อดีต ส.ส. กทม. ลั่นกลองรบ เตรียมยื่นเรื่อง สตง. สอบทุจริตอีก 4 เรื่อง ทั้งจัดโรดโชว์ท่องเที่ยวต่างประเทศ จัดซื้อเครื่องดนตรีไทย บริษัทเดียวกับไฟประดับฉาว แถมยังมีเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูงแพงเกินจริง และ รถขัดพื้น ยังใช้งานไม่ได้ โต้ “วิษณุ” ขัดคำสั่งนายกฯ วอนใช้มาตรา 44 กับ “ชายหมู” มาตรฐานเดียวกับ ขรก. คนอื่น
วันนี้ (8 พ.ค.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้มูลความผิดโครงการประดับไฟ กทม. ว่า มีการทุจริต ส่อว่ามีการฮั้วประมูล ว่า ได้มีการประสานงานไปยัง สตง. เพื่อเอาผิดกับ นายจุมพล สำเภาพล และ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ซึ่งมีการทุจริตแน่นอน จึงควรมีการกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากบุคคลทั้งคู่มีส่วนดำเนินการโครงการนี้ด้วย โดยในส่วนของ นายจุมพล เป็นผู้เซ็นอนุมัติ และ นายอมร เป็นผู้ออกมารับรองว่าโครงการนี้มีความโปร่งใส จะยื่นหนังสือถึง สตง. ในวันอังคารที่ 10 พ.ค.
นอกจากนี้ จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกสองประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเดียวกับที่ได้งานประดับไฟ กทม. กรณีการจัดอีเวนต์โฆษณาการท่องเที่ยว กทม. ในต่างประเทศ โดยมีเอกสารว่า สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว จ้างบริษัทนี้ 9 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2553 ทำมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 2558 รวมงบประมาณ 36 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการในปีงบประมาณ 2558 มีการจัดซื้อเครื่องดนตรีไทย บริษัทนี้ก็ได้งานอีก ทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ในปี 2558
ขณะเดียวกัน จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบอีกสองเรื่อง คือ เครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง ซึ่งของยุโรปจำหน่ายไม่เกิน 4 แสนบาทต่อเครื่อง แต่ กทม. ซื้อเครื่องจากจีน ขายในราคากว่า 9 แสนบาท จำนวน 200 เครื่อง แต่กองไว้ไม่สามารถใช้งานได้ จนมีการวิจารณ์ว่า กรณีนี้ไม่โง่ก็โกง นอกจากนี้ ยังมีกรณีการซื้อรถขัดพื้นคันละ 6 ล้านบาท มีการจัดซื้อไปแล้ว 20 คัน ซึ่งตามแผนจะจัดซื้อทั้งหมด 50 คัน เหลืออีก 30 คัน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ถ้าคนมีสมองจะไม่ซื้อ โดยกรณีนี้เกี่ยวข้องกับนายจุมพล ที่รับผิดชอบสำนักรักษาความสะอาดและสำนักโยธาฯ ซึ่งมีการนัดเซ็นสัญญากันแล้ว ถ้าทันจะยื่นพร้อมกันในวันอังคาร จากนั้นยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
นายวิลาศ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย ออกมาระบุว่า ยังไม่สามารถใช้มาตรา 44 ดำเนินการกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ได้ เพราะเพิ่งอยู่ในขั้นตอนที่ สตง. ตรวจสอบเท่านั้น ว่า หากนายวิษณุจะให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการปราบทุจริต ถ้าสงสัยก็ต้องจัดการ เมื่อ สตง. สอบแล้วก็ถือว่าเกินสงสัยไปแล้ว ซึ่งการใช้อำนาจมาตรา 44 ที่ผ่านมา ก็มาจากการตรวจสอบของ สตง. เป็นส่วนใหญ่ คำพูดของนายวิษณุถือว่าแตกต่างจากแนวทางปฏิบัติเดิม ตนจึงไม่ทราบว่า มีการลักไก่หรือไม่ หากทำเช่นนี้ตนคิดว่านายวิษณุขัดคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปราบปรามการทุจริต เพราะ สตง. แถลงพร้อมเอกสารชัดเจน ใครได้อ่านก็หลับตานึกภาพได้ว่าได้กันไปเท่าไหร่จากที่สำแดงราคานำเข้า 29 ล้านบาท แต่มาเช่าไฟในราคา 39.5 ล้านบาท โชว์แล้วต้องเก็บคืน
นอกจากนี้ ยังมีที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. รายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า กรณีนี้มีส่วนต่างเกิดขึ้นก็ยิ่งมีความชัดเจนว่าโครงการนี้มีปัญหา นอกจากนี้ ขอฝากให้สอบเส้นทางการเงินของสุภาพสตรีคนหนึ่งที่เป็นข้าราชการระดับกลางใน กทม. ถือกระเป๋าแบรนด์เนมทุกวัน ซึ่งอยู่ในเรื่องร้องเรียนด้วย หากมีการตรวจสอบจะพบการโยงใยได้หมด เพราะตนมีพยานยืนยันว่า มีการผ่านเงินจากข้าราชการคนนี้ ซึ่งตนได้ประสานไปยัง ป.ป.ง. แล้ว แต่ทาง ป.ป.ง. ยังต้องรอให้มีการตั้งเรื่องจาก สตง.หรือ ป.ป.ช. ทำให้ติดขัดอยู่ จึงอยากให้นายวิษณุดำเนินการในส่วนนี้ด้วย