“ประยุทธ์” เข้าร่วมพิธีต้อนรับจากรบ.อินเดีย ก่อนไปวางพวงมาลา “มหาตมะคานธี” พบ รมว.กต.อินเดีย ถกขยายสัมพันธ์ ชมบทบาทส่งเสริมสัมพันธ์สองชาติรุดหน้า หนุนการค้าลงทุน 2 ทาง ย้ำสนตลาดอินเดีย หวังเป็นประตูเชื่อมเอเชียใต้-ตอ.และอาเซียน เห็นพ้องหนุนท่องเที่ยวเชิงศาสนาพุทธ มีคิวพบเอกชนไทยในอินเดีย และถกนายกฯ อินเดีย
วันนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 08.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เดินทางไปยังราษฎร์ปติภาวัน (ทำเนียบประธานาธิบดีอินเดีย) เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศซึ่งรัฐบาลอินเดียจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางไปร่วมพิธีวางพวงมาลาเพื่อแสดงความคารวะแด่มหาตมะคานธี ณ ราชฆาฏอนุสรณ์สถาน ที่รัฐบาลอินเดียจัดขึ้นสำหรับอาคันตุกะต่างประเทศที่เป็นแขกพิเศษของรัฐบาล ทั้งนี้ ราชฆาฏอนุสรณ์สถานดังกล่าว เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงมหาตมะคานธี บิดาแห่งชาติอินเดีย (Father of the Nation)
ผ่านหลังเสร็จสิ้นพิธี นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในสมุดเยี่ยม ณ บริเวณซุ้มประตู ก่อนเดินทางไปยังโรงแรมที่พักในเวลา 10.25 น. ซึ่งนางศุษมา สวราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยถึงผลการหารือ ดังนี้
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ในปี 2559 เป็นปีที่ความสัมพันธ์ไทย-อินเดียมีความก้าวหน้า มีพัฒนาการที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีและภริยาเมื่อตอนต้นปี การเยือนอินเดียของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเดือนมีนาคม และการเยือนมุมไบของรองนายกรัฐมนตรีธนะศักดิ์ รวมทั้งการจัดประชุม JC เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมบทบาทของรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของสองประเทศให้รุดหน้า
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องสนับสนุนการค้าและการลงทุนแบบ 2 ทาง พร้อมหวังว่าในอนาคต ภาคเอกชนไทยและอินเดียจะสนใจลงทุนระหว่างกันมากขึ้น โดยนากยรัฐมนตรีย้ำว่า ภาคเอกชนไทยสนใจตลาดอินเดีย เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ อีกทั้งรัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งถือเป็นปัจจัยดึงดูดที่สำคัญ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะพัฒนาความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยให้ไทยและอินเดียเป็นประตูเชื่อมระหว่างเอเชียใต้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออก และอาเซียน โดยการเดินทางมาในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีได้นำคณะภาคเอกชนไทยรายใหญ่ที่ลงทุนในอินเดียร่วมเดินทางมาด้วย
ด้านความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ไทยและอินเดียยินดีที่ในปี 2560 จะครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยความร่วมมือทวิภาคีในด้านนี้ของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยปีละกว่า 1 ล้านคน ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในเชิงศาสนา ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าสามารถส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนาได้มากขึ้น
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีจะพบกับภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย ก่อนเดินทางไปยัง Hyderabad House เพื่อหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย