“องอาจ” ฝากผู้รักษา กม. แยกการแสดงความเห็นประชามติโดยสุจริต กับมีเจตนาแฝง เหมารวมจะเกิดผลลบ จี้ เปิดเวทีเห็นชอบ - เห็นต่าง ให้เหมาะสม เตือนลุแก่อำนาจระวังย้อนมาทำลายตัวเอง
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกระทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการอยู่ ว่า ขณะนี้ได้มีบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนว่ารับหรือ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการแสดงจุดยืนดังกล่าว มีทั้งผู้ที่แสดงจุดยืนด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยใช้สิทธิเสรีภาพตามที่กฎหมายกำหนด แต่ก็อาจมีบางกลุ่มบางคนอาศัยช่วงจังหวะเวลาของการทำประชามติกระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เคลื่อนไหวโดยมีเจตนาแฝงเร้น เพื่อเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ตนจึงขอฝากให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ต้องแยกแยะระหว่างการแสดงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ กับการเคลื่อนไหวที่มีเจตนาแฝงเร้นอย่างรอบคอบสุขุมคัมภีรภาพ หากแยกแยะไม่ออกใช้วิธีการเหมารวมก็จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการทำประชามติโดยรวม และ ก่อให้เกิดภาพลบต่อ คสช. รัฐบาล และ กกต. โดยไม่จำเป็น
.
นายองอาจ ยังเสนอแนวทางเพื่อให้กระบวนการกระทำประชามติเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่มีปัญหาอุปสรรค และได้รับการยอมรับจากสังคม ที่เหมาะสม คือ เปิดพื้นที่ให้ผู้ที่เห็นชอบ และ ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ได้แสดงออกอย่างเหมาะสม หากพบว่ามีผู้ทำผิดกฏหมายก็ให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังมากกว่าข่มขู่รายวัน และระมัดระวังการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้เกินขอบเขต เพราะจะทำให้เกิดแนวร่วมมุมกลับ
“แม้ คสช. และ รัฐบาล ได้อำนาจจากการยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดินจะทำอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องพึงระมัดระวังการใช้อำนาจให้ดี เพราะถ้าใช้อำนาจมากเกินไปอย่างไม่รอบคอบ อำนาจนั้นก็อาจย้อนกลับมาทำลายตัวเองได้ในที่สุด” นายองอาจกล่าว