัมพูชา การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.ประวิตร จึงเข้าข่ายเป็นการทำให้ชาติและประชาชนได้รับความเสียหาย เป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่ฝ่ายกัมพูชา เป็นเสมือนกับการยกแผ่นดินให้กัมพูชาอย่างงาย ๆ ก็คงมีรัฐบาลไทยเพียงรัฐบาลเดียวในโลก ในยุคของนายอภิสิทธิ์ เท่านั้น ที่อำมหิตโหดเหี้ยม ช่วยกันผลักไสพลเมืองของตนเองให้กับศัตรูผู้รุกรานที่เข้ามาแย่งยึดแผ่นดินไทย ประเทศอื่น ๆ ในโลก เมื่อเกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้คนของเขารอดพ้นจากอันตรายกลับมาโดยปลอดภัยก่อน เรื่องอื่นค่อยมาเจรจากันภายหลัง ผมและคนไทยอีก 6 คน ไม่ใช่คนเลวร้ายที่สมควรจะถูกลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้ามผมได้ทำหน้าที่ช่วยราชการต้านภัยคอร์รัปชัน ช่วยปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้กับชาติ และประชาชนมาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม แต่กลับได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนี้จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทำเหมือนผมเป็นคนเลวร้ายที่สมควรถูกให้ศัตรูของชาติจับเอาไปขัง จับเอาไปฆ่า รัฐบาลไทย กองทัพไทย เจ้าหน้าที่ของรัฐไทย ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำ แต่กลับช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อให้ผมหมดหนทางต่อสู้ เช่น เมื่อกัมพูชายัดข้อหาผมว่าเป็นสายลับเข้าไปทำจารกรรม แทนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งรู้แก่ใจดีว่าไม่เป็นความจริง รัฐบาลควรปฏิเสธอย่างแข็งขัน ว่า ผมกับคุณราตรีไม่ใช่สายลับ หรือจารชน แต่ปรากฏว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐไทย พากันเงียบเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้กัมพูชายัดข้อหาให้ผมและคุณราตรีอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อถึงวันพิจารณาคดี (1 ก.พ. 2554) ทางกลุ่มคนไทยที่ต้องการช่วยผมได้พยายามรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารทางราชการต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าบริเวณที่ผมถูกจับเป็นแผ่นดินไทย ทางราชการไทย ไม่ว่ากรมที่ดิน กระทรวงการต่างประเทศ ต่างไม่ช่วยรับรองเอกสารดังกล่าวให้กับผม และคุณราตรี ทำให้กัมพูชาได้โอกาสทันที โดยศาลกัมพูชารีบปฏิเสธหลักฐานดังกล่าวทั้งหมด ว่า ไม่มีการรับรองจากทางราชการไทย ดังนั้น จึงไม่รับเข้าเป็นหลักฐานที่จะใช้ในการสู้คดีในศาลกัมพูชา ทำให้ผมและคุณราตรีไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารใด ๆ เลยในการต่อสู้คดี ทำให้เราต้องสู้คดีตามลำพัง โดยไม่มีพยานหลักฐานใดมาอ้างอิงเป็นพยานใช้ต่อสู้ในศาลกัมพูชา ทนายชาวกัมพูชา 2 คน ที่ทางสถานทูตไทยจัดหามาให้ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ตามสมควร พากันนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ทนายในการช่วยปกป้องลูกความของตนเองแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้เพื่อบีบให้ผมหมดหนทางต่อสู้ บีบให้ต้องยอมรับสารภาพ เพื่อจะได้สิทธิในการลดโทษ แต่ผมไม่สามารถทรยศต่อตัวเองต่อประเทศชาติได้ ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ไม่ได้เป็น ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าผมทำผิดจริง ผมพร้อมรับผิดโดยดี แต่เมื่อผมไม่ผิดจะให้ผมยอมรับว่าได้ทำความผิดได้อย่างไร ผมทำไม่ได้ ยอมตายเสียดีกว่า เมื่อผมไม่ยอมทรยศต่อแผ่นดิน ไม่ยอมรับว่าเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา จึงถูกศาลกัมพูชาพิจารณาและพิพากษาอย่างไม่มีความยุติธรรม โดยรีบรวบรัดตัดสินลงโทษทันทีภายในวันเดียว ว่า ผมได้กระทำความผิด ต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และตัดสินจำคุกคุณราตรีเป็นเวลา 6 ปี นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่ศาลกัมพูชาจะตัดสินอย่างไม่มีความยุติธรรม ยังมีไอ้พวกชั่วทั้งหลายในรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปทำการ ใช้อุบายพูดจาหว่านล้อม เพื่อทำให้คุณแม่ผมเกิดความกลัวว่าลูกชายอาจต้องตายในคุก หากไม่ยินยอมตามที่พวกเขาต้องการ ไอ้พวกชั่วเหล่านี้นอกจากมันจะทำร้ายทำลายผมแล้ว พวกมันยังได้ทรมาน และทำร้ายจิตใจคุณแม่ของผมอย่างอำมหิตโหดเหี้ยมที่สุด วันที่ผมต้องเจ็บปวดหัวใจอย่างสุดร้าวราน ที่เห็นคุณแม่ในวันมาเยี่ยมที่คุก คุณแม่ผมต้องมานั่งอ้อนวอนร้องไห้คร่ำครวญ ขอร้องให้ผมทำตามความต้องการของไอ้พวกชั่วทั้งหลาย เพื่อให้มีชีวิตรอดกลับไป ความรักของแม่ที่ไม่อยากเห็นลูกต้องตายในคุก ซึ่งถ้าผมเลือกทำตามการร้องขอของคุณแม่ผม ผมก็อาจจะหลุดพ้นไม่ต้องติดคุก แต่ผมเลือกที่จะยอมติดคุก เลือกที่จะยอมตาย ผมจะไม่เลือกการรักตัวกลัวตาย แต่ทำให้ให้ประเทศชาติเสียหาย หนีเอาชีวิตรอดกลับมา เหมือนคนที่ทรยศต่อชาติซึ่งผมทำไม่ได้ ถ้าจะให้ผมยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง ยอมเอาอธิปไตยของชาติไปแลกกับอิสรภาพของผม ผมเลือกยอมตายเสียดีกว่า ไอ้พวกชั่วมันหลอกคุณแม่ผม ว่า สามารถช่วยผมออกจากคุกได้ ถ้าผมยอมทำตามวิธีของมัน คือ ให้ผมยอมรับผิดว่าผมได้เดินเข้าเขตแดนของกัมพูชา ให้ผมยอมรับว่าแผ่นดินตรงนั้นเป็นของกัมพูชา
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก ผมเลือกที่จะก้มลงกราบแทบเท้าของคุณแม่ และบอกกับคุณแม่ ว่า ผมขอเป็นเป็นลูกเลวของคุณแม่เพียงคนเดียว ที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวด ผมไม่สามารถทำตามการร้องขอด้วยความรักความหวังดีจากคุณแม่ของผมได้ แต่ผมจะไม่มีวันเนรคุณ หรือทรยศต่อแผ่นดินเกิด แผ่นดินแม่ของผมอย่างเด็ดขาด ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อผมรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี ว่า บริเวณที่ผมถูกจับยังเป็นแผ่นดินไทย ที่มีหลักฐานทางราชการยืนยันอย่างชัดเจน เช่นเอกสารรับรองการครอบครองที่ดิน ส.ค. 1 และ น.ส.3 ก. ที่ชาวบ้านได้รับจากทางราชการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศยกเลิกเอกสารรับรองสิทธิของทางราชการที่ออกให้กับชาวบ้าน และตราบใดที่ยังไม่มีการสำรวจและปักปันเขตแดนใหม่ให้ถูกต้อง คนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือประชาชนก็ต้องยึดถือตามนี้
นอกจากนี้ ยังมีอดีตนายทหารอย่างน้อย 2 ท่าน ที่ยืนยันมาโดยตลอดว่าบริเวณที่ผมถูกทหารกัมพูชาเข้ามาลักพาตัวไป คือ แผ่นดินไทย ท่านแรกคือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตนายทหารไทยที่เคยดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยบริเวณนี้มาก่อน อีกท่านคือ นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยสงครามในกัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน ทั้งสองท่านยังมีชีวิตอยู่ สามารถที่จะสอบถามเพื่อหาความจริงดังกล่าวได้ ความเลวร้ายที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำกับผม และคุณราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ขออย่าให้เกิดกับคนไทยคนใดอีกเลย ไม่ช่วยคนไทยที่ไม่ได้ทำความผิดแล้ว ยังผลักไสยัดเยียดให้ไปติดคุกในดินแดนของผู้รุกรานเสียอีก ถ้าส่งผมกับคุณราตรีให้กัมพูชา เพื่อแลกกับการได้แผ่นดินกลับคืนมา ผมจะไม่เสียใจเลย ไม่ช่วยผมกับคุณราตรีแล้ว ยังยอมให้ศัตรูมาเอาอธิปไตยของชาติไปอีก ความผิดนี้โทษถึงประหารชีวิตทีเดียว ก็ขอให้ทุกรัฐบาลมีความจริงใจและจริงจังในการรักษาอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ถึงเวลาหรือยังที่จะขับไล่ทหารต่างชาติที่ถืออาวุธสงครามเข้ามาแย่งยึดแผ่นดินไทย ให้ออกไปจากแผ่นดินไทยเสียที คสช. กล้าเสี่ยงต่อการเป็นกบฏล้มล้างแผ่นดิน กล้าฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ คสช. กลับไม่กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ ตามอำนาจและหน้าที่ที่มี คือไม่กล้าขับไล่ศัตรูของชาติ ที่เข้ามาแย่งยึดแผ่นดินไทย ให้ออกไปเสียจากแผ่นดินไทยในทันที คนไทยจะมีความสุขมาก ถ้าเราได้อธิปไตยที่เสียไปกลับคืนมา ทุกประเทศในโลกนี้ เขาไม่ยอมให้ชาติใดมาทำให้อธิปไตยของชาติเขาเสียหายแม้แต่น้อย คสช. อย่าทำเก่งเฉพาะกับคนไทยด้วยกันที่ไม่มีทางสู้ แต่กับศัตรูของชาติที่มีอาวุธ คสช. กลับไม่กล้าไปขับไล่ให้ออกไปจากแผ่นดินไทย ไล่ให้ออกไปก่อน แล้วจึงเจรจาด้วย ไม่ใช่อ้างเพียงว่าไม่ต้องการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน จะใช้แต่การเจรจาอย่างเดียว ที่ผ่านมา กว่า 10 ปี ผู้รุกรานเขายึดแผ่นดินไทยเข้าไปปลูกสร้างบ้านเรือน ขยายอาณาเขต คนไทยเข้าไปในที่ดินที่เคยเป็นของตนเองไม่ได้ แล้วเรามัวแต่อ้างว่ากำลังเจรจา แต่เคยได้แผ่นดินกลับคืนมาบ้างหรือไม่ ผมไม่ได้คลั่งสงครามอยากให้เกิดสงคราม แต่การขับไล่ผู้รุกรานให้ออกไปจากแผ่นดินมันไม่ใช่หน้าที่ที่ควรทำหรือ? ถ้าไม่กล้ารบเพื่อขับไล่ผู้รุกรานให้ออกไป ก็ควรลดงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธลงบ้าง เพราะซื้อมาแล้วก็ไม่เอามาใช้เมื่อถึงคราวจำเป็น
ปีนี้ คสช. ก็ของบประมาณซื้ออาวุธหลายแสนล้าน ไปซื้ออาวุธจำนวนมากมาแล้ว ต้องเอามาใช้ในการป้องกันประเทศ ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีใครห้ามทหารซื้ออาวุธที่เหมาะสมและจำเป็น แต่ถ้าการจัดซื้ออาวุธมาเพื่อต้องการค่าคอมมิชชันเข้ากระเป๋านายทหารใหญ่บางคน โดยจัดซื้ออาวุธไร้ประสิทธิภาพมาให้ทหารใช้ แล้วทหารต้องเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากอาวุธที่ไร้ประสิทธิภาพ ไปซื้ออาวุธล้าสมัย หรืออาวุธมือสองเก่าเก็บเอามาย้อมแมวขาย ซื้อมาแล้วก็ไม่สามารถเอามาใช้ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติได้อย่างเต็มที่ รอวันจำหน่ายทิ้ง ทำอย่างนี้เป็นการเสียหายต่อชาติและประชาชน ผมเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้กองทัพซื้ออาวุธที่ดี มีประสิทธิภาพมาใช้ในการป้องกันประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตนายทหาร ผมเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้มีการทุจริตในการจัดซื้ออาวุธใด ๆ ทั้งสิ้น จะซื้ออาวุธดี ๆ มาใช้ จะแพงอย่างไรไม่มีใครต่อต้าน แต่ที่คนไทยต่อต้านคือต่อต้านการที่รัฐบาล และกองทัพมีการทุจริตในการจัดซื้ออาวุธ ที่สำคัญ ซื้อมาแล้วกลับไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า ถ้าโกงแล้วยังไม่ทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง คนเสียภาษีเขาไม่ยอมให้ลอยนวลแน่ เข้าใจไหม?