รองประธาน สนช.ไม่ห่วงแม้ศาล รธน.วินิจฉัย ม.61 วรรคสอง ขัด รธน. สามารถใช้กฎหมายอื่นมาดำเนินการพวกป่วนประชามติ ไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44 เข้ามาดำเนินการ ส่วนข้อเสนอเพื่อไทย ออก พ.ร.บ.สร้างความปรองดอง แนวคิดตรงกับ สนช.บางส่วน
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงการวินิจฉัยมาตรา 61 วรรคสองของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 โดยศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (29) ว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล หากไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญทุกอย่างก็เดินไปตามเดิม แต่หากขัดก็จะขัดแค่วรรคที่มีปัญหา หรือบางถ้อยคำในวรรคนั้น โดยศาลก็คงจะเขียนมาให้ชัดว่าคำไหน อย่างไร เพื่อง่ายต่อการแก้ไข หรือตัดทิ้ง แต่ก็ยังมีบทหลักในมาตรา 7 และมาตรา 61 มาบังคับใช้
ส่วนแนวทางการใช้มาตรา 44 เพื่อควบคุมสถานการณ์แทนหากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น โดยส่วนตัวแล้วมองว่ายังมีกฎหมายเฉพาะที่มาบังคับใช้ได้ ซึ่งกติกาการแสดงความเห็นแค่ไม่เอาความเท็จหรือพูดจาหยาบคาย ปลุกระดม หากเข้าใจกติกาตรงนี้ก็สามารถแสดงความเห็นได้อย่างอิสระไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ก็ขึ้นกับความเห็นของ กกต.ในฐานะผู้รักษาการณ์ตามกฎหมาย หากคิดว่ากฎหมายยังดูแลได้ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขใดๆ
นายสุรชัยยังกล่าวถึงกรณีที่นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย เสนอให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นเจ้าภาพดำเนินการเรื่องการสร้างความปรองดอง โดยทำเป็นร่าง พ.ร.บ.เสนอให้ สนช.ดำเนินการและเชิญฝ่ายต่างๆ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มการเมืองเข้าเป็นกรรมาธิการร่วมกันว่า ต้องดูร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการออกเสียงประชามติก่อน หากประชาชนเห็นชอบในบทบัญญัติก็มีส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการสร้างความปรองดอง แต่ยอมรับ สนช.บางส่วนก็มีแนวความคิดนี้อยู่ เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยจะหารือกับนักการเมืองนั้น ตนเห็นว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพในการออกเสียงประชามติก็สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกติกา และไม่มีการปลุกระดมใดๆ ทางการเมือง
