รมว.กลาโหมไม่ขวาง สตง.ตรวจสอบจัดซื้อจีที 200 ย้ำโปร่งใส ทำตามระเบียบทุกอย่าง แม้ใช้งานไม่ได้ แจง สมช.ห่วงนักศึกษามุสลิมเรียนต่างแดนกลับมาไร้งานทำต้องแก้ ไม่ใช่เรียนแต่ศาสนา ควรเรียนวิชาชีพ รับมีคิดแยกดินแดนบ้าง ให้ดูรายละเอียดผู้ต้องหาคดีกบฏแยกดินแดนตาย หลังมาเลย์แจ้ง
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภากลาโหม ถึงเรื่องการที่ศาลโอลด์ เบลีย์ ประเทศอังกฤษ ได้มีคำตัดสินให้ยึดทรัพย์ผู้ผลิตเครื่องตรวจวัตถุระเบิดปลอมจีที 200 กว่า 375 ล้านบาท ว่าทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติยุติการใช้งานไปแล้ว ถ้าจะใช้ต้องมีการยกเลิกมติ ครม.เดิมที่นำมาใช้ตั้งแต่แรก ก็ใช้ได้ผล กองทัพอากาศได้นำมาใช้เป็นหน่วยงานแรก และหน่วยงานอื่นก็ได้นำมาใช้ซึ่งก็มีผลงาน ถึงแม้ว่าจะพบระเบิดบ้างไม่พบบ้างก็ตาม เพราะว่าอุปกรณ์ของเครื่องจีที 200 มีน้อย จึงทำให้ความน่าเชื่อถือลดน้องลงไปด้วยซึ่งทำให้มีการทดสอบ และทาง ครม.ได้มีการนำมาทดสอบพบว่าไม่สามารถใช้งานได้ เรื่องนี้ก็จบไปโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่จะดูว่าเครื่องจีที 200 จะทำอะไรได้อีกบ้าง
เมื่อถามว่าทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องดังจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องให้ตรวจสอบกันไป เราทำด้วยความโปร่งใส ในการจัดซื้อจัดหานั้นไม่ได้ทำด้วยคนเพียงคนเดียว รวมถึงยุทโธปกรณ์ทั้งหมด ต้องมีคณะกรรมการจัดซื้อจัดหาและคณะกรรมการตรวจรับ ต้องให้ไปตรวจไปดู ดำเนินการตรวจรับ และขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำมาตลอดก็ทำแบบนี้ หากมีการทุจริต ก็ต้องลงไปดูในรายละเอียด ตามขั้นตอนแล้วต้องทำให้ครบ
“การจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ไปซื้อไปหามา ทำไม่ได้หรอก ที่ผมพูดคือการทำตามหลักการ ผมพูดตามหลักการ ตามระเบียบทุกอย่าง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีการติดตามความเคลื่อนไหวของนักศึกษาไทยมุสลิมที่ได้รับทุนจากต่างประเทศและใช้ทุนส่วนตัวเดินทางไปศึกษาต่อในหลายประเทศ ที่มีประมาณ 4,000-5,000 คนที่ไปศึกษาทางศาสนายังต่างประเทศว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ได้บอกว่ามีแนวคิดในการแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นห่วงว่านักศึกษาที่ไปเรียนศาสนาที่ไปเรียนมาและกลับมาประเทศไทยไม่มีงานทำ คือกลับมาแล้วไม่สามารถหางานได้ตรงกับที่เรียนมา อย่างจบปริญญาโทในสาขาวิชาชีพก็มีงานทำ แต่ไปเรียนจบด้านศาสนามาจึงไม่สามารถหางานทำได้ เราเป็นห่วงในเรื่องนี้ และเป็นห่วงว่าต่อไปในอนาคตมีจำนวนมากและไม่มีงานทำจะทำอย่างไร จะต้องมีการปรับแก้อย่างไร จะไปเรียนอย่างไรให้เกิดความเหมาะสมในการกลับมาประเทศแล้วได้มีงานทำ ไม่ใช่ไปเรียนเพียงศาสนาอย่างเดียว
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า นักศึกษาที่ไปเรียนทั้งหมดไม่ใช่กลับมาแล้วมีแต่ผู้นำทางศาสนามันเป็นไปไม่ได้ บางส่วนกลับมาจะต้องมีวุฒิการศึกษาด้านวิชาชีพ แต่เราก็ไม่ได้ห้ามให้เรียนศาสนา เรามองด้านความมั่นคงก็อาจจะมีบ้างบางคนที่มีแนวคิดในเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่กลับมาจากไปเรียนศาสนาในประเทศต่างๆ แล้วกลับมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน
“เด็กที่ไปเรียนไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็มีบ้างที่จะเข้าไปร่วมขบวนการ เราเป็นห่วงในเรื่องนี้ต่างหาก เพราะในแต่ละปีมีนักศึกษาได้ทุนไปเรียนหลายพันคน เราอยากให้ไปเรียนทางด้านวิชาชีพหรืออะไรต่างๆ ที่กลับมาแล้วทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ เราอยากให้เป็นอย่างนั้น เพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่ทางฝ่ายความมั่นคงประเทศมาเลเซีย แจ้งมาว่านายมะแซ อุเซ็ง ผู้ต้องหาตามหมายจับทางการไทยคดีกบฏแบ่งแยกดินแดนได้เสียชีวิตแล้ว ทางกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ทำการตรวจสอบข่าวการเสียชีวิตของนายมะแซ อุเซ็ง ระบุว่า นายมะแซ อุเซ็ง ยังไม่ได้เสียชีวิตตามรายงานข่าวของตำรวจสันติบาลมาเลเซีย ว่าตนยังไม่ได้รับเรื่อง ต้องปล่อยให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นคนดูแลในเรื่องของรายละเอียด เรื่องนี้เป็นเรื่องของรายละเอียด หากข้อมูลแตกต่างกัน ต้องมาดูกันว่าของใครถูกของใครผิด ไม่ใช่จะไปบอกว่าตนตัดสินว่าคนโน้นถูกคนนี้ผิด ตนตัดสินไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีพยานหลักฐานและความชัดเจนก่อนที่จะออกมาให้ข้อมูล