ปลัดมหาดไทยย้ำหลักเกณฑ์ เงิน 2 แสนลงหมู่บ้าน ชูต่อยอดโครงการพระราชดำริ ขู่เอาผิด หากพบ “ซื้อของแจก-ดูงาน-รุกเขตป่าสงวน” สั่งลงพื้นที่ตรวจงานเดือนละ 2 ครั้ง ชี้โอนแล้ว 1.4 หมื่นล้าน
วันนี้ (9 พ.ค.) มีรายงานว่า ที่ห้องประชุม 1 กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมผ่านเครือข่ายวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ข้อราชการร่วมผู้บริหารระดับสูงรองปลัดมหาดไทย อธิบดี และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในการบริหารโครงการงบประมาณหมู่บ้านละ 2 แสนบาทตามโครงการประชารัฐ รวมถึงทบทวนระบบการสื่อสารสั่งการจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค ตำบล หมู่บ้าน
นายกฤษฎากล่าวว่า โครงการนี้ดำเนินการช่วงวันที่ 1 พ.ค. - 31 ก.ค. 2559 โดยประชาชนเป็นผู้เสนอ และดำเนินการด้วยตัวเอง ด้วยการทำประคมในหมู่บ้าน นายอำเภออนุมัติ และให้จังหวัดเห็นชอบ สิ่งที่ไม่ควรทำในโครงการนี้ เช่น ซื้อของมาแจก อบรมพาไปดูงาน และโครงการที่ทำในเขตป่าสงวนและที่ดินสาธารณะ แต่สิ่งที่ควรทำ อาทิ ต่อยอดขยายผลจากโครงการพระราชดำริ หรือขยายผลต่อยอดโครงการทำอยู่แล้ว ตั้งแต่โครงการตำบล 5 ล้าน โครงการองค์กรปกครองส่อนท้องถิ่นที่ใช้เงินสะสมเหลือจ่ายอยู่ ซึ่งนายอำเภอต้องพิจารณว่าโครงการใดควรทำ และมีควรทำ แต่จะต้องไม่มีการทับซ้อนกัน
“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอความร่วมมือหน่วยราชการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อแบ่งพื้นที่ในแต่ตำบลพร้อมตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามผลโครงการนี้ และให้ลงพื้นที่เดือนละ 2 ครั้งรวม 3 เดือนเป็น 6 ครั้ง เพื่อตรวจสอบโครงการว่าดำเนินการงบ 2 แสนบาทจริงหรือไม่ ดำเนินการเรื่องอะไร ใครได้ประโยชน์ ดำเนินการเสร็จเมื่อใด รวมถึงการรับฟังปัญหาในพื้นที่ ขอกำชับอย่าให้มีเรื่องที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาภาพพจน์ข้าราชการมหาดไทยดีขึ้นมาก ก็ขอให้ทำดีต่อไป” นายกฤษฎากล่าว
ด้าน ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า สำหรับโครงการที่ไม่ซับซ้อนให้แต่ละพื้นที่ทยอยรายงานไปยังจังหวัดได้ทันที ไม่ต้องให้แต่ละพื้นที่ส่งพร้อมกัน อีกทั้งขอให้ปลัดจังหวัด นายอำเภอลงไปกำกับงานด้วยตนเอง โดยให้มีการรายงานความคืบหน้ากลับมา เพื่อรายงานให้กระทรวงและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับทราบในทุกเดือนด้วย
ก่อนหน้านั้น นายกฤษฎาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เน้นย้ำเรื่องโครงการหมู่บ้านละ 2 แสนบาท ที่ดำเนินการตั้งแต่ 1 พ.ค. - 31 ก.ค. จะมาดูว่าผ่านไปแล้วเกือบ 10 วัน จังหวัด และอำเภอไหนบ้างที่คณะกรรมการหมู่บ้านยังไม่ได้มีการทำประชาคม ก็จะต้องเร่งรัด โครงการไหนควรทำหรือไม่ควรทำ
ทั้งนี้ กรมการปกครองได้โอนจัดสรรงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้จังหวัด (ที่ทำการปกครองจังหวัด) ซึ่งเป็นหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการเรียบร้อยแล้ว รวมงบประมาณทั้งสิ้น 14,917,600,000 บาท และเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้แจ้งซักซ้อมแนวทางการดำเนินการตามโครงการฯ ให้จังหวัดและอำเภอถือปฏิบัติเพิ่มเติมและนำไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
