สนช. สัมมนาทำความเข้าใจคำถามพ่วงประชามติ เตรียมเผยแพร่ “มีชัย” สรุปสาระสำคัญร่างรธน. ทั้งเรื่องเสรีภาพ เข้าสู่ตำแหน่งการเมือง ปรองดอง ขจัดทุจริต เข้าใจมีหลายเรื่อง สนช.- สปท. ไม่เห็นด้วย แต่ยันเงี่ยหูฟังตลอด และเอามาชั่งน้ำหนัก รับแก้ไม่ได้แล้วต้องเดินหน้า
วันนี้ (13 พ.ค.) คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เตรียมความพร้อมเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเด็นคำถามเพิ่มเติมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ” เพื่อทำความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันเกี่ยวกับประเด็นคำถามเพิ่มเติมของ สนช. ที่ได้นำเสนอให้ กกต. จัดให้มีการออกเสียงประชามติ ตลอดจนเตรียมความพร้อมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเด็นคำถามเพิ่มเติมแก่ สมาชิก สนช. และสมาชิก สปท.
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวบรรยายสรุปภาพรวมและสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนยังคงยืนยันในหลักการสำคัญ คือ ยอมรับความมีสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์ แม้จะมีการกำหนดให้มีกฎหมายรองรับสิทธิดังกล่าว แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายออกมา ประชาชนยังคงได้สิทธิเสรีภาพนั้นอย่างเต็มที่ ส่วนการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง กรธ. ได้คำนึงถึงสิทธิของประชาชนอย่างจริงจัง ทั้งการให้ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส. เพียงใบเดียว หรือ การให้ผู้สมัคร ส.ส. ต้องชนะคะแนนโหวตโนด้วย ถือเป็นการทำให้เสียงของประชาชนมีความสำคัญ สำหรับการเลือก ส.ว. แบบไขว้กันเอง จะมีผลให้ประชาชนสามารถเข้าสู่อำนาจนิติบัญญัติได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพรรคการเมือง นอกจากนี้ กรธ. ยังได้กำหนดกระบวนการการสร้างความปรองดองผ่านการให้เปิดอภิปรายในสภา เพื่อให้มีการพูดคุยจนได้ฉันทานุมัติแทนการลงคะแนนเสียง แม้จะไม่ใช่กระบวนการสร้างความปรองดองอย่างที่ใครตั้งความหวังก็ตาม ส่วนการขจัดการทุจริตมีวางกลไกการคัดกรองคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ควบคู่ไปกับการกำหนดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรมที่องค์กรอิสระจะเป็นผู้จัดทำ และส่งให้ทุกฝ่ายเห็นชอบเพื่อบังคับใช้ร่วมกัน ซึ่งกลไกนี้เราหวังว่าจะมีส่วนให้มีความทัดเทียมกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว
“ผมเข้าใจดีว่าในกลไกที่เราสร้างไว้ในร่างรัฐธรรมนูญมีหลายเรื่องที่ สนช. และ สปท. ไม่ค่อยเห็นด้วย ก็ยอมรับว่า ต่างคนต่างก็มีแนวคิด แต่ว่าขอได้โปรดเข้าใจว่า เราได้เงี่ยหูฟังมาตลอด และเอามาชั่งน้ำหนักว่าอย่างไหนจะดีที่สุด ถ้าสิ่งที่เราตัดสินใจมันอาจจะไม่ค่อยถูกใจหรือถูกใจ ขอให้คิดเสียว่า คน 21 คนคิดมาได้แบบนี้ อาจจะต่างกับคน 200 คนคิด แต่ตอนนี้มันแก้อะไรไม่ได้ ก็คงต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ถ้ามันเกิดขาดตกบกพร่องอะไร วันข้างหน้าคนข้างหน้าก็คงไปแก้ไขกันเอง” น ยมีชัย กล่าว
