อดีต ปธ.กมธ. พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประชามติ รับเป็นเรื่องดี ผู้ตรวจฯชงศาลรธน. วินิจฉัย ปมม. 61 วรรค 2 ย้ำ บัญญัติไม่ให้มีความรุนแรง พร้อมชี้แจงไม่ได้ปิดกั้นแสดงความเห็น
วันนี้ (1 มิ.ย.) พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า มาตรา 61 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการก็ได้มีการพูดคุยกันว่าคำว่า รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ นั้น จะเข้าข่ายขัดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นหรือไม่ แต่การที่กรรมาธิการเห็นควรบัญญัติคำเหล่านี้ลงไป เพราะไม่ต้องการให้การแสดงความเห็นในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการไปเติมสถานการณ์ให้มีความรุนแรงขึ้น ไม่ต้องการให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้ประเด็นรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ สร้างความขัดแย้ง รวมทั้งเห็นว่า คำเหล่านี้มีความชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้วว่าแต่ละคำมีความหมายเช่นไร จึงได้บัญญัติไว้ แต่การบัญญัติคำเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิด ๆ เพราะมันจะต้องมีผลเป็นการขัดขวาง ปลุกปั่น ไม่ให้คนไปใช้สิทธิ หรือให้คนไปออกเสียงในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งท้ายที่สุดผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเป็นความผิดหรือไม่ ก็คือ ศาลยุติธรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ามาตราดังกล่าวมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเป็นเรื่องดีที่จะมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะได้ชัดเจน ซึ่งตนก็เคารพความเห็นของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวด้วยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องดังกล่าวแล้ว จะมีการเรียกผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ตนเองในฐานะ สนช. และประธานคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายนี้ก็พร้อม ซึ่งก็จะได้แจงว่า เราไมได้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น โดยมีการระบุไว้ในมาตรา 7 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว ว่า บุคคลมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นโดยสุจริต และขณะนี้ก็ได้มีการเรียกเอกสารต่าง ๆ มาดูเผื่อจะต้องมีการชี้แจง