ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบชะลอจ่ายค่าโง่คลองด่าน งวด 2-3 พร้อมให้กระทรวงการคลังร้องศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ “ไพบูลย์” แย้มใช้ ศอตช.รวบรวมข้อมูล
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการจ่ายค่าเสียหายในโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบผลการพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อเดือน ธ.ค. 2558 รับทราบมติสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่ใช้กฎหมายการเงินอายัดสิทธิในการเรียกร้องหนี้ตามข้อตกลงระหว่างกรมควบคุมมลพิษกับกิจการร่วมค้า NVPSKG และมีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการใช้สิทธิต่อศาลปกครองให้หยิบยกคดีมาพิจารณาใหม่ พร้อมทั้งให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เป็นศูนย์กลางและเป็นผู้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอคณะทำงานของนายกฯ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุม ครม. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจง ครม.ให้รับทราบมติของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินกลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG หมายความว่าอายัดสิทธิที่กลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะเรียกเงินในงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ที่กรมควบคุมมลพิษต้องชำระ เมื่อรับทราบคำสั่ง ปปง.แล้ว ครม. จึงเห็นชอบให้กรมควบคุมมลพิษชะลอการจ่ายเงินงวดที่ 2 และงวดที่ 3 รอให้กลุ่ม NVPSKG มาชี้แจงข้อเท็จจริงกับ ปปง.ภายใน 30 วัน ถ้าการชี้แจงรับฟังได้ชัดเจนก็จ่ายคืน แต่ถ้าข้อมูลไม่น่าเชื่อถือก็อายัดทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ในฐานะหน่วยราชการและมีส่วนได้เสียไปร้องศาลปกครองให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากมีหลักฐานข้อมูลใหม่จากคำตัดสินของศาลอาญาเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2558 ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เบี้ยวการจ่ายเงินที่ค้างชำระ แต่ไม่สามารถจ่ายได้ เนื่องจากมีคำสั่ง ปปง. ซึ่งกฎหมายครอบคลุมและใหญ่กว่ามติ ครม.เสียอีก นายกฯ เน้นว่าต้องทำความเข้าใจส่วนนี้ต่อสังคม