“ศรีสุวรรณ” ยื่น สตง.-ป.ป.ช.สอบ “โคตรไมค์” พ่วงงบเนรมิตทำเนียบฯ ชี้จัดซื้อส่อผิด กม.เพียบ เหน็บขัดหลักพอเพียงที่ หน.คสช.ชอบพูดถึง “ปนัดดา” ลั่นไม่มีโกง ยันทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โบ้ยอธิบดีกรมโยธาฯแจง "หม่อมอุ๋ย" โผล่ทำเนียบฯอุ้มพุทธชินราชบูชาห้องทำงาน ก่อนชิ่งสื่อกลับ “บิ๊กอู๋” หน้าบานคนแห่ยินดีนั่งเสนาบดี “ครม.ประยุทธ์” ชิ่ง “ไมค์แพง” ใช้ตึกสันติไมตรีแทนห้อง 501 อ้างเหม็นสี-ทินเนอร์ “อำพน” ระบุวันนี้ประชุมไม่เป็นทางการ ถกร่างนโยบาย สนช.เฟิร์มนัดแถลงนโยบาย 12 ก.ย.
วานนี้ (8 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ส่งจดหมายด่วน ถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ไต่สวน และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์ และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาล ภายใต้งบประมาณ 252 ล้านบาท ตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายกิจการพิเศษ เสนออนุมัติต่อคสช. โดยมี ม.ล.ปนัดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาล ดำเนินการอย่างลุกลี้ลุกลนจนเกินเหตุ โดยเฉพาะการจัดหาระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟน ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี และห้องประชุมต่างๆในทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 192 ตัว โดยการว่าจ้างให้บริษัทเอกชน มาดำเนินการให้นั้น ซึ่งปรากฏว่า มีการจัดหาเครื่องเสียง และไมโครโฟน เพื่อใช้ในที่ประชุมดังกล่าวตัวละกว่า 145,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงเกินเหตุ
“ไมค์ราคา 145,000 บาทถือว่าแพงเว่อร์ ทั้งๆที่ราคาที่โฆษณาขายกันในท้องตลาด ในโซเชียลมีเดีย ของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ มีราคาเพียง 1981.95 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือ 63,422 บาท (1 เหรียญ= 32 บาท) เท่านั้น” นายศรีสุวรรณ ระบุ
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การจัดซื้อจัดหายังไม่มีความจำเป็น เครื่องเสียงและไมโครโฟนเดิมก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่ ตรงนี้ขัดต่อหลักความพอเพียง ความประหยัด ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี พูดมาโดยตลอด อีกทั้งเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหมวด 2 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ประกอบ มาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ( แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยชัดแจ้ง
“จะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จทันที ที่คณะรัฐมนตรีได้ใช้เครื่องเสียง และไมโครโฟนดังกล่าว ในการประชุม ครม. เรื่องนี้ สมาคมฯไม่อาจปล่อยให้เรื่องลอยนวล และหายไปตามกระแสของสังคมได้ จึงต้องร้องเรียนให้ สตง.และ ป.ป.ช.ไต่สวน ตรวจสอบ และเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาลงโทษตามกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว
“ปนัดดา” ย้ำไม่มีใครกล้าโกงยุค คสช.
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอให้มีการตรวจสอบการจัดซื้อไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม ครม.ที่มีราคาสูงมากว่า อยากให้ทุกอย่างเกิดความโปร่งใสต่อสาธารณะอยู่แล้ว และเรื่องนี้มีสื่อบางแขนงไปเขียนในลักษณะว่า ตนปัดความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่ ตนเป็นข้าราชการอยู่ทีมงานเดียวกัน ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และตนได้รับมอบหมายให้ดูแลการซ่อมบำรุงทุกอาคารในทำเนียบรัฐบาล แต่ในเรื่องของรายละเอียด หรือเรื่องไอที ต้องมีการประชุมร่วมกัน กรณีของไมโครโฟน ถือเป็นความหวังดีของอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ต้องการให้ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังไม่มีการลงนามใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอธิบดีกรมโยธาฯคงจะมีคำตอบชี้แจงเรื่องนี้ต่อสื่อโดยเร็ว และพร้อมให้มีการตรวจสอบ จะทิ้งไว้นานไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง และทำให้เกิดความไม่เข้าใจ จากเรื่องที่ไม่จริง ก็เอาไปพูดกันจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจจริง
“ใครจะมากล้าทุจริตคดโกง ทุกคนก็ต้องเกรงอกเกรงใจ หัวหน้า คสช. การนำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ มาใส่ทุกตึกทุกห้องในทำเนียบฯต้องโปร่งใส อุปกรณ์เหล่านั้นต้องใช้การได้ดี และมีความทน บริษัทที่เข้ามาติดตั้ง เขาก็ถือว่าเขาได้รับเกียรติที่เข้ามาทำให้สถานที่สำคัญของชาติ เป็นมรดกของแผ่นดิน ดังนั้นไม่มีใครคิดคดโกง และขอย้ำว่า การซ่อมแซมทั้งหมดไม่มีการทุจริตคดโกงใดๆ ไม่มีใครกล้าทำ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตรวจสอบการตั้งราคาที่เกินจริงหรือไม่ ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จากนี้ไป นายกรัฐมนตรีน่าจะถือเป็นวาระสำคัญ ที่ผ่านมาเรามีการใช้จ่ายที่สุดโต่ง ถ้าประหยัดลงมาได้ซัก 30 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ประเทศมีความเจริญ และรุดหน้าไปมาก ในส่วนของรายละเอียดการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลทั้งหมดได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะในเบื้องต้นไปแล้ว ว่าใช้งบประมาณต่ำกว่าที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า กรณีราคาไมโครโฟนแพง จะมีการชี้แจงต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือไม่หากมีการสอบถามในระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ก็สามารถชี้แจงได้ ส่วนการแถลงนโยบายต่อ สนช.ในที่ประชุม ครม.วันที่ 9 ก.ย.จะมีการหารือกัน และเตรียมแนวทางการแถลงนโยบาย ซึ่งเลขาฯ ครม.จะมีการจัดเรียงลำดับของเรื่องต่างๆไว้แล้ว
“อุ๋ย” อุ้มพระนำเข้าทำเนียบ
วันเดียวกันเมื่อเวลา 09.30 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล มายังประตูด้านข้างตึกบัญชาการ 1 พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธชินราชจำลอง หน้าตัก 9 นิ้ว ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองชาว จ.พิษณุโลก ลงจากรถมาด้วยตัวเอง เพื่อนำขึ้นไปบูชาที่ห้องทำงาน ชั้น 4 ตึกบัญชาการ 1 เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยยังไม่ได้ขึ้นไปสักการะพระพรหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิ ศาลตา ยาย ประจำทำเนียบฯ
จากนั้นเวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด กล่าวเพียงสั้นๆว่า รู้จักกันแล้ว จะให้พูดอะไร รอไว้หลังนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อ สนช.ก่อน
ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเช่นกัน โดยได้มีบุคคลทยอยเดินทางเข้าแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา และคณะตำรวจสายสำนักราชวัง ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ ยังร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ 22 ข้าราชการที่โยกย้ายมาเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ นายโชติ ตราชู นายธงทอง จันทรางศุ โดยระหว่างรับประทานอาหาร คณะที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณที่ดูแลระหว่างที่ทำงานร่วมกันมาโดยตลอดกับ พล.ต.อ.อดุลย์ด้วย
ฉุนทินเนอร์ย้ายวง ครม.ไปสันติไมตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลนั้น ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ และคนงานจากกรมยุทธการทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกทม.ยังคงเร่งมือปรับปรุงอาคารสถานที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ ที่ที่จะใช้เป็นที่ประชุม ครม. ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ และ ม.ล.ปนัดดา ต่างยืนยันเสร็จทันการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 ก.ย.แน่นอน แต่ปรากฏว่า หลังจาก คสช.ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจความเรียบร้อยห้องประชุม 501 พบว่ายังไม่พร้อมใช้ เนื่องจากสี และทินเนอร์ ยังส่งกลิ่นรุนแรง แม้ก่อนหน้านี้คนงานจะนำถ่าน และใบเตย มาช่วยดูดกลิ่นแล้วก็ตาม ฝ่ายสถานที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงได้เตรียมตึกสันติไมตรีหลังใน เป็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแทน และใช้ตึกสันติไมตรีหลังนอกเป็นที่แถลงข่าว เนื่องจากตึกนารีสโมสร ยังมีกลิ่นสี และทินเนอร์อยู่เช่นเดียวกัน
ด้าน นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมในวันที่ 9 ก.ย.เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ยังไม่ใช่เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการเชิญรัฐมนตรีประชุมเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลต่อที่ประชุม สนช.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ก.ย.นี้ และแถลงผลงาน คสช. 3 เดือนให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม พ.อ.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล รองเลขานุการกองทัพบก พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษก ทบ.และ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. จะเป็นผู้ร่วมกันแถลงข่าว
“พรเพชร” คอนเฟิร์มแถลงนโยบาย 12 ก.ย.
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานเป็นการภายในแล้วว่า คณะรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อที่ประชุม สนช. ในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. โดยจะเป็นการประชุมเพียงวันเดียว ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.วันที่ 9 ก.ย. คาดว่าจะมีการพิจารณารายละเอียดตัวร่างคำแถลงนโยบายอีกครั้ง ส่วนในวันที่ 11 ก.ย. จะเป็นการประชุม สนช. ตามปกติ เพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช. และร่าง พ.ร.บ. ตามที่ คสช.เสนอเข้า สนช. จำนวน 5 ฉบับ ส่วนในสัปดาห์หน้า ที่ประชุม สนช.จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 วงเงิน 2.52 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และ 3
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่ คสช.ต้องแต่งตั้งสมาชิก สนช.เพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากมี สนช.ลาออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 5 คน นายพรเพชร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดให้ สนช.มีได้ไม่เกิน 220 คน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวน 193 คน จึงถือว่ายังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่ แต่ส่วนตัวคิดว่าคงจะต้องมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมต่อไป ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้พิจารณา
วานนี้ (8 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ส่งจดหมายด่วน ถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ไต่สวน และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์ และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาล ภายใต้งบประมาณ 252 ล้านบาท ตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายกิจการพิเศษ เสนออนุมัติต่อคสช. โดยมี ม.ล.ปนัดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาล ดำเนินการอย่างลุกลี้ลุกลนจนเกินเหตุ โดยเฉพาะการจัดหาระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟน ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี และห้องประชุมต่างๆในทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 192 ตัว โดยการว่าจ้างให้บริษัทเอกชน มาดำเนินการให้นั้น ซึ่งปรากฏว่า มีการจัดหาเครื่องเสียง และไมโครโฟน เพื่อใช้ในที่ประชุมดังกล่าวตัวละกว่า 145,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงเกินเหตุ
“ไมค์ราคา 145,000 บาทถือว่าแพงเว่อร์ ทั้งๆที่ราคาที่โฆษณาขายกันในท้องตลาด ในโซเชียลมีเดีย ของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ มีราคาเพียง 1981.95 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือ 63,422 บาท (1 เหรียญ= 32 บาท) เท่านั้น” นายศรีสุวรรณ ระบุ
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การจัดซื้อจัดหายังไม่มีความจำเป็น เครื่องเสียงและไมโครโฟนเดิมก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่ ตรงนี้ขัดต่อหลักความพอเพียง ความประหยัด ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี พูดมาโดยตลอด อีกทั้งเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหมวด 2 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ประกอบ มาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ( แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยชัดแจ้ง
“จะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จทันที ที่คณะรัฐมนตรีได้ใช้เครื่องเสียง และไมโครโฟนดังกล่าว ในการประชุม ครม. เรื่องนี้ สมาคมฯไม่อาจปล่อยให้เรื่องลอยนวล และหายไปตามกระแสของสังคมได้ จึงต้องร้องเรียนให้ สตง.และ ป.ป.ช.ไต่สวน ตรวจสอบ และเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาลงโทษตามกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว
“ปนัดดา” ย้ำไม่มีใครกล้าโกงยุค คสช.
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอให้มีการตรวจสอบการจัดซื้อไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม ครม.ที่มีราคาสูงมากว่า อยากให้ทุกอย่างเกิดความโปร่งใสต่อสาธารณะอยู่แล้ว และเรื่องนี้มีสื่อบางแขนงไปเขียนในลักษณะว่า ตนปัดความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่ ตนเป็นข้าราชการอยู่ทีมงานเดียวกัน ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และตนได้รับมอบหมายให้ดูแลการซ่อมบำรุงทุกอาคารในทำเนียบรัฐบาล แต่ในเรื่องของรายละเอียด หรือเรื่องไอที ต้องมีการประชุมร่วมกัน กรณีของไมโครโฟน ถือเป็นความหวังดีของอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ต้องการให้ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังไม่มีการลงนามใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอธิบดีกรมโยธาฯคงจะมีคำตอบชี้แจงเรื่องนี้ต่อสื่อโดยเร็ว และพร้อมให้มีการตรวจสอบ จะทิ้งไว้นานไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง และทำให้เกิดความไม่เข้าใจ จากเรื่องที่ไม่จริง ก็เอาไปพูดกันจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจจริง
“ใครจะมากล้าทุจริตคดโกง ทุกคนก็ต้องเกรงอกเกรงใจ หัวหน้า คสช. การนำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ มาใส่ทุกตึกทุกห้องในทำเนียบฯต้องโปร่งใส อุปกรณ์เหล่านั้นต้องใช้การได้ดี และมีความทน บริษัทที่เข้ามาติดตั้ง เขาก็ถือว่าเขาได้รับเกียรติที่เข้ามาทำให้สถานที่สำคัญของชาติ เป็นมรดกของแผ่นดิน ดังนั้นไม่มีใครคิดคดโกง และขอย้ำว่า การซ่อมแซมทั้งหมดไม่มีการทุจริตคดโกงใดๆ ไม่มีใครกล้าทำ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตรวจสอบการตั้งราคาที่เกินจริงหรือไม่ ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จากนี้ไป นายกรัฐมนตรีน่าจะถือเป็นวาระสำคัญ ที่ผ่านมาเรามีการใช้จ่ายที่สุดโต่ง ถ้าประหยัดลงมาได้ซัก 30 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ประเทศมีความเจริญ และรุดหน้าไปมาก ในส่วนของรายละเอียดการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลทั้งหมดได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะในเบื้องต้นไปแล้ว ว่าใช้งบประมาณต่ำกว่าที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า กรณีราคาไมโครโฟนแพง จะมีการชี้แจงต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือไม่หากมีการสอบถามในระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ก็สามารถชี้แจงได้ ส่วนการแถลงนโยบายต่อ สนช.ในที่ประชุม ครม.วันที่ 9 ก.ย.จะมีการหารือกัน และเตรียมแนวทางการแถลงนโยบาย ซึ่งเลขาฯ ครม.จะมีการจัดเรียงลำดับของเรื่องต่างๆไว้แล้ว
“อุ๋ย” อุ้มพระนำเข้าทำเนียบ
วันเดียวกันเมื่อเวลา 09.30 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล มายังประตูด้านข้างตึกบัญชาการ 1 พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธชินราชจำลอง หน้าตัก 9 นิ้ว ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองชาว จ.พิษณุโลก ลงจากรถมาด้วยตัวเอง เพื่อนำขึ้นไปบูชาที่ห้องทำงาน ชั้น 4 ตึกบัญชาการ 1 เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยยังไม่ได้ขึ้นไปสักการะพระพรหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิ ศาลตา ยาย ประจำทำเนียบฯ
จากนั้นเวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด กล่าวเพียงสั้นๆว่า รู้จักกันแล้ว จะให้พูดอะไร รอไว้หลังนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อ สนช.ก่อน
ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเช่นกัน โดยได้มีบุคคลทยอยเดินทางเข้าแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา และคณะตำรวจสายสำนักราชวัง ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ ยังร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ 22 ข้าราชการที่โยกย้ายมาเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ นายโชติ ตราชู นายธงทอง จันทรางศุ โดยระหว่างรับประทานอาหาร คณะที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณที่ดูแลระหว่างที่ทำงานร่วมกันมาโดยตลอดกับ พล.ต.อ.อดุลย์ด้วย
ฉุนทินเนอร์ย้ายวง ครม.ไปสันติไมตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลนั้น ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ และคนงานจากกรมยุทธการทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกทม.ยังคงเร่งมือปรับปรุงอาคารสถานที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ ที่ที่จะใช้เป็นที่ประชุม ครม. ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ และ ม.ล.ปนัดดา ต่างยืนยันเสร็จทันการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 ก.ย.แน่นอน แต่ปรากฏว่า หลังจาก คสช.ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจความเรียบร้อยห้องประชุม 501 พบว่ายังไม่พร้อมใช้ เนื่องจากสี และทินเนอร์ ยังส่งกลิ่นรุนแรง แม้ก่อนหน้านี้คนงานจะนำถ่าน และใบเตย มาช่วยดูดกลิ่นแล้วก็ตาม ฝ่ายสถานที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงได้เตรียมตึกสันติไมตรีหลังใน เป็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแทน และใช้ตึกสันติไมตรีหลังนอกเป็นที่แถลงข่าว เนื่องจากตึกนารีสโมสร ยังมีกลิ่นสี และทินเนอร์อยู่เช่นเดียวกัน
ด้าน นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมในวันที่ 9 ก.ย.เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ยังไม่ใช่เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการเชิญรัฐมนตรีประชุมเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลต่อที่ประชุม สนช.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ก.ย.นี้ และแถลงผลงาน คสช. 3 เดือนให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม พ.อ.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล รองเลขานุการกองทัพบก พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษก ทบ.และ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. จะเป็นผู้ร่วมกันแถลงข่าว
“พรเพชร” คอนเฟิร์มแถลงนโยบาย 12 ก.ย.
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานเป็นการภายในแล้วว่า คณะรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อที่ประชุม สนช. ในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. โดยจะเป็นการประชุมเพียงวันเดียว ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.วันที่ 9 ก.ย. คาดว่าจะมีการพิจารณารายละเอียดตัวร่างคำแถลงนโยบายอีกครั้ง ส่วนในวันที่ 11 ก.ย. จะเป็นการประชุม สนช. ตามปกติ เพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช. และร่าง พ.ร.บ. ตามที่ คสช.เสนอเข้า สนช. จำนวน 5 ฉบับ ส่วนในสัปดาห์หน้า ที่ประชุม สนช.จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 วงเงิน 2.52 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และ 3
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่ คสช.ต้องแต่งตั้งสมาชิก สนช.เพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากมี สนช.ลาออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 5 คน นายพรเพชร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดให้ สนช.มีได้ไม่เกิน 220 คน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวน 193 คน จึงถือว่ายังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่ แต่ส่วนตัวคิดว่าคงจะต้องมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมต่อไป ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้พิจารณา