xs
xsm
sm
md
lg

สนช.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
ที่ประชุม สนช. มีมติ 171 ต่อ 1 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติวาระ 3 ก่อนนำมาใช้เป็นกฎหมาย พบสมาชิกหลายคนท้วงมาตรา 7 ตัดคำว่า “รณรงค์” ออกไป เหลือแต่แสดงความคิดเห็น ชี้แค่ส่งไลน์กลุ่มก็ถือว่ารณรงค์แล้ว แต่ต้องสุจริตและไม่ขัดหลักกฎหมาย สุดท้ายต้องยอมสั่งพักการประชุม แล้วไปปรับแก้ถ้อยคำ ก่อนเห็นชอบ 181 เสียง อีกด้านหนึ่งให้เพิ่มร้องคัดค้านผลประชามติจาก 10 คน เป็น 50 คน กันคนกลั่นแกล้ง

วันนี้ (7 เม.ย.) ที่รัฐสภา ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดยสมาชิก สนช. ได้อภิปรายประเด็นในมาตรา 7 ที่ กมธ. ได้ตัดคำว่า “รณรงค์” ออกไป เหลือเพียง “บุคคลย่อมมีเสรีภาพแสดงความเห็นโดยสุจริตไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย” โดยเห็นว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิประชาชน อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวว่า อยากทราบเหตุผลว่าทำไมต้องตัดคำดังกล่าวทิ้งไป เช่น การส่งไลน์ไปตามกลุ่มเพื่อบอกว่า ตนจะรับร่างหรือไม่รับ น่าจะถือเป็นการรณรงค์แบบหนึ่งเป็นเสรีภาพ ควรต้องมีความชัดเจนในการแสดงความคิดเห็น หรือหลักการรณรงค์ เพราะโทษถึงติดคุกได้ หากมีการรณรงค์และสุจริตไม่ขัดหลักกฎหมายก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการลงประชามติคือบุคคล ไม่ใช่องค์กร ซึ่งเป็นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ถ้าให้ความจำกัดความไม่ดี จะมีผลกระทบต่อผู้สุจริต ถามว่า การแสดงความคิดเห็นกับการรณรงค์ต่างกันอย่างไร ใครเท่านั้นถึงจะรณรงค์ได้ ถ้าเขียนไว้อย่างนี้มันเสียหายอะไร และน่าจะมีประโยชน์ในการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนดีกว่า และปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว มีการรณรงค์ผ่านโซเชียลต่าง ๆ และหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ขัดแย้งกันใครจะเป็นคนตัดสิน

ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม กรรมาธิการ ชี้แจงว่า การแสดงความเห็นทุกคนสามารถทำได้รอบด้านไม่ปิดกั้น แต่การรณรงค์หมายถึงร่วมกันชักจูงออกมาที่จะรับหรือไม่รับ กมธ. คิดว่ามันจะนำไปสู่ความขัดแย้งของประเทศอีกครั้งหนึ่ง เจตนาของพระราชบัญญัตินี้ไม่ต้องการให้เป็นประเด็นการเมืองที่จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหาประโยชน์และไปสู่ความขัดแย้ง ผู้ที่จะรณรงค์ได้มีเฉพาะ กกต. เท่านั้น ที่จะหาทางทำให้ประชาชนออกมาออกเสียงให้มากที่สุด ฝ่ายอื่นไม่สามารถทำได้ แม้แต่ กรธ. เวลาชี้แจงจะบอกได้เพียงสาระของร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้นว่าดีไม่ดีอย่างไร แต่การไปเผยแพร่รับไม่รับถือเป็นการชี้นำ และสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิด ดังนั้นหากใส่ไว้จะเป็นมูลเหตุให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้ประเด็นประชามติมารณรงค์สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

“การแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ทุกคนสามารถทำได้อย่างรอบด้าน แต่เรามองว่าการรณรงค์นั้นหมายถึงการร่วมกันชักจูงกันออกมาที่จะไปดำเนินการว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เราจึงคิดว่าการรณรงค์นั้นมันจะนำไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สมาชิก สนช. ยังคงติดใจในประเด็นนี้ จนในที่สุดคณะ กมธ. ยอมปรับแก้ถ้อยคำ โดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้สั่งพักการประชุม เพื่อให้เวลาไปหารือปรับแก้ โดยเปลี่ยนเป็น “มาตรา 7 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคคลสามารถเผยแพร่ความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องเป็นไปโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยที่ประชุม สนช. มีมติ 181 เสียงเห็นชอบกับการแก้ไขดังกล่าว

ส่วนมาตรา 9/1 ประเด็นอำนาจหน้าที่ของคณะ กรธ. ในการเผยแพร่และทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างทั่วถึง ทางสมาชิก สนช. มีความเห็นว่า อาจจะเป็นช่องทางให้มีผู้ร้องว่าทาง กรธ. ดำเนินการไม่ทั่วถึงจนเกิดความวุ่นวายได้ ทางคณะ กมธ. จึงได้ปรับแก้ถ้อยคำเป็น "ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบทบัญญัติและสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอประเด็นให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการออกเสียงเพิ่มเติม ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระสำคัญของประเด็นให้แก่ประชาชนทราบเป็นการ “ทั่วไป” โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขให้ประเด็นให้ประชาชนร้องคัดค้านผลการประชามติ ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 10 คน เป็น 50 คน เพื่อป้องกันความวุ่นวายและกลั่นแกล้ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากลงมติตามรายมาตราแล้ว ที่ประชุมได้มีมติ 171 ต่อ 1 คะแนน เห็นชอบในวาระ 3 เพื่อรอประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น