“ประยุทธ์” พบผู้บริหารโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย ชวน ปชช.ส่งเรื่องราวดีงาม ก่อนพบผู้บริหารร่วมส่งเสริมกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องเรียน แจงประชารัฐทำให้เกิดความยั่งยืน ไม่ได้ทำให้กลไกเดิมมีปัญหา แนะสอนสิ่งที่เขาสนใจ บ่นคนไทยรักสงบแต่ชอบรบกันก่อน แถมมีบังคับโดรนโชว์แต่แดดแรงทำให้ไปชนตึกแทน สาวโผล่ร้องได้รับผลกระทบคอนโดฯ ปล่อยคลื่นสัญญาณ อ่านความคิดแบบไร้สาย
วันนี้ (14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย พร้อมคณะผู้บริหารโครงการฯ เข้าพบนายกรัฐมนตรี พร้อมเชิญชวนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ รวมส่งเรื่องราวอันดีงามของไทยเข้าร่วมโครงการฯ โดยแบ่งเป็น 9 หมวด ซึ่งจะมีการประกาศอีกครั้งในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ โดยประชาชนที่ส่งเรื่องราวเข้ามา 1 แสนคนแรกจะได้รับเข็มกลัดเป็นที่ระลึก เสียงประชาชนที่สนใจสามารถส่งเรื่องราวผ่านทางเว็บไซต์ www.theprideofthailand.com หรือ ตู้ ปณ.1 ปณศ.คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 หรือทาง line official ภาคภูมิแผ่นดินไทย ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. - 30 ก.ย. 2559
จากนั้น พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้ นำคณะผู้บริหาร 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ และการบินแห่งชาติ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง) และกรมทรัพยากรธรณี เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน “ติดปีกความรู้ สู่นอกห้องเรียน” หวังเชิญชวนครู อาจารย์ นำเยาวชนแสวงหาความรู้ด้วยตนเองในแหล่งเรียนรู้ทั่วประเทศ
โดยนายกรัฐมนตรีได้อธิบายถึงบริษัทประชารัฐที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ว่าเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา แต่ไม่ได้ทำให้กลไกของเดิมมีปัญหาไม่ว่าจะเป็นระบบสหกรณ์ก็ยังเหมือนเดิม ส่วนวิถีชาวบ้าน และศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เช่น ผ้าขาวม้า หรือดนตรีไทยก็ขอให้ช่วยกันอนุรักษ์และคงคุณค่าของวัฒนธรรมเหล่านั้นไว้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า วิธีสอนคนให้รู้ต้องสอนในสิ่งที่เขาสนใจ คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าอ่านมากๆ ก็จะเกิดความเข้าใจและดีกับตัวเอง ซึ่งการอ่านหนังสือนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ไม่ใช่ว่าจะรอไปสอนวิชาการอย่างเดียวโดยไม่อ่านเลย คนไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด แต่ส่วนใหญ่ปัจจุบันจะชอบรบกันก่อน
ทั้งนี้ ด.ช.จิรภัทร ประเสริฐ (น้องต้นน้ำ) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/8 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อินเตอร์เนชั่นแนลโปรแกรม ได้สาธิตการบังคับโดรนโฟโต้กราฟโชว์นายกรัฐมนตรี พร้อมอธิบายคุณสมบัติของโดรนที่สามารถใช้ถ่ายรูปและวิดีโอในมุมสูงเพื่อให้เห็นทัศนีย์ภาพของโรงเรียนและชุมชมตัวเองเป็นการเรียนวิทยาศาสตร์แบบสนุกสนานและมีความรู้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ทดลองบังคับโดรน แต่เนื่องจากแดดแรง เมื่อบังคับโดรนขึ้นสูงทำให้มองไม่เห็นเพราะย้อนแสง โดรนจึงชนตึกบัญชาการแล้วหล่นลงมา แต่โดรนไม่ได้รับความเสียหาย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมความสามารถของเด็ก พร้อมกับถามว่ามีแรงบันดาลใจอะไรที่มาเล่นโดรน โดยเด็กชายต้นน้ำตอบว่า เห็นรุ่นพี่เล่น และเจ้าเครื่องเล่นนี้ลอยได้จึงลองเล่นดูบ้าง ก็ทำให้สนุกและได้ความรู้ โดยก่อนจะขึ้นขึ้นไปประชุมนายกรัฐมนตรีเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมพูดค่านิยม 12 ประการ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินเยี่ยมชมกิจกรรมที่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ นำมาแสดงที่บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ที่จะขึ้นห้องประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นโดยมีสุภาพสตรีคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปี ได้ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงดังลั่นว่า “ร้องขอความเป็นธรรม เรื่องคอนโดมิเนียมชื่อมายด์คอนโด แซตเทิลไลต์ ตามที่มีโครงการก่อสร้างเพื่ออ่านความคิดของสมองมนุษย์ หนูมีหลักฐานแต่ไม่มีใครดำเนินการ ช่วยหนูด้วยไปหามาหลายที่ แล้วก็ไม่มีใครช่วย เขาก็บอกว่าต้องมาหานายกฯ คนเดียว หนูมีเรื่องมาปีกว่าแล้วแต่ไม่มีใครช่วยอะไรเลย แค่อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพราะมีหลักฐานทุกอย่างอยู่จริงๆ”
โดยนายกรัฐมนตรีได้หันไปมองและถามขึ้นด้วยเสียงดังว่า “เกิดอะไรขึ้น ไปฟังเขามาว่ามีเรื่องอะไร และอย่าไปทำอะไรเขา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีได้รีบเข้ากันตัวผู้หญิงคนดังกล่าวไปยังบริเวณห้องรับรองตึกนารีสโมสร เพื่อให้ควบคุมสติอารมณ์และสอบถามถึงสาเหตุดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเยี่ยมชมกิจกรรมเสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียก พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการประจำทำเนียบรัฐบาล ให้มารายงานสถานการณ์ให้ทราบ โดยชี้แจงว่ามาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องคอนโดมิเนียม ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า “เขาเดือดร้อนเรื่องอะไร ไม่เป็นไร รับเรื่องมาเดี๋ยวจะตรวจสอบให้ แต่อย่าให้เจ้าหน้าที่ไปทำอะไรกับเขา แล้วจะเอาเขาไปสอบทำไม เค้าไม่มีความผิด ให้ฟังเขาก่อน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนทำเนียบรัฐบาลได้พูดคุยกับผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่นานประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะนำตัวไปยังศูนย์บริการประชาชน เพื่อให้เขียนเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ผู้หญิงคนดังกล่าวระบุว่าชื่อ น.ส.เจมจุรีย์ ช่วยพรัด อายุ 27 ปี ต้องการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือเนื่องจากได้รับผลกระทบจากคลื่นสัญญาณเอ็มเค แซตเทิลไลต์ โดยมีผู้ได้รับผลกระทบรายอื่นๆ ด้วยจำนวนมาก ก่อนหน้านี้เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนไว้แล้วแต่ดำเนินการล่าช้าจึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเท่านั้น โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า “ขอร้องเรียนเรื่องการถูกคุกคาม ละเมิดสิทธิสิทธิภาพมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยีทรมานร่างกายและจิตใจ 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีคุกคาม โดยใช้เทคโนโลยีทำร้ายร่างกายและจิตใจ จากการหาแหล่งข้อมูลเรียกว่าวีทูเค และเอ็มเค แซตเทิลไลต์ ซึ่งเป็นการอ่านความคิดมนุษย์แบบไร้สาย สามารถสั่งความคิดเหยื่อได้ และส่งผลร้ายต่อสภาพร่างกายและจิตใจ ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง ทั้งนี้ ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้ร่วมมือกันซื้ออุปกรณ์ที่ตรวจสอบความถี่ของคลื่นรบกวนเพื่อตรวจสอบร่างกาย ปรากฏว่ามีคลื่นรบกวนร่างกายจึงขอให้ตั้งคณะกรรมการถึงผู้กระทำและที่มาของคลื่น”