รมว.ยุติธรรมอ้างสอบถามแล้ว ยืนยันส่งชื่อ 2 อัยการนาทวีเข้าบัญชีมาตรา 44 ไม่ผิดพลาด มีเหตุผล ยืนยันไม่รับเคลียร์บัญชีทุกกรณี แม้คนโดนย้ายเหมือนจะถูกดิสเครดิต ส่วนปมการเด้งบอกที่ผ่านมาพยายามไม่พูดรายละเอียด ให้ไปจบกันที่ศาล เป็นเรื่องของผู้ตรวจสอบกับต้นสังกัดมาคุยกัน
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงกรณีพนักงานอัยการ ไม่พอใจคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 33/2559 ที่ให้นายวาทิต สุวรรณยิ่ง อัยการจังหวัดนาทวี และนายมาโนช รัมมะสินธุ์ รองอัยการจังหวัดนาทวี ไปปฏิบัติราชการในสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดของทหารในพื้นที่ที่รายงานข้อมูลต่อผู้บังคับบัญชาผิดพลาดว่า ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ให้ชี้แจงภายใน 30 วัน เหมือนกับข้าราชการคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ดังนั้นขอให้ชี้แจงมา ตนจะนำผู้ตรวจสอบและผู้ที่มีรายชื่อมาพบกัน จะถามว่าหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ จากนั้นจะเรียนให้นายกฯ
ทั้งนี้ ตนได้สอบถามหน่วยที่ตรวจสอบแล้วเขายืนยันว่าไม่ได้ผิดพลาด มีเหตุผล และจะเห็นว่าบัญชีของ ศอตช.ครั้งที่ผ่านๆ มา เราพยายามหลีกเลี่ยงพูดในรายละเอียด เพราะคดีต้องยุติที่ศาล ส่วนรัฐบาลเป็นมาตรการทางวินัยและปกครอง ถ้าไปพูดถึงรายละเอียดต่อสังคมจะเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ที่มีรายชื่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นการไปปักปรำ จึงพยายามไม่ลงรายละเอียดในคำสั่งจนมากเกินไป ให้เป็นเรื่องของผู้ตรวจสอบกับต้นสังกัดมาคุยกัน ซึ่งไม่ใช่ในพื้นที่สื่อ แต่ยืนยันว่าหลักฐานเขามี เราดูแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ควรเคลียร์กับสังคมโดยเร็วหรือไม่ เพราะคนที่โดนย้ายเหมือนถูกดิสเครดิต พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่เคลียร์ ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ ไม่เช่นนั้น ศอตช.จะต้องเคลียร์บัญชีก่อนๆ หน้านี้ไปหมด
ต่อข้อถามว่า เคลียร์ในทีนี้หมายถึงพิสูจน์ว่าผิดหรือไม่ผิด พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า วิธีการทำงานของ ศอตช. ผู้ที่มีรายชื่อ หน่วยต้นสังกัด ต้องไปดำเนินการมา และถ้าเร่งด่วนตนจะเชิญหน่วยตรวจสอบกับต้นสังกัดและผู้มีรายชื่อมาชี้แจง ซึ่งหลักฐานเหล่านี้ต้องเปิดทางลับ ไม่ควรเปิดต่อหน้าสื่อ ดังนั้น ตนจะไม่เคลียร์อะไรทั้งสิ้น ถ้าเคลียร์บัญชีนี้ต้องกลับไปเคลียร์บัญชีอื่นๆ อีก และบทเรียนจากบัญชีก่อนๆ หลายคนไม่ได้มาเคลียร์กับตน เพราะพอเห็นหลักฐานก็ชัดแจ้ง
รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ตนได้คุยกับ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด (อสส.) ไว้บ้างแล้วว่า ถ้ามีอะไรขอความกรุณาสอบสวนชั้นต้นและมาพบตนจะได้เข้าใจ เพราะตนไม่สามารถให้รายละเอียดกับสื่อได้ จะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งขึ้นมา อย่างไรก็ตาม บัญชีล่าสุดมันกึ่งๆ ไม่ใช่เรื่องทุจริตโดยตรง เป็นเรื่องปฏิบัติหน้าที่ ความไม่เรียบร้อยที่มันมีประเด็นอยู่