โฆษก กปปส.เผยแกนนำไม่ร้องขอล้างผิดปล่อยตามกระบวนการยุติธรรม ย้อน “เสรี” อย่าเอาปรองดองเหมารวมล้างผิด ค้านเหมาเข่งคดีโกง ม.112 อาญาร้ายแรง
วันนี้ (9 พ.ค.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และโฆษกกลุ่ม กปปส. กล่าวถึงกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีแนวคิดที่จะออก พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก.รอการกำหนดโทษเพื่อความปรองดอง โดยผู้ที่ได้รับการรอกำหนดโทษต้องสารภาพต่อศาลก่อน และหลังจากได้รับการรอการกำหนดโทษแล้วจะมีมาตรการอื่นๆ มาควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้กลับไปกระทำผิดอีกว่า ทางกลุ่ม กปปส.มีความเห็นต่อข้อเสนอของทางประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนฯ ด้านการเมือง สปท. ที่จะให้มีการออกกฎหมายเพื่อรอการกำหนดโทษ โดยอ้างเหตุผลเรื่องความปรองดองนั้น ตนขอยืนยันว่าทางแกนนำ กปปส.ทุกคนไม่ร้องขอให้มีการล้างผิดในรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างที่กระทำไปตัดสินใจดีแล้ว ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก
นายเอกนัฏกล่าวต่อว่า การปรองดองคงไม่มีใครปฏิเสธ แต่ไม่ควรเอามาเหมารวมกับการนิรโทษกรรม หรือการล้างผิดในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งกระบวนการปรองดองควรเริ่มต้นจากการเยียวยาผู้ที่ได้รับความสูญเสีย โดยเฉพาะผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมที่ถูกผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธทำร้ายโจมตีจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อีกทั้งการนิรโทษกรรมเพื่อล้างความผิดเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าทำแบบเหมาเข่งสุดซอยเหมือนในยุครัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะนำไปสู่ความแตกแยกไม่ใช่ปรองดอง ดังนั้น ทางกลุ่ม กปปส.ยังยืนยันว่าไม่ควรล้างผิดให้กับคดีทุจริต เพราะขัดหลักสากล คดีมาตรา 112 เพราะกระทบต่อความมั่นคงและความรู้สึกคน หรือคดีอาญาร้ายแรง ฆ่า เผาทำลาย ทำร้ายชีวิต เพราะผู้เสียหายจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและนำไปสู่ความแตกแยก
“แกนนำยินดีต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ส่วนประชาชน รัฐควรช่วยเหลือสนับสนุนให้สามารถต่อสู้ภายใต้กระบวนการยุติธรรมโดยไม่เสียเปรียบ เช่น ทนาย เงินประกัน เป็นต้น” นายเอกนัฏกล่าว