สะเก็ดไฟ
รู้แล้วจะหนาว! ไม่รู้ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เจตนาจะหมายถึงแผนการอะไรของฝ่ายตรงข้าม เพราะโจทก์รัฐบาลในเวลานี้ มันยั้วเยี้ยไปหมด แต่ละกลุ่มต่างเสียประโยชน์จากการดำรงอยู่ของรัฐบาลทหาร ที่มีทีท่าจะลากยาวอย่างไม่มีสิ้นสุด ต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน การกำจัดเสี้ยนหนามอย่าง คสช.ให้พ้นทาง ย่อมเป็นทางเดียวที่จะรักษาผลประโยชน์ตัวเองและช่องทางทำมาหากินเอาไว้ได้
เอาเป็นว่า นานวันขบวนการร่วมด้วยช่วยกันมันชักจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคอนเซ็ปต์ศัตรูของศัตรู คือ “มิตร” ในเมื่อ คสช.คือ อุปสรรคของแต่ละกลุ่ม การแพ็กมือกันไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพื่อขจัด คสช. ต่างเป็นจุดมุ่งหมายร่วมที่แต่ละกลุ่มคิดต่างกัน
อย่างเรื่องกรณี “ธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่วันนี้ยังไม่ยอมเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในขณะที่ฝ่ายรัฐก็ยังไม่มีน้ำยามากพอที่จะฝ่าวงล้อมศิษยานุศิษย์ลัทธิจานบินเข้าไปลากตัวออกมาดำเนินคดีได้ กลับปรากฏว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ที่ออกมาโจมตีฝ่ายรัฐว่า ปฏิบัติอย่างกับธัมมชโย เป็น “อาชญากร”
การออกมาแกว่งเท้าหาเสี้ยนรอบนี้ แม้ไม่ได้ออกโรงปกป้องว่าธัมมชโย ผิดหรือไม่ผิด แต่อ้อมแอ้มเอาเพื่อหาเรื่องเอาล่อเอาเถิดรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องยอมรับว่า ในกลุ่มเสื้อแดงเอง ก็มีหลายคนรู้สึกแอนตี้ลัทธิจานบิน จะพูดเต็มปากเต็มคำออกโรงปกป้อง มันก็ชวนให้คนนินทาหมาดูถูกเอาได้ว่า จ้องแต่จะด่ารัฐบาล จนไม่แยกแยะผิดถูกชั่วดี
แต่ต่อให้กระมิดกระเมี้ยนด่าแบบถากๆ ก็เพียงพอที่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า นปช. พร้อมจะจับมือร่วมกับทุกฝ่ายที่ตรงข้ามกับรัฐบาลเพื่อโค่นล้ม ย้อนความกลับไปหลายกรรมหลายวาระ ไม่ว่าจะเป็นกรณีนักศึกษา กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ เรื่องของการแต่งตั้ง “สมเด็จช่วง” ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ที่มีปัญหากับรัฐบาล นปช.และพรรคเพื่อไทย กระโจนลงมาตอบโต้ ช่วยทั้งนั้น
ยิ่งวัดพระธรรมกายนี้ยิ่งต้องกระโดดลงมาแจมด้วย เพราะจะว่าไปรับรู้กันมานานว่าอาณาจักรจานบินแห่งนี้มีบรรดาบิ๊กในพรรคเพื่อไทยเป็นศิษยานุศิษย์ตัวยงของธัมมชโยหลายคน ถลกเนื้อหนังดูเอาตั้งแต่เกิดเรื่องนี้มามีสมาชิกค่ายสีแดงคนไหนออกมาวิพากษ์วิจารณ์วัดฉาวแห่งนี้บ้าง หาไม่เจอสักหน่อ
ย้อนกลับไปในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรืองอำนาจ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาใหญ่ๆ วัดพระธรรมกายได้เป็นหัวเรือในการจัดทั้งสิ้น แถมยังมีรัฐมนตรีบิ๊กๆ ในรัฐบาลขณะนั้นไปร่วมด้วย แม้กระทั่งช่วงปิดถนนโรยดอกดาวเรืองจนรถติดคนด่าทั่วบ้านทั่วเมือง เสนาบดีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นิ่งเป็นสากกะเบือ ไม่พูดอะไรสักคน
นั่นเพราะระหว่างวัดพระธรรมกาย กับระบอบทักษิณ มีความเป็นเนื้อเดียวกันอยู่กลายๆ ที่ผ่านมาอยู่กับแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าเสมอมา
ในขณะที่ นปช. พรรคเพื่อไทย วันนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้ โดยเฉพาะหลังๆ มีการใช้สื่อของตัวเองนั่งจัดรายการเพื่อเล่าถึงความดีความชอบ ที่วัดพระธรรมกายทำเอาไว้ โดยมีการหยิบยกเอาการช่วยเหลือเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวที่เนปาล การช่วยเหลือเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ลัทธิจานบินเจียดเงินไปช่วยเหลือ
แม้กระทั่งสื่อกระแสหลักที่แอบอิงระบอบทักษิณ วันนี้เล่นข่าวเรื่องนี้แบบกระปริบกระปรอย ไม่กล้าชนเหมือนสื่อส่วนใหญ่ ทั้งที่เห็นทนโท่ว่า คนส่วนมากในสังคมอึดอัดกับหลักคำสอนของลัทธิดังกล่าว มันก็สะท้อนให้เห็นถึงทฤษฎีศัตรูของศัตรูคือ “มิตร” ได้อย่างแจ่มชัดมากขึ้น
ดังนั้น ก้าวย่างของธรรมกายในการปกป้องธัมมชโย กับก้าวย่างของ นปช. พรรคเพื่อไทย มันมีจุดร่วมกันอยู่ แม้กระทั่งเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างการทำประชามติ ไปๆ มาๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องเดียวกันในวันข้างหน้า เพราะอย่าลืมว่าปัญหาธรรมกายขณะนี้กลายเป็นภาพความขัดแย้งระหว่าง “รัฐ” กับ “วัด” มากกว่า “ธัมมชโย” กับ “กฎหมาย”
บรรดาศิษยานุศิษย์เพ่งเล็งไปที่รัฐบาลว่าอยู่เบื้องหลังการล้อมจับธัมมชโย ทำให้ศัตรูของธรรมกายกับ นปช. พรรคเพื่อไทย คือ คนเดียวกัน กล่าวคือ ถ้า “บิ๊กตู่” ยังอยู่ในอำนาจ เจ้าลัทธิจานบิน อาจถูกจับกุม หรือไม่ก็ต้องระเห็จออกนอกประเทศ หรือถ้า “บิ๊กตู่” ยังอยู่ในอำนาจ ระบอบทักษิณ แทบไม่มีโอกาสกลับมาทำปู้ยี้ปู้ยำประเทศได้อีก
จากนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องจับมือ โดยอาศัยกลไกที่ฝ่ายตัวเองมีเกื้อหนุนกัน สำหรับธรรมกายทุนทรัพย์หนาพอที่ถ้าคิดจะสร้างม็อบขึ้นมาอยู่สักปีทำได้สบาย ที่ สำคัญอาวุธเด็ดของลัทธินี้ คือ กำแพงมนุษย์ที่เต็มไปด้วยศิษยานุศิษย์ที่พร้อมจะโอบอุ้มเจ้าลัทธิทุกอย่าง
หนักกว่านั้นคือ พระสงฆ์ในเครือข่ายธรรมกาย ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งพร้อมจะเคลื่อนพลมาปกป้อง ธัมมชโย ถามว่า วันนั้นถ้ามีจริง ฝ่ายรัฐคิดจะปราบไม่ได้ง่ายเหมือนปราบมวลชนแน่ เพราะเรื่องนี้ใหญ่ การพลาดพลั้งอะไรไป อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่กวักมือเรียกต่างประเทศ และฝ่ายตรงข้ามในประเทศให้ออกมามะรุมมะตุ้มใส่รัฐบาล
ก็อย่างที่เห็นกัน เพราะเรื่องนี้มันไม่ง่าย ดีเอสไอเลยได้แต่ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกักอยู่แบบนี้ เพราะอาจไปเข้าทาง หรือติดกับคนที่อยากจะให้เกิดเรื่อง เพื่อหวังผลที่มากกว่านี้
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ มันจะไม่ใช่แค่ปัญหาของธรรมกาย กับกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็น “หัวเชื้อสำคัญ” ที่ฝ่ายต้านรอมานาน เพราะมันเป็นหัวเชื้อที่สมบูรณ์แบบ และไวไฟ เข้าองค์ประกอบที่จะจุดกระแสให้ดังเปรี้ยงไปทั่วโลก เหมือนที่พยายามมาตลอดหลายปีตั้งแต่คสช.เข้ามา
โดยเฉพาะการประโคมว่า รัฐบาลภายใต้ “บิ๊กตู่” สร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนอาจกระทบต่อความมั่นคงทางศาสนา ซึ่งถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเพื่อช่วยธัมมชโยได้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมโรงกับเรื่องต่างๆ ที่ฝ่ายต้านต่อต้านมาตลอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่างเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นมา เพื่อกวักมือเรียกแนวร่วมเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน
เข้าทำนองฝนตกขี้หมูไหล ใครไม่พอใจเรื่องอะไรก็มารวมกันอยู่ในม็อบนี้!
จะเป็นม็อบที่น่ากลัวและปราบปรามยาก เพราะมีทั้งสงฆ์ ทั้งฆราวาส แถมยังมีท่อน้ำเลี้ยงที่มหึมา สร้างปัญหาให้กับรัฐบาลได้มากโข
นาทีนี้เดิมพันมันสูง โดยเฉพาะกับธัมมชโยที่การสูญสิ้นจากความเป็นพระ การถูกจับกุม ถือเป็นหายนะของลัทธิจานบิน ที่อย่างไรก็ต้องทำทุกวิธี เพื่อรักษาอาณาจักรไว้!