xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ รับละเมิดสิทธิปัญหาโลก สวนใช้ศาลผิดตรงไหน ขออย่าขยี้ข่าวปลด ผบ.ตร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” รับละเมิดสิทธิ-บังคับ กม.ปัญหาโลก แจงใช้เมตตา-ผิดไม่หนักปล่อย แต่ทำร้ายคนทั้งชาติยอมไม่ได้ ย้อนใช้ศาลทหารผิดตรงไหน จบ กม.ต่างแค่มียศ และสถานการณ์ไม่ปกติ ขอสื่อช่วยแยกหน่อย ขู่บิดเบือนมากเจอดำเนินคดี เผยในค่ายไม่มีกรงขัง สวนชาติมหาอำนาจทำไม่ต่าง ขออย่าไปตีข่าวปลด ผบ.ตร. แต่มีฟ้องร้องโยกย้ายต้องรับผิดชอบ รับงานยังไม่ถึงที่ต้องการ ลั่นไม่เคยแอบพบใคร

วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ภายใต้กลไกยูพีอาร์ (Universal Periodic Review : UPR) รอบที่ 2 ต่อที่ประชุมคณะทำงานยูพีอาร์ สมัยที่ 25 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่าในการประชุมยูพีอาร์ไม่ได้เรียกประเทศไทยไปชี้แจงประเทศเดียว มีการเรียกทั้งหมด 130 กว่าประเทศในฐานะประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีการกำหนดให้ชี้แจงทุก 4 ปีครึ่ง มีการย้อนไปถึงรัฐบาลชุดที่ผ่านมาด้วยว่ามีอะไรบ้าง ถ้าจำไม่ผิดรัฐบาลที่แล้วมีเรื่องที่เขาแจ้งมาเป็นร้อยเรื่องเช่นกัน และแก้ไขได้เพียงร้อยละ 20 วันนี้มีการเสนอมา 249 เรื่อง แก้ไขได้เพียง 181 เรื่อง ก็รับมาทั้งหมด เราต้องแก้ไขประมาณร้อยละ 70 ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศมหาอำนาจที่ว่าเราบางประเทศรับมา 380 กว่าเรื่อง สามารถแก้ไขปัญหาได้ไม่ถึงครึ่ง แสดงว่ามันเป็นปัญหาของโลกทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการบังคับกฎหมาย ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ สิ่งสำคัญเราต้องไม่ทิ้งพันธกรณีดังกล่าว ในเรื่องของสิทธิมนุษยชนเราก็ระวังมาตลอด

“อยากจะชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ และแยกแยะว่าคนที่กระทำความผิดที่ต้องถูกเรียกตัวมาดำเนินการก็มี 2 ลักษณะ คือ เรียกตัวมาแล้วก็ปล่อยกลับไปถือว่าเป็นความเมตตาแล้ว เพราะถ้าว่ากันตามคดีมันผิดทั้งหมด แต่ถ้าไม่ร้ายแรงผมก็สามารถผ่อนผันให้ได้ แต่ถ้ามันร้ายแรงเป็นประเด็นที่ทำร้ายคนไทยทั้งชาติ ผมยอมไม่ได้ ก็ต้องให้เป็นเรื่องของศาล และผมก็ได้สั่งให้ชี้แจงไปว่าการที่นำตัวขึ้นศาลทหารนั้นก็เหมือนกับศาลธรรมดา แต่ที่เป็นศาลทหารเนื่องจากใช้คณะในการพิจารณาเป็นทหาร จบจากทหารพระธรรมนูญซึ่งเรียนจบกฎหมายมาทั้งหมด แตกต่างกันก็แค่มียศเท่านั้น แต่ใช้วิธีการพิจารณาของศาลปกติ สามารถประกันได้ มีทนายได้ ผมอยากจะถามว่าใช้ศาลทหารมันผิดตรงไหน และที่ต้องใช้ศาลทหารก็เพราะสถานการณ์มันไม่ปกติ คนเหล่านี้ไม่เคารพกฎหมายปกติ เรื่องเหล่านี้สื่อช่วยแยกให้หน่อย ไม่ใช่ว่าเราต้องการไปปิดบังบิดเบือน หรือต้องการไปละเมิดสิทธิ ขอให้ไปดูให้ชัดว่าใครไปละเมิดสิทธิใคร เขาละเมิดสิทธิผมหรือเปล่า ในการที่ผมกำลังทำงานให้กับประเทศดูว่าเขาละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่ ถ้าสื่อฟังแล้วไปขยายความก็ขัดแย้งก็อยู่แบบนี้ และสิ่งที่จะตามมาคือต่างชาติไม่เข้าใจเรา ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ การที่จะเข้ามาค้าขายหรือลงทุนก็ไม่มั่นใจ ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ผมขอแค่นี้ ช่วยกันดูว่าประเทศจะเดินต่อไปอย่างไร ผมไม่ได้ไปโมโหสื่อเพราะไม่ได้เขียนเชียร์ผม ยืนยันว่าไม่ต้องมาเชียร์เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็อยู่อยู่แล้ว แม้จะว่าผมผมก็อยู่ เพราะผมต้องอยู่ ทำไมถึงไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรในหลายๆ อย่าง แล้วมันก็ดีขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักโฆษกฯ และกรมประชาสัมพันธ์ นำทุกประเด็นที่สื่อเขียนมาดู และชี้แจง ซึ่งถ้าประเด็นไหนบิดเบือนมากๆ ก็อาจจะต้องดำเนินคดีทางกฎหมายบ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะว่ากันไปมาทำให้คนหมดกำลังใจในการทำงาน ซึ่งการแก้ไขก็ต้องมีทั้งคนที่ถูกใจ และไม่ถูกใจ มีคน 2 ฝ่ายเกิดขึ้นเสมอไม่มากก็น้อย มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย วันนี้ทุกคนพยายามจะให้ตนเองไปฟังเสียงส่วนน้อยที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ถ้าจิตใจบริสุทธิ์ยืนยันว่าตนเองพร้อมดูแลทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งคนกระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องดูแล และให้ความเป็นธรรม อย่าไปไล่ล่ากันต้องมีเหตุผล ควรมีเมตตา ทั้งเรื่องการเยียวยา การควบคุมตัว

“อยู่ในค่าย ยืนยันว่าไม่ได้ขัง ไม่มีกรงขังสักอัน ไปกินข้าวอยู่ในบ้าน พูดคุยกันเสร็จแล้วก็ปล่อยตัวออกมา แต่ถ้าสอบแล้วเจอความผิดที่หนักหนาสาหัสก็ต้องส่งตัวให้ตำรวจ ซึ่งก็มีเหมือนกันทุกประเทศไปถามดูได้ประเทศมหาอำนาจที่ว่าเรา เขาได้ดำเนินคดีไปกับคนที่มีความผิดทางการเมือง ต่อต้านการเมืองในประเทศของเขาเอง ผมจำเป็นต้องพูดบ้างแต่ไม่บอกว่าประเทศอะไร มีการจับกุมเป็นพันคน แล้วอยู่ที่ไหนทำไมไม่ถามกันบ้าง ผมไม่ได้เก็บตัวไว้สักคน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายให้ไปสู้คดี เมื่อได้รับประกันก็ปล่อยตัวทุกคน เว้นแต่บางคนที่ต้องสืบสาวราวเรื่อง มีหลักฐานให้มากขึ้น ผมถามว่าอย่างความผิดทางคอมพิวเตอร์ ผมหรือเจ้าหน้าที่สามารถไปโพสต์ข้อความแทนได้อย่างนั้นหรือ เพราะมีบางคนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนโพสต์ เจ้าหน้าที่จะไปบ้าทำทำไม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกระแสข่าวปลด ผบ.ตร.ว่า อำนาจการปลดอยู่ที่ใคร ข่าวออกมาจากไหน หามาให้ด้วยจะปลดคนที่พูด ตอนนี้ยังไม่มีการปลด ถ้าปลดแล้วตนจะบอกเอง อย่าไปตีข่าวกันให้มาก ทำไมเขาทำผิดอะไร การแต่งตั้งการโยกย้ายนายตำรวจมีปัญหาหรือยัง มีการร้องเรียนฟ้องร้องอะไรหรือไม่ ถ้ามีการฟ้องร้องก็นำขึ้นศาล ตนก็จะให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน มีแค่นั้นจะยากตรงไหน อย่างไปยุ่งมากนักเลย แล้วสื่อก็แห่เขียนตามกัน ไปหามาให้ตนใครเป็นคนพูด

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าทำไมข่าวแบบนี้ออกมาเป็นระยะ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นข่าวลืออยู่อย่างนี้ เคยหยุดลือหรือไม่ เรื่องตำรวจมีแบบนี้มากี่ปีแล้ว ตนกำลังทำให้เกิดความชัดเจน ถ้ามีการฟ้องร้อง ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ สอบสวนหาคนทำความผิดมารับผิดชอบ โยกย้ายไม่ตรงหรือเปล่า ตนอยู่กับทหารมาสองแสนกว่าคนก็ทำแบบนี้ แล้วก็พยายามทำให้เขาทำแบบที่ตนทำ ตนมาแก้ไขให้ไม่ใช่หรือ ถ้าใครผิดก็ต้องลงโทษ สมัยตนเป็น ผบ.ทบ.ใครทำความผิดตนก็ย้าย คนไม่ดีก็ต้องย้ายแค่นั้นจะไปยากตรงไหน เพียงแต่ตนฆ่าเขาไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะกฎหมายวินัยมีอยู่ อย่าเอาเรื่องกระแสมาพูด กระแสจากไหน จากใคร

เมื่อถามว่าถือว่าการทำงานของ ผบ.ตร.วันนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป้าหมายตนมี 100 เปอร์เซ็นต์ ได้ไม่ตรงหรอก ตนต้องการทุกอย่าง ทำงานเกินร้อยทุกเรื่อง แล้วก็สั่งงานไปเกินร้อย เมื่อต้องการร้อยก็ต้องสั่งงานเกินร้อย วันนี้ยังไม่ถึงที่ตนต้องการ เอาง่ายๆ ที่ตนคิดไป 20 ปีข้างหน้า และได้วางไว้ 2 ปีที่ผ่านมา กับเวลาที่เหลือต้องทำอะไรเสร็จบ้างแต่ถามว่าจะเสร็จได้ไหม พอแตะอะไรก็เริ่มมองว่ามีเรื่องทุจริต เพราะกระแสเคยมีมา ถ้าพูดกันแบบนี้ก็ย้อนกลับไปที่เดิม แต่อดีตคืออดีตแก้ไขเสีย เดินหน้าปัจจุบัน

“ปัจจุบันใครผิดฟ้องมาจะได้ลงโทษ เพื่อไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้ต้องทำไว้เผื่ออนาคตข้างหน้าจะให้เขาต่ออะไรมันก็ต้องเขียนรอยต่อเอาไว้ ผมคิดให้ทั้งหมด ทุกอันไม่มีใครมาสั่งผม และผมก็ฟังมาจากข้าราชการ แล้วนำมาประมวลคัดกรอง เท่าที่มีสติปัญญา และตั้งคณะทำงาน ไปศึกษาหารือ ผมจะทำตามมติความเห็นชอบที่ส่งเข้ามา จากกระทรวงต่างๆ ว่าเป็นเรื่องการเงิน เศรษฐกิจ ทั้งหมดไม่ใช่ผมทำคนเดียวไม่ใช่พระเอก ทำงานแบบมีความรับผิดชอบร่วมกัน รับรู้ร่วมกัน ไม่ต้องปกปิดเพื่อไม่ได้เกิดการโกง ผมไม่เคยแอบประชุมหรือพบใครคนเดียว แต่ละงานผมคุยกันกับรัฐมนตรีหลายๆ คน ทำงานแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดความสบายใจ ไม่ใช่กระทรวงนี้กระทรวงนั้นขอที ผมไม่ให้ แต่ถ้าร่างรวมกันมา 4 กระทรวงผมจะพิจารณาให้ ทำแบบนี้ผิดหรือถูก ต้องการแบบไหน ถ้าต้องการแบบเดิมก็เอา ใครหน้าไปเลือกเอามา” นายกฯ กล่าว









กำลังโหลดความคิดเห็น