xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องพ่อยูเอ็น! “ตู่” จี้ “บิ๊กตู่” หยุดคุกคามแดง - “เต้น” โวย กกต.ลำเอียงให้ กปปส.ออกทีวี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แกนนำ นปช.ไปยูเอ็นตามนัด ร้องเรียนถูกปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ และถูกตำรวจ-ทหารคุกคามเสื้อแดงผุดศูนย์ตามต่างจังหวัด “จตุพร” จี้นายกฯ หยุดคุกคามมวลชน ให้ไปเล่นงานตัวเองและชาวคณะ “ณัฐวุฒิ” หยันประชามติไทยไม่เหมือนใคร ไร้เสรีภาพ ถูกตีค่าขบวนการนอกกฎหมาย ซัด กกต.ลำเอียง ให้ กปปส.และคนคล้อยตามร่างรัฐธรรมนูญออกทีวี ซัดเป็นแผนหาเสียงแยบคายยิ่งกว่าคลุมถุงชน

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนินนอก เมื่อเวลา 11.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยแกนนำ เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำสกรีนคำว่า “ประชามติต้องไม่ล้ม ไม่โกง ไม่อายพม่า” เพื่อยื่นหนังสือถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR) เพื่อร้องเรียนกรณีที่ตำรวจและทหารสั่งงดการแถลงข่าวตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่ม นปช.ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว และตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

นายจตุพรกล่าวว่า ตนมารายงานการปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตนอยากให้เสียงนี้ไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ได้ยินว่า พล.อ.ประยุทธ์ตระบัดสัตย์ในเรื่องการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยบอกให้เปิดได้ 3 ครั้ง ก่อนที่ครั้งล่าสุดบอกว่าเปิดไม่ได้ หลังจากมีการเปิดศูนย์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเปิดได้ 47 จังหวัด และเปิดไม่ได้ 29 จังหวัด

แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ ประชาชนที่ใส่เสื้อสีดำปราบโกงเหมือนกับ นปช. แล้วถ่ายภาพลงเฟซบุ๊กศูนย์ปราบโกงประชามตินั้น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเรียกตัวในลักษณะข่มขู่คุกคาม บางคนปล่อยตัว บางคนถูกขึ้นศาลทหาร จึงอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าเราสามารถเสียสัตย์ได้ แต่สิ่งควรเหลืออยู่คือความเป็นมนุษย์ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดคุกคามประชาชน ถ้าจะคุกคามประชาชนก็ให้มาคุกคามตนและคณะแทน เราไม่กังวลในชะตากรรมของตัวเองเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราอยากทำสิ่งที่ดีงามเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราตั้งใจเล่าความจริงให้องค์การสหประชาชาติรับทราบว่าบรรยากาศการทำประชามติของไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก เพราะไม่มีเสรีภาพให้ประชาชนได้แสดงออก ความพยายามในการมีส่วนร่วมของประชาชน ถูกตีค่าเป็นเพียงขบวนการนอกกฎหมาย ราวกับเป็นอาญาแผ่นดินที่อำนาจรัฐต้องเข้ามาจัดการ เราไม่ได้จะเอาเวทีนี้มาประจานแต่ไม่รู้จะไปร้องกับใคร รัฐมองเราเป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง วันนี้ความผิดเดียวที่มีคงผิดเพราะมีหน้าตาแบบพวกตนที่ไม่สบอารมณ์ผู้มีอำนาจ การทำประชามตินอกจากจะไม่มีเสรีภาพแล้วยังมีการเลือกปฏิบัติชัดแจ้งจากหน่วยงานรัฐและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

โดยตนได้พบกับโฆษณาของ กกต.ในหนังสือพิมพ์ว่าจะมีการจัดเวลาออกอากาศรายการ “7 สิงหาประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” ผ่านทางสถานีโทรทัศน์หลายสถานี ระหว่างวันที่ 27 มิ.ย.ถึง 6 ส.ค. เป็นเวลาทั้งหมด 13 วัน ไม่ต่อเนื่องกัน โดยจะมีคนจาก กกต., กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.), สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกอากาศ 10 วัน และอีก 3 วัน 1 ใน 3 คน มีนายถาวร เสนเนียม คนจาก กปปส. 1 วัน อีก 2 วันเป็นบุคคลที่มีแนวโน้มเห็นคล้อยตามร่างรัฐธรรมนูญ นี่จึงไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ แต่เป็นแผนหาเสียงที่อ้างกลยุทธ์ทางการเมืองอย่างแยบคาย เหมือนเวลาพรรคการเมืองหาเสียง

ทั้งนี้ ตนไม่ได้อยากออกทีวีกับ กกต. นี่คือการเปิดกว้างให้คนฝ่ายเดียว แต่ปิดกั้นคนอีกฝ่าย แบบนี้ศูนย์ปราบโกงประชามติจะเรียกร้องความโปร่งใสกับใครได้ การทำประชามตินี้ยิ่งกว่าคลุมถุงชน แต่เป็นการมัดมือมัดเท้าปิดตาปิดปากและคลุมถุง อีกเรื่องคือ พอมีข่าวการจับกุมศูนย์ปราบโกงประชามติ คนที่รับใช้ คสช.ก็ออกมาซ้ำเติม อย่างนายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ถ้าเปรียบอำนาจเผด็จการเป็นโลงผุ คนรับใช้เผด็จการก็คงเป็นผีเน่า นายวันชัยเองก็เคยสมัครลงเลือกตั้งแต่ได้คะแนนไม่กี่พัน คงจะพาลทำให้เกลียดระบบเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ให้ นปช.ร่วมกับ กกต.จับตาการโกงประชามติแทน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะไปร่วมได้อย่างไร ในเมื่อ กกต.ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเรามีส่วนร่วมด้วยได้ แค่การจัดผังรายการก็ชัดเจนแล้วว่า กกต. เลือกแต่คนที่ยักคิ้วหลิ่วตาด้วยได้ แล้วแบบนี้จะคาดหวังความร่วมมือกับ กกต.ได้อย่างไร และถามว่า กกต.มีสิทธิ์ขาดอำนาจเต็มหรือ จะทำอะไรก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวาไปที่ผู้มีอำนาจ ดังนั้น หากผู้มีอำนาจจริงใจ หยุดไล่ล่าและปล่อยให้กระบวนการทำประชามติเป็นไปอย่างธรรมชาติ ทั้งนี้ ในส่วนของการจับตาการทำประชามติผ่านโซเชียลมีเดียก็ยังทำต่อไป





กำลังโหลดความคิดเห็น