MGR Online - ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา “จตุพร” หมิ่น “อภิสิทธิ์” ปราศรัยกล่าวหาเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อปี 2552 ขณะที่ทนายยื่นเรื่องขอประกันตัว
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาในคดี อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณี นายจตุพร ขึ้นเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 ปราศัยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ในทำนองเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
คดีนี้ศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุก นายจตุพร จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ประมวลกกหมายอาญา มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และไม่รอการลงโทษ
โดยในวันนี้นายจตุพร เดินทางมาศาลอาญาพร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนโจทก์มีผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า คำปราศรัยที่จำเลยกล่าวว่า”คุณคืออาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นที่สุด.... คำปราศรัยของจำเลยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน กรณีคำปราศรัยจึงมิใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ส่วนที่จำเลยขอให้มีการรอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่า ทั้งโจทก์และจำเลยต่างเป็นนักการเมืองด้วยกัน สามารถที่จะการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคู่กรณีตามวิถีทางประชาธิปไตยได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเป็นการติชมเพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้น เจริญขึ้น หรือให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงตามที่วินิจฉัยมาก็ไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษนั้นเหมาะสมแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
นายวิญญัติ ทนายความจำเลย กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งตนยังติดใจที่ศาลไม่ได้วินิจฉัยคุณงามความดีของจำเลย ซึ่งอาจจะทำให้ศาลมีคำพิพากษาไม่รอการลงโทษก็ได้ โดยตนจะยื่นฎีกาในประเด็นนี้ด้วย ส่วนการยื่นประกันโดยใช้หลักทรัพย์เดิมที่ประกันในศาลชั้นต้นเป็นเงินสด 2 แสนบาท
ทั้งนี้ภายหลังทนายความยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เดิมเป็นเงินสด 2 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราว
ล่าสุดศาลอนุญาตให้ประกันตัว นายจตุพร จำเลยระหว่างฎีกาสู้คดี โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ตน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อจะนำเรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยว กับเรื่องศูนย์ปราบโกงประชามติ ไปชี้แจงให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ได้ทราบว่า ภารกิจของศูนย์ปราบโกงนั้น มีภารกิจคือการจัดการทุจริตในการทำประชามติ ถ้าไม่คิดจะโกงการทำประชามติก็จะไม่เป็นปัญหากับศูนย์ปราบโกงนี้เลย เพราะฉะนั้นพวกตนได้นัดหมายเปิดศูนย์ปราบโกงทุกจังหวัด ในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 10.00 น. แต่ทราบว่าได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปข่มขู่บรรดาแกนที่จะมีการตั้งศูนย์ใน แต่ละจังหวัด วันนี้ตนจึงจะมาขอความร่วมมือกับพล.อ.ประยุทธ์ ว่าถ้าท่านคิดจะปิดศูนย์ดังกล่าวควรจะมาปิดที่ศูนย์ใหญ่ ตนเองก็เห็นว่าถ้าไม่โกงไม่ต้องกลัวอะไร