xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.โต้หาเปอร์เซ็นต์ส่วนต่าง “ซื้อยารวม” แจง อภ.ทำหน้าที่แทน หาผลประโยชน์ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สปสช. โต้ “ซื้อยารวมระดับประเทศ” ไม่ได้เปอร์เซ็นต์ส่วนต่างจัดซื้อยา แจงไม่ได้ดำเนินการเอง แต่ทำผ่าน อภ. เพื่อความโปร่งใส ไร้ผลประโยชน์ ชี้ช่วยประหยัดงบประมาณ 7 พันล้านบาท ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงยาราคาแพง

ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบบริการยาและเวชภัณฑ์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหานโยบายจัดซื้อยารวมระดับประเทศของ สปสช. เพื่อต้องการเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างจัดซื้อยา ว่า การจัดซื้อยารวมระดับประเทศนั้น สปสช. จะทำการจัดซื้อยารวมเฉพาะรายการยาและวัคซีนที่มีความจำเป็น เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษา โดยมีสัดส่วนมูลค่าการจัดซื้อปีละ 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 4 ของการจัดซื้อยาทั้งหมดในระบบ และบริหารจัดการตามข้อบ่งใช้ที่คณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติให้การรับรอง ได้แก่ กลุ่มยากำพร้าและยาต้านพิษ ยาบัญชี จ2 (กลุ่มยาราคาแพง) วัคซีน และยากลุ่มโรคเรื้อรังที่ต้องมีระบบการจัดการพิเศษ ได้แก่ ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี และน้ำยาล้างไตซึ่งต้องมีการจัดระบบขนส่งถึงบ้านผู้ป่วย ส่วนขั้นตอนการจัดซื้อนั้นยืนยันว่าไม่มีขั้นตอนใดที่ สปสช. สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องผลประโยขน์กับบริษัทยาได้ เพราะ สปสช. ไม่ได้เป็นผู้เจรจาต่อรองราคายากับบริษัทยาโดยตรง

ภก.คณิตศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการจัดซื้อจะเริ่มจากสำนักสนับสนุนระบบบริการยา จะนำรายการยาจำเป็นที่เป็นปัญหาต่อการเข้าถึง ซึ่งผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เสนอต่อบอร์ด สปสช. พิจารณา เพื่อกำหนดเป็นสิทธิประโยชน์และจัดทำแผนงบประมาณจัดซื้อล่วงหน้า โดยจัดอยู่ในหมวดกลุ่มโรคค่าใช้จ่ายสูง เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว จะประสานงานกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญกำหนดคุณลักษณะของยาที่จำเป็นต่อการเข้าถึง โดยมีผู้แทนราชวิทยาลัยแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม หลังจากนั้น จึงส่งรายการยาไปยังองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อดำเนินการจัดหาและจัดซื้อยา รวมถึงต่อรองราคายากับบริษัทยาเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม และบริหารจัดการกระจายยาสู่หน่วยบริการ โดย อภ. คิดค่าบริหารจัดการร้อยละ 1 - 5 ของมูลค่ายาแล้วแต่ชนิดของยาเพื่อจัดส่งยาไปยังผู้ป่วยและหน่วยบริการ

“การให้ อภ. จัดซื้อแทน เพราะ สปสช. ต้องแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และการันตีว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์จากบริษัทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง โดย อภ. จะทำหน้าที่ต่อรองราคายากับบริษัทยา ให้แก่ สปสช. ตามข้อแนะนำที่ได้จากข้อมูลการศึกษาวิจัยความคุ้มค่าการใช้ยาในรายการดังกล่าวในผู้ป่วยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่จัดทำโดยสำนักงานโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP)” นพ.คณิตศักดิ์ กล่าวและว่า การที่บริษัทยาขายยาเพื่อใช้กับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ายังต้องเสนอราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติที่จำหน่วยในท้องตลาดทั่วไป เมื่อเป็นเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทยาจะจ่ายเปอร์เซ็นส่วนต่างจากการจัดซื้อยาให้แก่ สปสช.

ภก.คณิตศักดิ์ กล่าวว่า จากนโยบายจัดซื้อยารวมระดับประเทศ มีข้อมูลจำนวนอัตราการใช้ยาที่แน่นอน ส่งผลให้บริษัทยายอมลดราคาให้มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าจัดซื้อยาในรายการเดียวกันที่ให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งทำการจัดซื้อกันเอง จึงเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า ช่วยประเทศประหยัดงบประมาณได้ถึง 7,000 ล้านบาท ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มโรคค่าใช้จ่ายสูง ส่วนอนาคตจะมีการเพิ่มเติมรายการยาจัดซื้อรวมระดับประเทศหรือไม่นั้น หากรายการยาทั่วไปที่มีผู้ขายหลายราย และมีการแข่งขันโดยกลไกทางการตลาดอยู่แล้ว สปสช. จะไม่เข้าไปกวนระบบ เพราะโรงพยาบาลในพื้นที่มีระบบการจัดซื้อจัดหาที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว แต่หากมีรายการยาใดที่จำเป็นที่มีผู้ขายรายเดียว หรือน้อยรายและมีราคาแพง รวมทั้งมีผลกระทบต่องบประมาณในภาพรวมของประเทศ สปสช. จึงจะเข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการ และเมื่อราคายาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อภาระงบประมาณของโรงพยาบาลและประเทศ ก็จะถูกผลักกลับไปสู่ระบบการจัดหายาโดยโรงพยาบาลในพื้นที่

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น