“พล.อ.ประวิตร” ร่วมพิธีลงเอ็มโอยูป้องกันปราบปรามทุจริต หวังให้ ป.ป.ช.ทำความเข้าใจกำลังพล รู้วิธีป้องกันโกง ให้ชาวบ้านเชื่อมั่นเงินภาษีนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ลั่นซื้ออาวุธยุคนี้จะไม่ให้มีทุจริต ยันไม่ให้เสื้อแดงตั้งศูนย์ปราบโกง จะทำไปทำไม เรื่องภายในทำไมต้องเอาใครมาจุ้น บอกหยุดเถอะ ขอร้อง ถ้ายังดื้อเจอใช้ กม.ลุย ปัด กกต.ขอใช้พื้นที่ทหารชี้นำประชามติ จ่อถามกองทัพบกเตรียมขายซาก ฮ.
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่สโมสรกองทัพบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือป้องกันและปราบปรามการทุจริต ร่วมกับ กรมราชองครักษ์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงาน ป.ป.ช. ทั้งจัดอบรมความรู้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังว่า กระทรวงกลาโหมพยายามให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการปราบปรามการทุจริต และความโปร่งใสให้มากที่สุด ซึ่งการลงนามวันนี้เพื่อให้ ป.ป.ช.ชี้แจงและทำความเข้าใจกำลังพลในทุกกองทัพภาค ให้รับรู้วิธีการต่อต้านและป้องกันการทุจริต เพื่อให้เกิดรูปธรรมให้ได้ ให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งกลาโหมและกองทัพต้องการในเรื่องนี้ เพราะเราทราบว่าประชาชนสงสัยเรื่องการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ในกองทัพ และเราทำตามระเบียบสำนักงานนายกรัฐมนตรีตลอด แค่เพื่อความชัดเจนจึงร่วมมือกับ ป.ป.ช. ให้กำลังพลได้รับรู้รับทราบการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพให้โปร่งใสไปถึงระดับล่าง ประชาชนจะได้เชื่อมั่นว่าเงินทุกบาทที่ได้จากภาษีนั้น เรานำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งทหารมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบ อธิปไตย ความมั่นคงของชาติ ถือมีความสำคัญให้ประชาชนมั่นใจ
พล.อ.ประวิตรกล่าวยืนยันว่า การจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์ของกองทัพ มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกองทัพและรัฐบาลมาตลอด สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมภายใต้การนำของรัฐบาล และ คสช.ในยุคนี้จะไม่ให้มีการทุจริต เพราะได้ให้นโยบายชัดเจนเรื่องการจัดซื้ออาวุธ และการดำเนินการทุกอย่างเกี่ยวกับงบประมาณต้องโปร่งใส ไร้ทุจริต ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพ รับนโยบายนี้ไปดำเนินการอย่างชัดเจน
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เชิญองค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงสถานทูตต่างประเทศในไทย เข้ามาสังเกตการณ์ศูนย์ปราบโกงประชามติ ว่า ไม่ให้ตั้ง ไม่เช่นนั้นใครก็ตั้งขึ้นมาได้ การตั้งศูนย์ปราบโกงต้องมีองค์กรขึ้นมารองรับ จะไปตั้งทำไม เพราะมีหน่วยงานของภาครัฐดำเนินการอยู่แล้ว และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในประเทศ ทำไมต้องเอาใครเข้ามาวุ่นวาย เพราะเรามีทั้ง ป.ป.ช.และ กกต.ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องห่วง เราไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหาย และไม่เคยมีการตั้งศูนย์ปราบโกงเช่นนี้ขึ้นมา ทั้งนี้ ป.ป.ช.เองยังทำหน้าที่ปราบคอร์รัปชันอยู่และในเวลานี้ก็พัฒนาไปได้มากแล้วรวมถึงคดีที่ค้างอยู่ และตนได้คุยกับ ป.ป.ช.แล้ว ทราบว่าจะพยายามเร่งรัดคดีต่างที่ค้างอยู่ให้เสร็จภายใน 2 ปี
“หาก นปช.เดินหน้าตั้งศูนย์ปราบโกงต่อ ผมไม่ให้เดิน พอแล้ว หยุดเถอะ ผมขอร้อง ไม่เอา หากยังเดินหน้าต่อ ผมก็มีมาตรการทางกฎหมายดำเนินการ ไปดูว่าผิดอะไรหรือไม่ หากผิดว่าไปตามนั้น แต่ตอนนี้ผมขอร้องก่อน หากจะตั้งแบบนี้ใครๆ ก็ตั้งขึ้นมาได้ แบบนี้ประเทศก็ยุ่ง ไม่เช่นนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีไว้ทำไม ยุบและตั้งศูนย์นี้ขึ้นมาแทน ขอให้เชื่อมั่นว่าเราอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ซึ่งเราดูแลเรื่องความมั่นคงในประเทศ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นผมว่าผมจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายที่ได้วางไว้” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวยืนยันกรณีที่ กกต.ขอให้พื้นที่ทหารชี้แจงทำความเข้าใจการลงประชามติ สามารถทำได้ หรือจะไม่ใช้ก็ได้ แต่ต้องดูแลให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด อย่ามองเป็นการชี้นำ ไม่มีแน่นอน เรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น ตนขอยืนยันจะอยู่เป็นกลาง ขอให้มั่นใจ ไม่มีเลี้ยวซ้ายขวา จะเดินหน้าอย่างเดียว ตอนนี้ต้องช่วยกันสร้างประเทศ ไม่ใช่เตะขากันไปมา และขณะนี้เรามีโรดแมปที่ชัดเจนก็เดินตามนั้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปคิดกันเอาเองทั้งนั้น ขออย่างเดียวอย่าทำให้ทีปัญหา
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ากองทัพบกมีปัญหาการขายซากเฮลิคอปเตอร์แบบลำเลียงแบบซีเอช-47 หรือชีนุก จำนวน 6 ลำ ว่าตนจะสอบถามไปยังกองทัพบก เรื่องดังกล่าวตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบเพียงว่าจะนำเงินที่ขายได้มาใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 6 ลำก็ใช้การไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นจะขายได้ราคาแพงหรือราคาถูกนั้นต้องดูอีกที โดยตนจะรับไปดำเนินการ
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า การทำงานร่วมกันกับกระทรวงกลาโหมนั้น อย่างแรกที่จะทำคือจะไปให้ความรู้กับกำลังพลสังกัดกระทรวงกลาโหมให้เข้าใจถึงกระบวนการป้องกันการทุจริตซึ่งจะมีรายละเอียดกฎหมายของ ป.ป.ช.อยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อที่จะทำให้การดำเนินงานต่างๆ โปร่งใสที่สุดโดยที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ไปให้ความรู้ยังกองทัพภาคที่ 1 ต่อไปก็ 2 และ 3 แต่ในสัปดาห์หน้าก็จะไปให้ความรู้ยังกองทัพภาคที่4
“ไม่กังวลที่จะต้องไปตรวจสอบการทุจริตภายในกองทัพช่วงที่เป็นยุครัฐบาลทหาร เพราะ ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานอิสระและมีกฎระเบียบกฎหมายของ ป.ป.ช.อยู่'” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
