xs
xsm
sm
md
lg

แดงบุกจี้ “บิ๊กป้อม” เลิกคุกคามตั้งศูนย์ฯ ฉะยัดข้อหาชุมนุมให้ขึ้นศาลทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แกนนำแดงตบเท้ายื่นหนังสือ “ประวิตร” หยุดคุกคามเปิดศูนย์ปราบโกงฯ ย้อนงบที่ลงทุนให้ ปชช.ไม่เท่ากับจีที 200 เย้ยคิดเป็นนายกฯ อย่าทำงานกระจอก โต้ไม่ได้ชุมนุมวันเปิดศูนย์ฯ ฉะใช้วิชามารให้เข้าศาลทหาร จี้ควรเป็นลูกผู้ชาย แย้มเตรียมนำหมายเรียกฟ้องต่างชาติ ติง “มีชัย” ฉุนจัดตามนายกฯ ย้อนไปบีบให้ครู ค.พูดตาม แขวะนายกฯ UN ไม่สน รบ.นี้ หนุน ปชต.แทน

วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่ง ก.พ. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำฯ พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่หยุดคุกคามประชาชนที่ทำการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ และข่มขู่หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะฟ้องศาลทหาร

โดยนายจตุพรกล่าวว่า ขอสื่อสารไปยัง พล.อ.ประวิตร ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ขึ้นชื่อเป็นซูเปอร์รัฐฏาธิปัตย์ และคิดจะเป็นนายกฯ ในอนาคต กว่าจะถึงวันนี้ได้ พล.อ.ประวิตรต้องมีจิตใจนักเลง รักษาคำพูดและทราบว่าอะไรคือการรังแกประชาชน ขอให้ท่านยุติการคุมคามประชาชน และไม่จำเป็นต้องถามว่าประชาชนได้เสื้อ ได้ป้ายศูนย์ปราบโกงฯ จากที่ใด เพราะของทั้งหมดพวกตนทำให้ ซึ่งงบทุกอย่างที่ทำเทียบไม่ได้กับที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ใช้ และรวมงบที่ใช้ลงทุนทั้งหมดไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจีที 200

นายจตุพรกล่าวว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่นำไปแถลงข่าวว่าได้เสื้อ ป้าย เสมือนจับของผิดกฎหมายนั้น ขอบอก พล.อ.ประวิตร ว่าในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ขอให้พอได้แล้ว คนที่ยิ่งใหญ่ไม่ควรทำงานกระจอก หรือคนที่คิดการใหญ่ที่จะมาเป็นว่าที่นายกฯ ในวันข้างหน้าไม่ควรจะทำตัวเล็ก ฉะนั้นขอให้ท่านเลิกดำเนินคดี เลิกคุกคามเสียที อีกทั้งขณะนี้ทั้งป้ายและสถานที่ พวกท่านยึดได้เรียบร้อยแล้ว การปราบโกงประชามติไม่ได้อยู่ที่เสื้อ ป้าย หรือสถานที่ ส่วนวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งข้อหาพวกตนหากดำเนินการเปิดศูนย์ฯ จะผิดข้อหาชุมนุมเกิน 5 คนนั้น วันดังกล่าวยังไม่ได้ชุมนุมใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มสำนักงาน ขณะที่พวกตนก็ยืนแถลงข่าวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อไม่มีการชุมนุมก็ต้องไม่มีข้อกล่าวหา แต่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพร นายทหารพระธรรมนูญ แจ้งข้อหาพวกตนเพื่อลากพวกตนเข้าสู่ศาลทหารทั้งที่ยังไม่ได้ชุมนุมเป็นเรื่องน่าขยะแขยง ซึ่งหลายครั้ง พ.อ.บุรินทร์ใช้วิธีการนี้ เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้เพราะ พ.อ.บุรินทร์ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเข้าข่ายแจ้งความเท็จ

“เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น พวกท่านต้องการใช้วิชามาร ให้พวกผมเข้าสู่ศาลทหารและตั้งเงื่อนไข สิ่งที่ท่านควรรับฟังคือถ้อยแถลงของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ขอให้เปิดพื้นที่เสรีภาพแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ท่านควรรับฟังมากกว่าการโอ้อวดของนายกฯ ว่าคุยกับเลขาฯ ยูเอ็นในช่วงเช้า อีกทั้งการกลัวแพ้ประชามติ การแสดงออกของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ที่ออกปลุกคนไทยขจัดอันธพาลเนื่องจากจะต้องกล้องถ่ายครู ค.เวลาลงพื้นที่ ถามว่าครู ค.มีความลับอะไร นายมีชัยกำลังซ่อนเรื่องใดอยู่ อาการกลัวแพ้จึงลนลานทั้งหมด อย่าง กกต.บอกยินดีให้ต่างชาติเข้าฟังได้ แต่ พล.อ.ประวิตร ปิดประตูไม่ต้อนรับทั้งยูเอ็นและอียู ถามว่าวันนี้ใครกันแน่ที่ดูแลเรื่องประชามติ พรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) พวกผมจะไปที่สำนักงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สัปดาห์หน้าจะไป กกต.เพื่อตกลงว่าทำอะไรได้บ้าง แต่มาวันนี้เพื่อบอก พล.อ.ประวิตรหยุดคุกคามได้แล้ว ท่านอย่าบีบให้พวกผมไม่มีทางเลือก ผมขอบอกไว้ ท่านควรมีความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ควรจะปล่อยให้ลูกน้องมีพฤติกรรมเช่นนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าคนที่เป็น คสช.ไม่มีวิสัยทัศน์ของชายชาติทหาร” นายจตุพรกล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า การออกหมายเรียกแกนนำ นปช.ส่วนกลาง และภูมิภาค ที่ร่วมกิจกรรมเปิดศูนย์ปราบโกงฯ นั้นเราไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆ ที่ปรากฏอยู่ในหมายเรียก โดยเฉพาะกล่าวหาว่าเป็นการชุมนุมทางการเมือง นำไปสู่ความวุ่นวายเนื่องจากในวันดังกล่าวมีการเจรจาแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกับเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมจบลงในวงเจรจา ไม่มีความเคลื่อนไหวในรูปแบบอื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามถ้ามีหมายเรียกมา พวกเราพร้อมจะเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม แต่ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปได้ยากที่จะหาความยุติธรรมได้

“จุดยืนของเราชัดเจนมาตลอดว่าการเปิดศูนย์ปราบโกง ไม่ใช่เป้าหมายในการเผชิญหน้ากับรัฐบาล หรือสร้างสถานการณ์รุนแรงใดๆ ต่อรัฐบาล ดังนั้นเราพร้อมยืดอกไปพบกับทุกอำนาจที่กำลังกระทำกับเราอยู่ในขณะนี้ ผมคาดว่าทุกคนคงได้รับหมายเรียกทยอยกันไป อยากให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจฟังคำผมว่า ถึงจะออกหมายเรียก 20-30 ใบ แต่พวกผมก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก ให้มาอีกก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่าในที่สุดการพิสูจน์ความจริง หรือความบริสุทธิ์ จะเป็นที่ประจักษ์ชัด แก่สายตาคนไทย และชาวโลก” นายณัฐวุฒิกล่าว

เลขาธิการ นปช.กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันถือเป็นสิทธิที่พวกเราจะรวบรวมนำหมายเรียกทั้งหมดนี้ สื่อสารไปยังหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และนานาชาติที่ให้ความสนใจ ได้รับทราบความคืบหน้าของสถานการณ์เป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าเป็นการนำเสนอข้อมูล ไม่ใช่ให้เข้ามาแทรกแซงก้าวก่ายกระบวนการของไทย ส่วนกรณีของนายมีชัยที่ออกมาระบุว่ามีพวกป่วนครู ค. ถือเป็นอันธพาลนั้น ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายทนายของกลุ่มฯดูข้อกฎหมายอยู่ ถ้ามองจากมาตรฐานที่ผู้มีอำนาจปฏิบัติต่อพวกตน สิ่งที่นายมีชัยพูดถือเป็นปัญหาโดยแท้ เพราะปลุกให้มีการเผชิญหน้ากันสองฝ่าย ไม่นึกว่าวันหนึ่งคนอายุมากอย่างนายมีชัยจะเก็บอารมณ์ไม่ได้ ออกอาการจนถึงขนาดนี้

“ผมไม่นึกว่าอาการฉุนจัด เกี้ยวกราด ปรี๊ดแตก จะเป็นโรคติดต่อไล่เรียงมาจากนายกรัฐมนตรี จนบรรดาบุคคลสำคัญทั้งหลาย ขณะนี้เป็นกันไปหมด แสดงออกซึ่งอารมณ์และขาดเหตุผล ขอถามคุณมีชัยที่บอกว่าใครไปถ่ายรูปครู ค. เป็นอันธพาลเป็นคนทำลายชาติ จนถึงวันนี้ครู ค.ลงพื้นที่ซักนิดหรือยัง นั่นหมายความว่ายังไม่มีเหตุการณ์ที่ครู ค.ลงพื้นที่ หรือถ้ามีบ้างแล้ว ช่วยพูดให้ชัดทีว่ามีใครไปถ่ายรูป แบบที่กล่าวหาบ้าง แล้วมันมีสถานการณ์อะไรถึงขั้นที่คุณมีชัยแสดงอารมณ์ขนาดนั้น ยืนยันว่าการติดตามความเคลื่อนไหวของวิทยากรที่เข้ารับการอบรมทุกระดับ ทำในฐานะประชาชนปกติ เวลาพวกผมร้องรำทำเพลงที่สถานีตัวเอง มีประชาชนมาบันทึกภาพ หรือเสียง ผมก็ไมรู้สึกว่าเขาทำลายชาติ เวลาเดินทางไปไหนก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของรัฐ ตามถ่ายภาพ เก็บความเคลื่อนไหว พวกผมก็ไม่เคยเห็นบุคคลเหล่านั้นเป็นอันธพาล เพราะเราคิดว่าเป็นเสรีภาพที่ทำได้” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สิ่งที่ กรธ. กกต. ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาก็คือแนวคิดในการเลือกใช้ครู ค. มันคือแนวคิดของการดูถูกเหยียดหยามประชาชน ใช้อำนาจบังคับข่มเหงจิตใจ เพราะไปสรุปเองว่าประชาชนที่ถูกคัดเลือกมาเป็นครู ค.เป็นคนไม่มีความรู้เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ นำเนื้อหาสาระไปยัดเยียดให้ แล้วกำหนดให้เขาพูดตามที่ต้องการ ทั้งๆ ที่ในหัวใจของผู้ถูกคัดเลือกเป็นครู ค.อาจคิดต่างออกไปก็ได้ อาจมีจำนวนมากไม่รับร่างฯ เพราะเห็นข้อเสียของร่างฯมากมาย แต่แสดงออกไม่ได้ เพราะใช้อำนาจไปเลือกเข้ามา นี่จึงเป็นสถานการณ์ปัญหา ดังนั้น ครู ค.เองกำลังเป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ผู้มีอำนาจเพิกเฉย แล้วสั่งการ เพราะฉะนั้นขอทวงสิทธิ และไม่มีทางเชื่อว่าคร ค.จะคิดเหมือน กรธ.ทั้งหมด คนคิดต่างไปบังคับให้เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร ขณะเดียวกันประชาชนที่อยากมีส่วนร่วมในศูนย์ปราบโกง กลับใช้อำนาจออกหมายเรียก ดำเนินการไล่ล่า

นายณัฐวุฒิยังกล่าวด้วยว่า ตนเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ดูจะภาคภูมิใจที่ได้ต่อสายพูดคุยกับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ถึงขนาดจับเวลา 30 นาที แต่เป็นนายกฯ คุยสัก 25 นาที ส่วนนายบันคุยแค่ 5 นาที จึงอยากบอกว่าสาระที่แท้จริงขององค์การสหประชาติ เขาไม่สนับสนุนรัฐบาลนี้ แต่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นหลักการเดียวที่พวกตนยืนยันมาตลอด ถ้ารัฐบาลนี้เดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยได้แท้จริง พวกเราพร้อมที่จะรอคอย แต่ที่ออกมาในครั้งนี้เพราะเห็นว่าทิศทางมันไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยรูปแบบ วิธีการ และเนื้อหาไม่เป็นไปสู่ประชาธิปไตย

“พล.อ.ประยุทธ์เล่าความจริงไม่หมด เอาแต่ข้างที่จะได้ แต่ข้างที่เขาพูดตรงไปตรงมาว่าเสรีภาพทุกคนควรมี กลับไม่ใส่ใจ ผมจึงขอพิสูจน์ว่าองค์การสหประชาชาติ หรือนานาชาติที่สนใจจะฟังรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หรือประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่ถูกยึดอำนาจไปแล้วกว่า 2 ปี” เลขาธิการ นปช.กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น