นายกรัฐมนตรีรับลุยรวบ “ธัมมชโย” เสี่ยงย้อนรอยปี 53 ยันจับวันนี้วันหน้าก็เหมือนกัน ลั่นชาตินี้จับได้แน่นอน แต่ไม่ลุยตอนนี้เพราะไม่อยากให้มีคนล้มตาย ถามวัดตั้งป้อมค่ายเหมือนที่สวนลุมถูกต้องหรือไม่ ถ้ามีคนยิงอาวุธใส่มาจะให้ทำอย่างไร ใครปลุกระดมต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถือว่าทำเหตุบานปลาย ชี้ถ้ามอบตัวแต่แรกก็จบ ย้ำไม่ใช่รังแกพระ งงให้คนประกบนักข่าวขนาดตนยังไม่ทำเลย
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของศิษยานุศิษย์ของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ขยายวงกว้างในวัดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศว่า ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ มีการขยายความกันไปเรื่อย ความจริงเป็นเรื่องคดีความของคนไม่กี่คนแล้วก็ขยายไปยังศิษยานุศิษย์ ไปทั้งในและต่างประเทศ จัดทีวีถ่ายทอดสดไปทั่วโลกเดินไปไหนมาไหนก็ถ่ายทอดทั้งหมด ก็สมควรแล้วจะให้ผมทำอย่างไร แล้วถ้าดีเอสไอนำกำลังตำรวจ ทหารเข้าไป แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นคิดดูกันบ้าง ปี 2553 มันเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีใครสักคนเอาอาวุธปืนมายิงใส่กันแต่ละข้างจะเกิดอะไรขึ้น เอาทหาร ตำรวจเข้าไป แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนยิงเข้ามา ทางนี้ก็ต้องป้องกันตัวมันก็จะไปโดนคนที่สวดมนต์อยู่หรือเปล่า อยากให้เป็นอย่างนั้นกันหรือ ถ้าอยากก็เร่งกันเข้ามาเรื่อยๆ กดดันเจ้าหน้าที่กันต่อไป กล่าวหาว่าไม่ไปทำหน้าที่เสียที หาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
“ผมไม่กลัวกฎหมาย เขามีเขียนไว้อยู่แล้วว่าถ้าจะทำให้สถานการณ์บานปลาย เขาก็รอไปก่อนได้ จับวันนี้หรือวันหน้าก็เหมือนกัน บางกรณีก็ละเว้นได้ด้วยสถานการณ์ภายใน แต่ผมถามว่าถูกต้องหรือไม่ ปิดประตูเอาลวดหนามมาล้อม เหตุการณ์เหมือนการตั้งป้อมค่ายที่สวนลุมฯ คิดกันบ้าง เอาอดีตมาเรียนรู้ ทหารก็ต้องทำหน้าที่เข้าไปดูแลแล้วก็มีการยิงอาวุธใส่มา จะให้ทำอย่างไร ต้องการให้เกิดอย่างนั้นอีกหรือ ไม่พอหรือ ตายกันเยอะแยะยังไม่พอ แล้วจะยังปลุกกัน ต่อไปจากนี้ไปก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน จะให้ผมมารับผิดชอบคนเดียวผมไม่รับ จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถือว่าเป็นการทำให้เหตุการณ์บานปลายจนแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้ามีการจับตั้งแต่แรกควบคุมตัว หรือมอบตัวก็จบไปแล้วไม่ใช่หรือ คดีก็ยังไม่สิ้นสุดว่าผิดหรือถูกก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกัน ก็จบแค่นั้น อย่ามาบอกว่าไปรังแกพระ มันไม่ใช่ มีการโกงมาตั้งแต่เรื่องของสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น มีการโอนเงินเข้ามาก็ไปพิสูจน์ทราบกันว่ามันไม่ใช่ แต่ปล่อยมาจนกลายเป็นว่าเราไปรังแกพระ มันไม่ใช่” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าจับวันนี้ไม่ได้ วันหน้าก็จับได้ มั่นใจคิดว่าจะจับตัวได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เอาเป็นว่าชาตินี้จับได้แน่นอน” ก่อนจะกล่าวเชิงล้อเล่นว่า เดี๋ยวให้สื่อเข้าไปก่อนใส่เสื้อเกราะกันให้ดี เมื่อถามว่า แต่ปัญหาขณะนี้คือฝ่ายที่ถูกกล่าวหายังมีพลกำลังในการต่อสู้ และมีกระบวนการต่างๆ ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดก็ช่วยสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ถ้าคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกก็ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ไปเขียนเข้าข้างทั้งสองฝ่าย
“นักข่าวไปทำข่าวในจุดนั้นก็เห็นมีคนข้างในมาประกบนักข่าวมันก็จบ ไปให้เขามายืนคุมทำไม พอมีการแถลงข่าวก็มีคนฝากโน้นมายืนคุมข้างๆ 2 คน ขนาดผมยังไม่มาคุมพวกคุณเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า การดำเนินการจะสามารถทำได้ภายในกำหนดเวลาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “สื่อถามกันไม่เลิก เอาเป็นว่าในชีวิตของพวกเธอยังอยู่ ฉันจะทำให้” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่สามารถบอกระยะเวลาได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ไม่สามารถ มีความสามารถตลอดเวลา แต่ยังไม่ทำตอนนี้ ด้วยเหตุผลและความจำเป็น ด้วยหลักการไม่อยากให้ประชาชนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย แค่นี้เหตุผลยังไม่พอหรือ จะเอาอะไรอีก หรือต้องการให้มีคนตาย แล้วจับได้อย่างที่พอใจหรือไม่ ไปลงประชามติมา
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียวก่อนที่จะรู้สึกตัวและกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “เริ่มแล้วๆ เริ่มเป็นไปตามที่โหรทำนาย พอแล้ว หมดเวลา ดาวอังคารเริ่มจะเคลื่อนแล้ว”