รอยเตอร์ – เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย)นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทราโมดีได้ขึ้นกล่าวกลางรัฐสภาคองเกรสในที่ประชุมร่วมสภาสูงและสภาล่างเป็นครั้งแรก โดยผู้นำแดนภารตะต้องการให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีทางด้านความมั่นคงนั้นมั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองชาติ โดยโยงไปถึงปัญหาความขัดแย้งกับปากีสถาน และการแผ่อำนาจของจีนในทะเลจีนใต้
รอยเตอร์รายงานวันนี้(9 มิ.ย)ว่า ในการได้รับเชิญขึ้นกล่าวแถลงการณ์ในรัฐสภาคองเกรสในวันพุธ(8 มิ.ย)ของนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี เขาได้ย้ำถึงความสำคัญในการต่อสู้กับการก่อการร้าย และยังได้กล่าวขอบคุณการสนับสนุนของรัฐสภาคองเกรสในการให้การสนับสนุนอินเดีบ หลังเกิดเหตุกลุ่มก่อการร้ายโจมตีมุมไบ และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปถึง 166 คนในปี 2008
“การต่อสู้กับการต่อต้านก่อการร้ายนั้นเกิดขึ้นในหลายระดับ แต่ทว่าเครื่องมือที่เคยใช้ตามธรรมเนียมปฎิบัติไม่ว่าจะเป็นกองทัพ งานด้านข่าวกรอง หรือแม้แต่ช่องทางการทูต นั้นไม่ได้ผลอีกต่อไป” โมดีแถลงกลางการร่วมประชุมระหว่าสองสภาของสหรัฐฯ
และโมดียังกล่าวต่อว่า “และอินเดียได้สูญเสียทั้งชีวิตพลเรือนและทหารในการต่อสู้ครั้งนี้ และสิ่งที่ทางเราต้องการมากที่สุดในเวลานี้คือการทำให้เราทั้งสองชาติกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงให้มากยิ่งขึ้น”
รอยเตอร์รายงานว่า โมดีเป็นผู้นำระดับนานาชาติคนที่สองได้ขึ้นกล่าวแถลงการณ์ในรัฐสภาคองเกรส หลังจากก่อนหน้านี้ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟราซิส แห่งวาติกันทรงได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวแถลงการณ์กลางที่ประชุมแห่งนี้มาแล้ว ซึ่งในขณะนั้นประธานรัฐสภาสหรัฐฯคือ จอห์น โบห์นเนอร์ ในเดือนกันยายน 2015
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของโมดีใช่จะมีแต่เรื่องที่เคร่งเครียด เพราะผู้นำอินเดียได้กล่าวอย่างติดตลกล้อเลียนการเมืองสหรัฐฯถึงความสัมพันธภาพที่ข่มขืนระหว่างสองสภาโดยเปรียบเทียบไปถึงการเล่นโยคะ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอินเดีย แต่อย่างไรก็ตามนเรนทรา โมดีได้เชื่อมต่อประเด็นนี้กลับไปสู่ปัญหาระดับภูมิภาคของเขาต่อเพื่อนบ้านที่เป็นศัตรู เช่น ปากีสถาน และความสั่นคลอนระดับภูมิภาคจากการที่จีนขยายอิทธิพลโดยใช้กำลังทางทหารเป็นตัวนำ
“ผมขอให้คำแนะนำต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯที่ทรงเกียร์ติแห่งนี้ สำหรับการส่งสารที่ชัดแจ้งไปถึงผู้ที่ฉกฉวยโอกาสในการใช้ข้ออ้างด้านก่อการร้ายเพื่อผลทางการเมืองของตัวเอง” โมดีกล่าวโดยไม่เอ่ยถึงชื่อบุคคล หรือประเทศในทางเจาะจง
รอยเตอร์รายงานว่า ในขณะนี้นายกรัฐมนตรีอินเดียอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในทริปกำหนดเยือนประเทศต่างๆของโมดี ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันอังคาร(7 มิ.ย)โมดีได้เข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาที่ทำเนียบขาว ซึ่งในถลงการณ์ร่วม โอบามาได้เผยว่าในขณะนี้อินเดียตกลงที่จะเดินหน้าเข้าร่วมข้อตกลงปารีสว่าด้วยภาวะโลกร้อน และในการพบปะกันที่ทำเนียบขาว ผู้นำทั้งสองได้หารือถึงปัญหาด้านความมั่นคง และปัญหาด้านความปลอดภัยโลกไซเบอร์
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ตลอดระยะเวลา 45 นาทีในการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ โมดีได้รับการต้อนรับด้วยเสียงเชียร์โห่ร้อง พร้อมกับการยืนขึ้นเพื่อแสดงการสนับสนุนด้วยกันถึง 8 ครั้ง ซึ่งโมดีในวัย 65 ปียืนยันว่า การปักสมอสัมพันธ์ภาพทางทหารระหว่างสหรัฐฯและอินเดียจะสามารถโดดเดี่ยวประเทศใดก็ตาม หรือบุคคลใดก็ตามที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายในทุกๆด้าน
และถึงแม้โมดีจะไม่ได้เอ่ยถึงปากีสถาน รอยเตอร์ชี้ แต่สามารถเรียกเสียงตบมือสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาคองเกรสได้เป็นอย่างดี จากการที่บรรดาผู้ทรงเกียร์ติในสภาคองเกรสเริ่มเบื่อหน่ายจากการที่อิสลามาบัดยังไม่สามารถแก้ปัญหาก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกองทหารสหรัฐฯที่อยู่ในอัฟกานิสถานได้
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีอินเดียยังตอกย้ำความสำคัญของแดนภารตะต่อความมั่นคงของอัฟกานิสถานว่า อินเดียมีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างสถียรภพให้กับดินแดนแถบนี้
และจากปัญหาความก้าวร้าวของจีนในการแผ่อิทพลเหนือทะเลจีนใต้ โมดียังย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างอินเดียและสหรัฐฯจะเป็นเสมือนสมอหลักในการช่วยทำให้สเถียรภาพและความรุ่งเรืองเกิดขึ้นได้ โดยส่งผ่านตั้งแต่ทวีปเอเชียไปสู่ทวีปแอฟริกา และจากมหาสมุทรอินเดียไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แต่อย่างไรก็ตามรอยเตอร์รายงานว่า โมดีไม่ได้กล่าวถึงประเทศจีนโดยตรงในการแถลงครั้งนี้
“จะช่วยทำให้มีความปลอดภัยในการขนส่งทางทะเล และด้านการค้ารวมไปถึงเสรีภาพในการเดินทางทะเล” โมดีแถลง
รอยเตอร์รายงานว่า ประธานรัฐสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกัน พอล ไรอันได้พบปะกับนเรนทรา โมดี เป็นการส่วนตัวที่สพนัดงานของเขาก่อนที่โมดีจะขึ้นกล่าวแถลงในรัฐสภาคองเกรส