ทนายความญาติชายพิการที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมสังหารจนเสียชีวิต ติงอัยการมีส่วนได้เสียคดี ไม่ควรแสดงความเห็น รับเป็นกังวลหลังรองอธิบดีอัยการฯ จ้อ ลั่นปฏิบัติหน้าที่ขอความเป็นธรรมจนถึงที่สุดแล้ว ขอยุติบทบาท ไม่ให้สัมภาษณ์อีก จนกว่าจะขึ้นศาล และคดีเสร็จสิ้น หวังกระบวนการยุติธรรมไร้แรงเสียดทาน เผยคุยกับโจทก์แล้วทุกคนตกลง พร้อมน้อมรับหากอัยการไม่เพิ่มข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรอง
วันนี้ (23 มิ.ย.) ชาวสังคมออนไลน์ ได้แชร์ข้อความที่ นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความฝ่ายชายพิการที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมสังหารจนเสียชีวิต ที่ชอยโชคชัย 4 เขตลาดพร้าว กรุงเทหมหานคร โดยระบุว่า “ผมสู้จนถึงที่สุดแล้ว ขอยุติบทบาทเพียงเท่านี้” ซึ่งเป็นคำพูดระหว่างการสนทนากับ น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร พิธีกรรายการข่าว ในรายการ ถามตรง ๆ กับ จอมขวัญ ทางสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล ไทยรัฐ ทีวี
ทั้งนี้ นายอนันตชัย ได้ไปร่วมรายการดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในประเด็นที่ได้ยื่นหนังสือขอคัดค้าน และตั้งข้อรังเกียจ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมพิจารณาคดี หลังรองอธิบดีอัยการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคดีนี้ โดยมีใจความบางส่วน ระบุว่า พนักงานอัยการ ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี เพราะว่าเป็นคนพิจารณาสำนวน จากพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานอัยการผู้มีส่วนได้เสีย การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หรือออกมาแสดงความคิดเห็นใดใดก็แล้วแต่ ถูกหรือไม่ ไม่สมควร ตนว่าไม่เหมาะสม และเมื่อนายปรเมศวร์ เขียนข้อความระบุว่าคดีดังกล่าวอยู่ในสำนักคดีของนายปรเมศวร์ ก็ทำให้ตนและผู้เสียหายวิตกกังวลกันใหญ่ เพราะอาจเป็นการชี้นำได้
เมื่อถามถึงกรณีข้อเรียกร้องต่ออัยการสูงสุดให้เพิ่มข้อหาฝ่ายจำเลยเป็นฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ทางอัยการปฏิเสธที่จะเพิ่มในสำนวนนั้น นายอนันตชัย กล่าวว่า วันนี้ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นตัวแทนของผู้เสียหายถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ตนทำถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนต่าง ๆ เพื่อขอความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการร้องอัยการสูงสุด เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตนก็จะไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และก็จะไม่ให้ข่าวที่ใดอีก และก็จะไม่ออกรายการไหนอีก ตนจะขอยุติบทบาทของตนเพียงเท่านี้ เพื่อให้พนักงานอัยการและศาลเป็นผู้พิจารณา และเพื่อที่จะให้ประชาชนทั่วไปจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจ ตนก็ขอยุติบทบาทเพียงแค่นี้
นายอนันตชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายได้คุยกับตนแล้วว่าพร้อมน้อมรับในสิ่งที่เป็นความเห็นของพนักงานอัยการ เราจะไม่กดดัน และก็คุยกันแล้วในเรื่องการออกข่าวว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตนจะขอออกรายการนี้เป็นครั้งสุดท้าย และก็จะไม่ออกที่ไหนอีกโดยเฉพาะคดีนี้ จนกว่าจะขึ้นศาล และจนกว่าคดีนี้จะเสร็จสิ้น เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอัยการและศาล ไม่มีแรงเสียดทานจากประชาชนและกดดันศาลอย่างที่นายปรเมศวร์ คิดเอาไว้ ทุกคนเขาก็ตกลงตามที่ตนคิดเอาไว้ ก็ถือว่ารายการนี้เป็นการปิดฉากการดำเนินการขอความเป็นธรรมแทนผู้เสียหาย