xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ปัดรัฐถังแตกแค่พร่องไปนิด เมินข้อเสนอเลิกคำสั่ง คสช.ที่ปิดกั้นสื่อ ค้านขึ้นค่าแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” แจงไทยแลนด์ 4.0 พัฒนาทั้งภาพเกษตร - อุตสาหกรรม โวกองทุนออมแห่งชาติ มีแล้วเหยียบพันล้าน แขวะรัฐบาลก่อนชะลอจนประชาชนเสียประโยชน์ ปัดรัฐถังแตกแค่พร่องไปนิดหน่อย ย้ำ ปฏิรูป 2 ปี ไม่จบต้องวางแผนอนาคต 20 ปี สร้างไทยมั่นคงมั่งคั่ง เมินข้อเสนอสื่อให้เลิกคำสั่ง คสช. เหตุให้เสรีภาพเต็มที่อยู่แล้ว ฮึ่มถ้าละเมิดสื่อจริง วันนี้คงถูกปิดไปเกือบหมดแล้ว วอนแรงงานต้องอดทน ค่าแรงขึ้นกระทบหลายเรื่อง สุดท้ายคนไทยจะตกงาน

วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์เฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมี น.ส.เขมสรณ์ หนูขาว ผู้ประกาศข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เป็นผู้ดำเนินรายการ ในช่วงต้นมีการพูดถึงมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ในส่วนการแก้ปัญหาแฟลตดินแดง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงแรกมีข้อขัดแย้งกันมากพอสมควร รัฐบาลก็ใช้ความอดทนในการสร้างความเข้าใจ ขอขอบคุณชาวแฟลตดินแดง ชุมชนดินแดง ที่ส่วนใหญ่ยอมรับให้ทำโครงการปรับปรุงพื้นที่ ปรับภูมิทัศน์ ปรับสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเดิมให้ดีขึ้น เพราะคับแคบแล้วก็ทรุดโทรม มีโอกาสที่จะพัง มีแผนดำเนินการ 8 ปี 2559 - 2567 ทั้งรื้อถอน ก่อสร้าง เคลื่อนย้าย เริ่มก่อสร้างโครงการแรกในเดือน ส.ค.นี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณสัก 18 เดือน รวมแล้วจะมีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ประมาณสัก 30,000 คน

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย นายกฯเปิดเผยว่า ในระยะแรกเราจะเร่งกำจัดขยะมูลฝอยที่ตกค้าง มีการสะสมแล้ว 20 ล้านตัน จากทั้งหมด 30 ล้านตัน กำหนดพื้นที่รวบรวมของเสียอันตราย 83 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ถูกหลักวิชาการ กำจัดแล้ว 174 ตัน ทั้งหมดมี 250 ตัน ต่อไปก็ใช้รูปแบบศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม เป็นคลัสเตอร์ในแต่ละจังหวัด เพื่อช่วยจัดการขยะที่เพิ่มขึ้นอีก 2.18 ล้านตัน ส่วนระยะต่อไป จะทำเป็นแผนแม่บทบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ ตั้งแต่ปี 2559 - 2564 เป้าหมายคือจัดการขยะชุมชนให้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ 75 ภายในปี 2564 เพราะสะสมมานาน แล้วก็เร่งกำจัดขยะตกค้างที่เหลือทั้งหมดภายในปี 2562 แล้วก็ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถคัดแยกขยะของเสียอันตราย ตั้งแต่ต้นทางมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2564 เมื่อบริหารจัดการขยะได้แล้ว ก็ต้องมาดูว่าทำอย่างไรขยะเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อไป

สำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โลกวันนี้เขาใช้คำว่า Connectivity ความเชื่อมโยง ความเป็นเศรษฐกิจเดียว แล้วก็การอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เหล่านี้เป็นหลักการในการนำร่องในการพัฒนาประเทศ การปรับประเทศให้เป็น Thailand 4.0 ก็คือ การที่เราจะมีทั้งเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมให้ประเทศเราเข้มแข็งขึ้น มีรายได้มากขึ้น จำเป็นต้องขยับทุกอย่าง แต่ปัญหาของเราคือเรามีเกษตรกรจำนวนมาก ที่แต่ละคนอดทนทำมาโดยตลอด ถึงขาดทุนก็ทำ ก็มาดูว่าอันไหนมีศักยภาพก็ส่งเสริม นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมกรรมการใช้เครื่องจักรเพิ่มมูลค่า แล้วก็ต้องเตรียมรับอนาคตสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาจากภัยแล้งอีก นำทุกมิติมาดู

“Thailand 4.0 ก็ต้องทำหลายอย่างด้วยกัน ทั้งเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม ทั้งการใช้เครื่องจักร เครื่องจักรเบา เครื่องจักรหนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ที่ผ่านมาช่วง 3.0 เราพัฒนาอย่างมากเลยนะ 10 - 20 ปีที่ผ่านมา เรามีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากมาย วันนี้ก็ต้องมาดูว่า ที่ผ่านมา มีผลเสียอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม เราก็ต้องมาดูใหม่ว่า 4.0 เราจะทำอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เรามีสตาร์ทอัปตั้งหลายร้อยกิจการ แต่สิ่งที่ต้องเดินหน้าไปด้วย ก็คือ การสร้างความมั่นคง ความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคงในทุกมิติ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ควบคู่ไปด้วย ทั้งยังมีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้าในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโอทอป สินค้าชุมชนสินค้า SMEs เหล่านี้ ต้องทั้งพัฒนา และประชาสัมพันธ์ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ได้ เพื่อจะสร้างรายได้ให้ประชาชนฐานราก ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากแก้วจริง ๆ ถ้าเศรษฐกิจภายในเจริญเติบโตขึ้น ภายนอกก็ย่อมเข้มแข็งตามไป ประเทศเราก็มีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น ในสินค้าที่แข่งขันเขาได้รูปแบบใหม่ ๆ เป็นนวัตกรรม ทั้งนี้ เครือข่ายบิซคลับ จะประกอบไปด้วยนักธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ สถาบันการเงิน ตัวแทนมหาวิทยาลัยร่วมมือกันทำงานสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

แยกออกเป็น 5 ประเภท คือ กลุ่มสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน กลุ่มค้าส่ง - ค้าปลีก กลุ่มผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย กลุ่มบริการท่องเที่ยวและโรงแรมที่พัก ซึ่งตอนนี้มีปัญหาเยอะมาก ก็ต้องรื้อทุกอัน และกลุ่มสุดท้าย คือ บริการที่เกี่ยวกับสุขภาพ

“วันนี้เรามีศูนย์เครือข่ายธุรกิจบิซคลับที่ว่า มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 8,187 ราย ครอบคลุมเครือข่ายธุรกิจใน 77 จังหวัด ในปัจจุบัน” นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ด้วยว่า จริง ๆ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนการออมแห่งชาติ ก็มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว แต่ที่ผ่านมา มีการชะลอไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ประชาชนกว่า 25 ล้านคนที่อยู่ในเงื่อนไขของกองทุนนี่ มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนเหล่านี้ ไม่สามารถใช้สิทธิของตนตามกฎหมายได้ แล้วรัฐบาลนี้ก็ผลักดันจนสำเร็จ เปิดรับสมัครสมาชิกตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 58 ถึงปัจจุบัน มียอดสมาชิกรวม 417,460 คน ยอดเงินสะสม 641,289,996 บาท ยอดสมทบโดยรัฐบาล 316,812,524 บาท รวมเงินกองทุน 958,102,520 บาท สะท้อนว่า หากมีการทำตามกฎหมาย ก็มีเงินอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เมื่อไม่ทำก็มาเรียกร้องให้รัฐอุดหนุนตลอดเวลา ซึ่งรัฐเองก็ไม่ไหว อาจไม่ถึงกับถังแตก เพียงแต่ว่าพร่อง ๆ ไป ก็ต้องหาทางหามาเติมให้ได้ ส่วนปริมาณการเข้าร่วมกองทุนแบ่งตามภูมิภาค พบว่า ภาคอีสาน สูงสุด ร้อยละ 51.2 ภาคกลาง ร้อยละ 19.7 ภาคเหนือ ร้อยละ 10.2 หากแบ่งตามอาชีพ พบว่า อาชีพเกษตรกรมากที่สุด ร้อยละ 68.8 ตรงนี้ก็สะท้อนว่าแต่ละภูมิภาค แต่ละอาชีพ รายได้ความเจริญแตกต่างกัน

สำหรับความคืบหน้าในการปฏิรูปประเทศ หัวหน้า คสช. ระบุว่า การปฏิรูป 31 วาระ 37 เรื่อง และกิจกรรมอีกเยอะแยะไปหมด ถึงต้องมีระยะที่ 1 2 3 4 5 คือ เหตุผลที่จะต้องมีแผนปฏิรูป 5 ปี 4 แผน มีแผนสภาพัฒน์อีก 4 แผนให้สอดคล้องกัน ทั้งหมดร่วมกันเป็นยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า ให้ประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อันไหนที่จะเริ่มต้นได้เราก็จะเริ่มต้นในช่วงนี้ถึงปี 2560 ให้ได้ อย่างน้อยก็เป็นแนวทางนำร่องเป็นแบบอย่าง อะไรแก้จบได้ก็จบไปเลย อันไหนจบไม่ได้ก็ไปต่อระยะหน้า ตอนนี้ก็ปฏิรูประยะที่ 1 ตั้งแต่ พ.ค. 57 แก้ไขความขัดแย้ง จัดระเบียบบ้านเมืองให้ทุกคนมาอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ก็ถือว่าบ้านเมืองสงบพอสมควร มีเฉพาะในสื่อในโซเชี่ยลเท่านั้น กับคนบางคนที่ออกมาพูดจาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็ฝากผู้ที่รับผิดชอบด้านนี้ดูแลกันด้วย

“วันนี้ทุกคนคาดหวังว่าจะให้ปฏิรูปให้เสร็จภายในปี 2 ปี ไม่มีทางเสร็จหรอก หลายประเทศเขาเป็นร้อยปียังไม่เสร็จเลย ประเทศไทยยังไม่เริ่มปฏิรูปสักที มาเริ่มปฏิรูปตั้งแต่ปี 57 ที่ผ่านมานี้แหละ แล้วท่านจะหยุดเหรอ ท่านจะไม่ให้ประเทศมันเดินหน้าไปแล้วกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิม ๆ ประเทศชาติที่ว่าดี ๆ จริง ๆ มันไม่ได้ดีหรอก มันกลวง มันกลวงข้างใน เพราะฐานมันไม่แน่นไง จิตใจคนมันก็แหลกสลาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในส่วนของข้อเสนอ ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ที่เรียกร้องให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งบางฉบับที่มีเนื้อหาปิดกั้นเสรีภาพสื่อมวลชน เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก วันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา หัวหน้า คสช. กล่าวว่า รับทุกอัน ไม่อยากให้ทุกคนไปมองว่า สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย วันนี้ไม่ให้เสรีภาพประชาชนตรงไหน ท่องเที่ยวจะไปไหนก็ไป เว้นแต่คนที่ทำความผิด คนที่มีคดีความ มันก็ต้องพิจารณาดูบ้างใช่ไหม ต้องระมัดระวังไม่ให้มันบานปลาย ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบ้างคนหรือสื่อบางอัน ถ้าขอร้องไม่ได้มันก็ต้องมีการบังคับใช้ แต่ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ ทุกวันนี้โครมครามกันอยู่นี้ ห้ามตรงไหน ถ้าห้ามก็วันนี้แทบทุกอัน ทุกช่องทุกเล่มปิดได้หมด

“ถือว่าผมอดทนมากแล้วนะที่ผมอธิบายไป ขอร้องไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เขาก็ขอผมเรื่องเสรีภาพสื่อ ผมก็บอกว่าเสรีภาพวันนี้ผมให้ทุกอย่างแล้ว เพียงแต่เขาเขียนคำสั่งไว้ ท่านก็อย่าทำความผิด แล้วผิดเรื่องอะไร บิดเบือนไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นสื่อเลือกข้าง ก็แค่นี้ไม่รู้หรอว่าความหมายมันคืออะไร ก็ถ้าไม่ทำแล้ว ผมจะไปคุมเขาทำไม ผมก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ผมก็มีจิตใจเหมือนกัน และก็มีทั้งอดทน อดทนอย่างที่สุดมาแล้ว บางอย่างก็ต้องขอร้อง บางอย่างก็บังคับด้วยกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พิธีกรถามถึงเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรังมานาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องเอาตัวตนหลุดออกมาก่อน ไม่ว่าจะทหาร หรือข้าราชการ ต้องดึงตัวเองออกมาว่า เรายังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในวันนี้ ที่ผ่านมามันขัดแย้งกันอยู่แล้ว เราก็เป็นเครื่องมืออยู่ตรงกลาง ซึ่งมันก็ทั้งสั่งผิดสั่งถูกกันมา วันนี้เราต้องหยุดตรงนั้นไว้แล้วมันนี้มาถอยตัวเองออกมามองว่า แต่ละฝ่ายแต่ละข้างเขาทำอะไรกัน อันไหนถูกอันไหนผิด ก็ทำหน้าที่ของตัวเองตามความรับผิดชอบ ตามความเข้าใจของตัวเองตามกฎหมายที่มีอยู่ วันนี้หลายอย่างทำไม่ได้ เพราะขาดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ประชาชนก็ไม่ไว้ใจรัฐ ไม่ไว้ใจข้าราชการ บ้างคนยังไม่ไว้ใจตนเลย ก็ไม่รู้จะพูดยังไง

“ผมไม่ได้ใช้มาตรา 44 ไปกำจัดผู้ที่ขัดแย้ง เพราะไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร เขาขัดแย้งกฎหมาย มันต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ที่ผ่านมาไม่ได้ทำ ปล่อยปละละเลยกัน นำไปสู่การทุจริตผิดกฎหมาย นำไปสู่การเอื้อประโยชน์ การคอร์รัปชัน ดึงคดีโน้นคดีนี้ เสียเบี้ยบ้ายรายทาง ผมไม่มองใครเป็นศัตรู กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น มันก็มีกลไกทางกฎหมายทั้งนั้น ถ้ามันเดินไปมาก ๆ ขัดแย้งกันทำยังไง ก็ตีกันอีก แล้วผมจะทำไงได้ก็ไม่มีประโยชน์เข้ามา 2 - 3 ปี จบหมด กลับไปที่เดิม

ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงานในวันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา นายกฯกล่าวว่า ปีนี้ผู้ใช้แรงงานยื่นมา 15 ข้อ ปีที่แล้วก็ 15 ข้อ คล้าย ๆ กัน หลายอันก็เรื่องเกี่ยวกับประกันสังคม ซึ่งหลายอย่างเราก็ทำไปแล้ว อันไหนที่ยังทำไม่สำเร็จก็ทำให้สำเร็จ มีอยู่อันเดียวเท่านั้นแหละ ก็คือ ค่าแรง แต่ถ้าสมมติเราขึ้นค่าแรงมาก ๆ การลงทุนก็จะลดลงในช่วงนี้ เพราะว่าการแข่งขันเรื่องต้นทุนการผลิต วันนี้ถ้าค่าแรงเราสูง เทคโนโลยีเรายังไม่ทันสมัย คนของเราก็ยังไม่พร้อม การศึกษายังผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการ และแรงงานเหล่านี้ก็จะมาจากแรงงานต่างประเทศ แรงงานเพื่อนบ้าน คนไทยเราจะไม่มีงานทำ อยากจะให้รับทราบว่ารัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลายอย่างก็ให้คณะกรรมการคุยกันอยู่แล้วว่า ทำยังไงควรจะทำแค่ไหน ขอให้ฟังเหตุผลกันบ้าง

“ผมก็เข้าใจที่เขาบอกว่าอดทนมาเยอะแล้ว วันนี้เขาไปมองเรื่องของค่าครองชีพมันสูงขึ้น ก็ลองไปมองดูตัวเองว่าใช้จ่ายกันยังไงบ้าง วันละ 300 ดูซิจะประหยัดลงอีกได้ไหม อะไรที่เขามาบอกว่าต้องเท่าเทียม เป็นธรรม ผมพยายามช่วยเขาอยู่ หลายอย่างผมก็สนับสนุนให้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนในเรื่องของการก่อสร้างอะไรต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการจ้างแรงงานทั้งสิ้น

คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันที่ 6 พฤษภาคม 2559

เขมสรณ์- สวัสดีค่ะ ต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคืนความสุขให้คนในชาติ พบกันคืนวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2559 ดิฉัน เขมสรณ์ หนูขาว รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการในวันนี้ คุณผู้ชมคะ เป็นประจำทุกสัปดาห์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะมีโอกาสพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่เราได้เห็นรัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้กับคณะรัฐมนตรี ให้กับคณะทำงานในหลายเรื่อง และในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความสำคัญของปวงชนชาวไทย เป็นวันสำคัญของชาติไทย วันฉัตรมงคล วันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งในวันนี้นะคะ ดิฉันจะมีโอกาสพูดคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ค่ะ ซึ่งขณะนี้ดิฉันได้นั่งอยู่กับท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านนายกฯ สวัสดีค่ะ


ประยุทธ์- สวัสดีครับ


เขมสรณ์- ก่อนอื่นขออนุญาตพูดถึงวันสำคัญของปวงชนชาวไทย วันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญ ที่พสกนิกรจะได้มีโอกาสแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากจะให้ท่านนายกรัฐมนตรีพูดถึงความสำคัญของวันฉัตรมงคลค่ะ


ประยุทธ์- เป็นวันสำคัญของประเทศไทย ของคนไทยทุกคนนะครับ ก็เกิดมาตั้งแต่ปี 2493 ก็เห็นว่ายาวนานมามากแล้วในวันนี้ วันสำคัญวันนี้นั้นมีหลายอย่างด้วยกัน สิ่งแรกก็คือ เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ทรงรับสั่งว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม แล้วทำให้พสกนิกรชาวไทยมีความอยู่เย็นเป็นสุขนะครับ ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมาจนทุกวันนี้

แล้วที่สำคัญอย่างยิ่ง ปีนี้เป็นปีมหามงคลด้วยในการเฉลิมฉลอง 70 ปีแห่งการครองราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลอยากจะขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ช่วยกันกระทำความดี น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านด้วยการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี มีคุณค่าต่อสังคม รู้รัก สามัคคี มีคุณธรรม จริยธรรม

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ขอให้น้อมนำแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยยึดถือแนวทางสายกลาง และประพฤติตนตามแบบอย่างของพระองค์ ที่ทั้งชาวไทยและชาวโลกได้ประจักษ์ ได้ให้การยอมรับ และได้มีการกล่าวขานว่าทรงเป็นแบบอย่างของกษัตริย์ผู้พอเพียงนะครับ


เขมสรณ์ - อยากให้ท่านต่อเนื่องถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมนะคะ การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในการดำเนินงาน มาใช้ในการดำเนินชีวิต อย่างโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ได้น้อมนำหลักปรัชญานี้มาใช้ในการดำเนินงานของโรงพยาบาลด้วย ขออนุญาตให้ท่านนายกรัฐมนตรี เล่าถึงเรื่องนี้หน่อยค่ะ


ประยุทธ์- ผมก็เรียนว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้กับทุกกิจกรรม แล้วแต่ว่าแต่ละหน่วยงานจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไรอันนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในการใช้ในการบริหารงานของโรงพยาบาล โดย ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ (กรุงเทพฯ) ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะทางของโรคเบาหวานและไทรอยด์ วิธีการที่ใช้ 3 อย่าง ก็คือ พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน มีเหตุมีผล นี่นะ ภายใต้ 2 เงื่อนไข คือ ความรู้ และคุณธรรมก็ได้นำ มาใช้ในการทำงานด้านสาธารณสุข ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ผ่านมา สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประชาชน

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมานั้น มีการพัฒนาการบริหาร และการทำงานของตัวเอง ทั้งองค์กร แล้วก็บุคลากรในหน่วยงาน อันที่สองก็คือถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ที่คิดค้น สั่งสม ไว้ให้กับบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศ ไม่ได้ทำเฉพาะในโรงพยาบาล ทำทั่วประเทศ อันที่สามก็คือเป็นโรงพยาบาลภาค เอกชน ที่ทำงานประสานกับ สปสช. ในการฝึกอบรมบุคลากรภาครัฐ ยกตัวอย่างเช่น องค์ความรู้การดูแลปัญหาแผลที่เท้าเนื่องจากเบาหวาน เบาหวานเป็นโรคที่คนไทยเป็นมากในขณะนี้ ต้องช่วยลดอัตราลงไปให้ได้ การเป็นนะครับ การตัดขาถึง 80% นี่อันตรายมาก ผู้ป่วยเบาหวานนั้นคือไม่ต้องพิการ เราต้องหาแนวทางปฏิบัติ คือป้องกันที่เหมาะสม ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขผมว่านะ แล้วอีกประการหนึ่ง ก็คือ การช่วยประหยัดงบประมาณในการรักษาพยาบาลให้กับประเทศ กับประชาชนอย่างมหาศาล

ข้อคิดที่ผมคิดว่าท่านได้นำมาใช้ ก็คือ การดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แบ่งปัน มีจริยธรรม มองผลตอบแทน ที่ได้รับก็คือความยั่งยืนขององค์กร คือไม่ใช่ว่าได้มาก อยู่ได้ไม่นานหรอก ถ้าดูแลประชาชนด้วย อะไรด้วย ก็ได้รับความนิยมชมชอบแล้วก็จะอยู่ได้นาน ธุรกิจก็อยู่ได้ ทำกำไรได้ตามสมควร สมเหตุสมผล ตั้งอยู่บนคุณธรรม แล้วจะทำให้อยู่คู่สังคมไทยไปได้อีกนานเท่านาน

หลักการอีกอันที่ผมเห็นเขาใช้อยู่ ก็คือ กำไรไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของการทำงาน ผมอยากให้ใช้ในทุกกิจการเลยนะ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ประเทศชาติกำลังมีปัญหาอยู่นี่ แม้จะอยู่ในภาคเอกชนในการทำธุรกิจต่าง ๆ นั้น อยากจะให้ทุกคนได้สร้างความภาคภูมิใจให้บุคลากรในองค์กร ไม่ใช่ทุกคนทำงานไปวัน ๆ หนึ่ง เพื่อจะหวังเงินเดือน หวังเงินโบนัส ไม่ใช่ต้องมองประเทศชาติเป็นหลักด้วย แล้วทำอย่างไรประเทศชาติเราจะมีภูมิคุ้มกันที่ดี ในช่วงนี้ต้องใช้มากเลยล่ะ ในการที่จะทำยังไงให้ประเทศชาติอยู่รอด ธุรกิจอยู่รอด ถ้าธุรกิจอยู่ไม่รอด ตัวเองไม่ได้เงินเดือน

เพราะทุกคนอยากจะได้เงินเดือนสูง แต่สถานการณ์มันไม่อำนวยขณะนี้ ก็ต้องสร้างความรู้สึกการเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกันไง บุคลากรในหน่วยงานไหน ในบริษัทไหนก็ต้องคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเหมือนกันในทางพฤตินัย คือ ร่วมมือกัน พูดจาหารือร่วมกันทำนองนี้ ทำให้มันไปได้เป็นระยะยาวยั่งยืน ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน มุ่งหวังแต่ประโยชน์ต่างคนต่างอยากได้ทั้งหมด มันทำให้องค์กรเสียหาย แล้วก็ไม่ยั่งยืน อยากให้ทุกคนนั้นทำงานอย่างมีความสุข มีมากก็ได้มาก มีน้อยร่วมกันเสียสละได้น้อยบ้าง วันหน้ามันก็เข้มแข็งเอง ทุกอย่างเพิ่มขึ้นเอง

เพราะฉะนั้นความสุขนี่สำคัญนะ เขาบอกแล้วว่า การวัดความเจริญเติบโตของประเทศนี่ ถ้าวัด GDP อย่างเดียว ตัวเลขอย่างเดียว มันไม่พอ วันนี้ต้องคำนึงถึงความสุข ความพึงพอใจของประชาชนด้วย ความสุขนี่ซื้อไม่ได้ มันต้องมาจากใจของตัวเองใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะจน จะรวย มันซื้อไม่ได้หรอก ความสุขอยู่ที่ใจของตัวเองนะครับ


เขมสรณ์- ต้องใช้ใจในการทำงาน แล้วสร้างภูมิคุ้มกันในการดำเนินงานของแต่ละสถาบัน แต่ละองค์กรด้วย ทีนี้ขออนุญาตมาดูเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ต้องยอมรับว่ามีปัญหาหลายเรื่องที่เป็นปัญหาสะสมมานาน บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไข แต่ขออนุญาตมาดูเรื่องใกล้ ๆ ตัวที่รอคอยการแก้ไขอยู่ เรื่องของแฟลตดินแดง ที่ทางรัฐบาลจะมีการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ปรับภูมิทัศน์ เรื่องของขยะมูลฝอย แฟลตดินแดงตอนนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนคะ คนในชุมชนร่วมมือกับรัฐบาลยังไงบ้าง


ประยุทธ์- คือแรก ๆ มีข้อขัดแย้งกันมากพอสมควร เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอะไรทำนองนี้ เราใช้ความอดทนการสร้างความเข้าใจว่าวันนี้รัฐบาลมีนโยบายในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุก ๆ ด้านสิ่งสำคัญที่สุดคือปัจจัย 4 คือ ในเรื่องของการมีที่อยู่อาศัยที่มันแข็งแรง ทันสมัย วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว อยู่แบบเดิมๆ ไม่ได้หรอก ทรุดโทรมอย่างนี้ไม่ได้ วันนี้ขอบคุณนะครับ ชาวแฟลตดินแดง ชุมชนดินแดง วันนี้ได้รับการยอมรับในการทำโครงการนี้ เห็นด้วยประมาณสัก 87% หรือมากกว่านั้นแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนดินแดงแล้ว ส่วนมากนะครับ มีส่วนน้อย ก็จะเป็นเรื่องของการปรับปรุงพื้นที่ ปรับภูมิทัศน์ ปรับสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเดิมให้ดีขึ้น เพราะมันคับแคบแล้วก็ทรุดโทรม แล้วมีโอกาสที่จะพัง เพราะบางอันไม่เข้มแข็ง หลายสิบปีมาแล้ว เราจะดูเป็นการนำร่องสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเขตเมือง มีหลายพื้นที่ที่จะทำแบบนี้

สำหรับที่ดินแดง เป็นตัวอย่าคือว่ามีที่พักอาศัยทั้งหมด 20,292 หน่วย แล้วจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกันนะครับ ส่วนแรกก็ผู้อาศัยเดิม 11 อาคาร 6,546 หน่วย สำหรับผู้มีมาอาศัยใหม่ก็ได้แก่ผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการต้องคำนึงถึงเขาด้วย 25 อาคาร อีก 13,746 หน่วย รวมจะมีผู้ได้รับประโยชน์ จากโครงการนี้ประมาณสัก 30,000 คน

มีแผนดำเนินการ 8 ปี 2559 - 2567 ทั้งรื้อถอน ก่อสร้าง เคลื่อนย้าย ค่าเช่าเดิม 300 - 3,950 บาท ใหม่ก็จะเป็น 1,265 - 4,305 บาท อันนี้จะรวมไปทั้งค่าเช่าเดิมบวกกับค่าบริหารจัดการสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ ภาษีโรงเรือนต่าง ๆ ครบวงจร ไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ ทุกอย่างต้องมีการปรับปรุงทั้งนั้น แล้ววันนี้โลกก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นเราพยายามจะลดภาระให้มากที่สุด เราจะเริ่มก่อสร้างโครงการแรก สิงหาคมนี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณสัก 18 เดือน


เขมสรณ์ - ส่วนเรื่องของปัญหาขยะมูลฝอยเป็นอีกหนึ่งเรื่องใกล้ตัวที่รอคอยการแก้ไขปัญหานะคะ


ประยุทธ์- อันนี้มันปัญหาใกล้ตัวอย่างที่ว่านะ แต่ทุกคนก็มุ่งหวังที่จะให้รัฐ หรือให้หน่วย งานเขาแก้ไข ต้องแก้ไขด้วยตัวเองด้วย ทั้งตัวเอง ทั้งครอบครัว วันนี้ผมอยากจะกล่าวเรื่องแรกก่อนที่รัฐบาลทำขณะนี้ก็คือ ระยะแรก เราจะเร่งกำจัดขยะมูลฝอยที่ตกค้าง มีการสะสมแล้ว 20 ล้านตัน จากทั้งหมด 30 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 66 โดยจะมี การกำหนดพื้นที่รวบรวมของเสียอันตราย 83 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ถูกหลักวิชาการ กำจัดไปแล้ว 174 ตัน ทั้งหมดมี 250 ตัน ต่อไปใช้รูปแบบศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม เป็น Cluster อะไรต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด เพื่อช่วยจัดการขยะ ที่เพิ่มขึ้นอีก 2.18 ล้านตัน ในระยะต่อไป เราจะทำเป็นแผนแม่บท ก่อนจะทำแผนแม่บทก็จะทำระยะที่ 1 ก่อน

ในเรื่องการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศนั้น แผนแม่บทตั้งแต่ พ.ศ. 2559 - 2564 6 ปี เป้าหมายคือ จัดการขยะชุมชน ให้ถูกต้อง มากกว่าร้อยละ 75 ภายในปี 2564 เพราะมันสะสมมานาน แล้วก็เร่งกำจัดขยะตกค้าง ที่เหลือทั้งหมดภายในปี 2562 แล้ว อปท. สามารถคัดแยกขยะ ของเสียอันตราย ตั้งแต่ต้นทางมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2564

แล้วประเด็นค่าบริการวันนี้ มีการดำเนินการตั้งแต่การคัดแยก จัดเก็บขนย้าย ทำลาย เป็นต้น เพราะฉะนั้นอาจจะมีการพิจารณาในการปรับค่าจัดการขยะจาก 20 บาท ให้เหมาะสม 20 บาท มานานแล้วไง ทุกคนก็เรียกร้องนี่โน่น แต่ทุกอย่างต้องอาศัยงบประมาณทั้งสิ้น เราพยายามทำยังไงไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องเริ่มตั้งแต่ตัวเองก่อน ตัวเองต้องลดขยะ ลดการใช้ถุงพลาสติกบ้าง ขยะตัวเอง มีการแยกขยะ ในบ้านของตัวเอง หรือของชุมชน มีถังขยะที่เพียงพอ แยกประเภทได้ การขนย้ายขยะ ก็ต้องเพิ่มรถขยะ เพิ่มเจ้าหน้าที่ เสร็จแล้วพอการบริหารจัดการขยะ ตอนท้ายก็คือทำอย่างไรขยะนี้จะเป็นประโยชน์ ระยะสั้น หรือเอาไปทำถ่าน ทำเชื้อเพลิง ไปทำปุ๋ย ไปทำอะไรต่าง ๆ ต้องสร้างมูลค่าจากขยะเหล่านี้ให้ได้ วันหน้าเราก็คาดหวังว่า จะต้องมีโรงงานพลังไฟฟ้าจากขยะ ซึ่งวันนี้ยังไปไม่ได้มากนัก เพราะว่าประชาชนยังไม่เข้าใจ แล้วก็เกรงกลัวเรื่องผลเสียจากโรงขยะ เรื่องความสกปรกอะไรแล้วแต่ ผมอยากให้ติดตามดู วันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เยอะแยะไป เครื่องจักรอะไรต่าง ๆ ทันสมัยขึ้น รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังอะไรจากการกำจัดขยะ แต่เป็นไปสร้างขยะในจิตใจคนต่อไปคือ ทุกคนไม่สบายใจไม่มีความสุขนั้นแหละเขาเรียกว่าขยะในใจ ผมไม่อยากให้เกิดสิ่งเหล่านี้


เขมสรณ์- ประชาชนให้ความร่วมมือเข้าใจในเรื่องของการร่วมมือกับรัฐบาลแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยกันขนาดไหนคะ


ประยุทธ์- ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากนะครับ ผมเร่งรัดไปทั้งภาคประชาชน ขอความร่วมมือนะ บังคับมากไม่ได้ อย่าหาว่าผมใช้แต่อำนาจบังคับเขา ผมให้กระทรวง มหาดไทย โดย อบท. ซึ่งจริง ๆ แล้ว กทม. ด้วยนะ ในกรุงเทพฯ เขาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องขยะอยู่ มีงบประมาณแต่ไม่เพียงพอ ทีนี้จะของบประมาณรัฐบาล อันนี้ถ้าขอไปเรื่อย ๆ ต้นทางคือประชาชนไม่รู้จักการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้น แล้วไม่แยกขยะ คราวนี้จะไปโทษประชาชนก็ไม่ได้ ต้องโทษเจ้าหน้าที่องค์กรที่รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เพราะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ เขาบอกว่ารายได้เขาน้อย ในการเก็บค่าขยะใช่ไหม มาดูซิว่าจะทำอย่างไร เท่าไร วันนี้ผมก็อยากให้ ผมได้สั่งงานไปแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีมหาดไทย ไปหาวิธีการดำเนินการมาในช่วงนี้ว่าทำยังไง จะใช้งบประมาณบางส่วนในพื้นที่บางพื้นที่ก่อนได้ไหม เป็นการนำร่องให้กับคนที่เห็นว่า ถ้าทำแบบนี้จะดีอย่างนี้ แต่ค่าใช้จ่ายควรจะเป็นเท่านี้ไหม อะไรทำนองนี้ ก็ไปหาทางดูอยู่นะ เรื่องของกฎหมายด้วย กฎหมาย พ.ร.บ.งบประมาณมีอยู่แล้วนะครับ ต้องใช้เงินอุดหนุนมากพอสมควรนะวันนี้ เพราะไม่พอไง


เขมสรณ์- ส่วนในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นข่าวหน้าหนึ่งหลายเรื่อง เรื่องของประชาชนอาจจะรัดเข็มขัดหน่อย ในช่วงนี้ไม่อยากจะจับจ่ายใช้สอย เรื่องของการส่งออก ตอนนี้เราก็ได้ยินนโยบายของรัฐบาลหลาย ๆ เรื่อง ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของ SMEs เรื่องของ Start-up Thailand 4.0 บิซคลับ (BIZ Club) อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีขยายความตรงนี้นิดหนึ่ง


ประยุทธ์- คือเราต้องมองก่อนว่าโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนะในด้านเศรษฐกิจ โลกวันนี้เขาใช้คำว่า Connectivity ความเชื่อมโยง ความเป็นเศรษฐกิจเดียว แล้วก็การอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เหล่านี้เป็นหลักการในการ นำร่องในการพัฒนาประเทศ เราก็ต้องเอาเขามาพิจารณาว่า เราจะทำอะไรได้บ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้ ถ้าเราจะปรับประเทศเราให้เป็น Thailand 4.0 ก็คือ การที่เราจะมีทั้งเกษตร เกษตรอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะส่งเสริมให้ประเทศเราเข้มแข็งขึ้น มีรายได้มากขึ้น จำเป็นต้องขยับทุกอย่าง แต่ปัญหาของเราก็คือว่าเรามีเกษตรกรจำนวนมาก ซึ่งผมก็ชื่นชมนะ ทุกคนอดทน ทำมาโดยตลอด ขาดทุนก็ทำ วันนี้ก็ดูซิว่า อันไหนมีศักยภาพ เราก็ส่งเสริมให้ตรง เสร็จแล้วเราก็ต้องไปมองเตรียมรับอนาคตก็คือ สังคมผู้สูงอายุอีกต่างหากใช่ไหม ในเรื่องของการปัญหาจากภัยแล้งอีกใช่ไหม โลกเปลี่ยนแปลงอีก ต้องเอาทุกมิติมาดู เพราะฉะนั้นมันต้องไปสู่ Thailand 4.0 เพราะวันนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนสูงอายุมากขึ้น ต้องมีงบประมาณในการดูแลคนสูงอายุ ใช่ไหม

ประการต่อไปที่สำคัญคือว่า เศรษฐกิจนี่ไปด้านเดียวไม่ได้ เพราะราคาของพืชผลเศรษฐกิจตกลงทุกประเทศในโลกนี้ที่ผลิต มันต้องไปสู่การสร้างนวัตกรรมการใช้เครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมือนะครับ ในการที่จะทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น การออกแบบใหม่ อะไรใหม่ทั้งหมด เรียกว่าการพัฒนาในเรื่องของรูปแบบในการที่จะแข่งขันในเวทีโลก เพราะฉะนั้นอันนี้แหละคือ Thailand 4.0 มันก็ต้องทำหลายอย่างด้วยกัน ทั้งเกษตร เกษตร ทั้งการใช้เครื่องจักร เครื่องจักรเบา เครื่องจักรหนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ที่ผ่านมา มัน 3.0 ไง ช่วงนั้นเราพัฒนาอย่างมากเลย 10-20 ปีที่ผ่านมา เรามีการปรับโครบสร้างเศรษฐกิจใหม่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากมาย วันนี้ต้องมาดูซิว่า ที่ผ่านมามีผลเสียอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม เราต้องมาดูใหม่ว่า 4.0 เราจะทำยังไง

อีกอันหนึ่งที่เขามองกันอยู่ขณะนี้ คือ โลกสมัยใหม่ไม่ได้มาเรื่องเครื่องจักรเครื่องมือแบบนี้อีกทั้งหมด ต่อไปมันจะเป็นเรื่องของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ คือแข่งขันกันทำเกี่ยวกับเรื่องการใช้ ไอที ระบบไอซีทีมากขึ้น วันนี้เรามีสตาร์ทอัพหลายอย่างที่ผลิตมาวันนั้นตั้งหลายร้อยกิจการของเด็ก ๆ ผู้จบใหม่บ้าง อยู่ต่างประเทศบ้าง เขากล้าที่จะมาเริ่มทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเรื่องการใช้สมอง ใช้ปัญญาแข่งขัน ผมให้กำลังใจเขานะ

ในส่วนของอีกอันหนึ่งที่จะต้องเดินหน้าไปด้วยก็คือการสร้างความมั่นคง ความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคงในทุกมิติ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยควบคู่ไปด้วย อีกอันหนึ่งที่ถามเมื่อกี้ก็คือ เรื่องบิซ คลับ ใช่ไหม มันเป็นเครื่องมือเท่านั้นเอง ในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้าในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโอทอป สินค้าชุมชนสินค้า SMEs เหล่านี้ ต้องทั้งพัฒนาและประชาสัมพันธ์ แล้วรับรองมาตรฐานให้ได้ แล้วก็จดลิขสิทธิ์ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ ที่เราอาจจะปล่อยปละละเลยมาเป็นเวลานานวัตถุประสงค์เราก็คือ เราอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ต้องสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ได้ เพื่อจะสร้างรายได้ให้ประชาชนฐานรากในท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากแก้ว จริงๆ เป็นรากแก้ว ในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจภายในนี่เจริญเติบโตขึ้น ภายนอกย่อมเข้มแข็งตามไปไง ประเทศเราก็มีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น ในสินค้าที่แข่งขันเขาได้รูปแบบใหม่ ๆ เป็นนวัตกรรมทำนองนี้นะ แม้กระทั่งจากภาคการเกษตรก็ตามแล้วภาคอุตสาหกรรมต้องส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้นในพื้นที่ ไม่ว่าจะพื้นที่ทั่วไปในวันนี้ หรือพื้นที่ที่เป็นเขตอุตสาหกรรม พื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่าไปกังวลว่าทำไปแล้วจะมีใครลงทุน เราเตรียมไว้เพื่ออนาคตยังไง วันนี้เขาจะลงทุน ก็ลงทุน เขาไม่ลงทุนก็แล้วแต่เขา เพียงแต่ว่าเราต้องสร้างแรงจูงใจให้เขาให้ได้ เหล่านี้เป็นเครื่องมือทั้งสิ้น เรื่องกฎหมาย เรื่องสิทธิประโยชน์ เรื่องอะไรต่างๆ มากมาย ไม่ใช่ว่าเออจะทำอะไรก็ทำได้ มันขึ้นอยู่กับเขาด้วย บังคับเขาไม่ได้ เราต้องเตรียมประเทศเราให้พร้อม

วิธีการสำคัญอีกอันหนึ่งที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องเริ่มจากภายในก่อน ถ้าภายในคือ ชุมชนเข้มแข็ง อำเภอ ตำบล ใช่ไหม แล้วไปสู่จังหวัด กลุ่มจังหวัดไปสู่ภูมิภาค เข้มแข็งก็จะส่งต่อ ไปถึง มีผลต่อภูมิภาค แต่ละภูมิภาคด้วย มีความแตกต่าง มีสินค้าที่มีราคา ไม่แย่งตลาดกัน เสร็จแล้วก็ไปเชื่อมโยงกับ CLMV รอบบ้านเรา แล้วไปสู่ ประชาคมอื่นๆ อาเซียน หรือว่ายุโรป EU หรือโลกตะวันตกอะไรก็แล้วแต่ เราจัดกลุ่มไว้หมดแล้ว วันนี้ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ เพราะฉะนั้นเครือข่าย บิซ คลับ จะประกอบไปด้วยนักธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ สถาบันการเงิน ตัวแทนมหาวิทยาลัยร่วมมือกันทำงานสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

เราแยกออกเป็น 5 ประเภทให้ครบถ้วน อันแรกคือกลุ่มสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน อันนี้ผมพูดไปแล้วนะ วิสาหกิจชุมชน การประกอบการโดยภาคประชาชน การส่งเสริมของรัฐบาล หรือภาคธุรกิจ โดยที่ไม่หวังผลกำไรนะ ย้ำคือไม่หวังผลกำไร มีผลกำไรที่ออกมาก็คือไปเป็นของประชาชน ประชาชนเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทต่างๆ ที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจ ว่าเอื้อประโยชน์เขาอีก ผมต้องการเอาเขามาเอื้อประโยชน์เรา เขามาทำตรงนี้ เพราะเขารู้การตลาด เขามีความเชื่อมโยงอยู่แล้ว ประชาชนนี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องการตลาด เทรดดิ้ง ไม่ค่อยรู้เลย ผลิตอย่างเดียว ปลูกอย่างเดียว ขายไม่เป็น วันนี้เขาจะได้มีทางเลือกระหว่างประชารัฐของเรา หรือว่า บิสซิเนส ชุมชนของเราอันที่สองเรื่องพ่อค้าคนกลาง อันที่สามก็คือธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน จะได้แก้ปัญหาคำว่าผูกขาดเสียทีไว้ใจกันบ้าง ที่ผ่านมาก็ผ่านมาแล้วล่ะ วันนี้ก็ต้องมองว่าประเทศเราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยใช่ไหม การค้าเสรี ใครมีทุนเขาก็ทำ แต่ทำอย่างไรคนเหล่านั้นจะกลับมาดูแลคนที่มีรายได้น้อยในประเทศ คือเรียกว่าเจริญเติบโตจากภายใน พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งแล้ว ระเบิดจากข้างใน

กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มค้าส่ง-ค้าปลีก อันนี้ก็มีปัญหามากพอสมควร ต้องใช้กฎหมายมาดูด้วย การปรับปรุง พ.ร.บ.การค้าต่างๆ ให้ทันสมัย แล้วก็ดูแลเรื่องอะไร เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย นอมินีบ้าง อะไรบ้าง หรือเบี้ยบ้ายรายทาง เอื้อประโยชน์ อะไรเหล่านี้ ต้องดูให้หมดเลยนะ ไม่งั้นค้าส่งค้าปลีกเขาก็มีปัญหาอีก ประชาชนก็เดือดร้อน เพราะค้าส่งค้าปลีกเขาต้องการกำไรมากขึ้น โดยบางอย่างต้องไปเสียเงินนอกระบบอะไรทำนองนี้ ต้องไม่เกิดขึ้น ประชาชนก็จะได้บริโภคสิ่งของที่ถูกลง ไม่งั้นก็มาทดแทนด้วยการขึ้นราคา ไม่ได้

อันที่ 3 คือ กลุ่มผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย อันนี้ผมบอกแล้วไง ยังไงก็ต้องมีตัวแทนจำหน่าย ผลิตแล้วต้องมีคนขาย ทีนี้ถ้าประชาชนมาอยู่ในการขายเอง ในช่องทางนี้ก็จะดีกว่าไหมล่ะ ก็ลองเอาไปคิดดูแล้วกัน ประชาชนที่อาจจะมีคนไม่เข้าใจ อาจจะมีคนไม่หวังดี เขียนให้สื่อเข้าใจผิดๆ แล้วบิดเบือนอะไรทำนองนี้ ยังมีอยู่นะครับ ขอร้องเถอะนะ เรากำลังทำให้ประเทศอยู่

อันที่ 4 คือ กลุ่มบริการท่องเที่ยวและโรงแรมที่พัก และได้แก่การให้การบริการ การไปดูเรื่องนอมินี ไปดูเรื่องสินค้าที่ปลอมปน หรือมัคคุเทศก์ ดูหมดทุกอัน เพราะปัญหาเยอะมาก ก็รื้อมันทุกอัน กฎหมายทุกกฎหมายก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่ก็ต้องปรับตัวเอง

เรื่องการท่องเที่ยววันนี้ถือว่าทำรายได้ให้ประเทศเป็นลำดับแรกเลยนะ ที่ทำให้เราอยู่ได้วันนี้ เพราะเงินไม่ได้ไปไหน มีคนกล่าวว่าเงินกลับไปที่โน่นที่นี่ แต่ทั้งหมดเขาใช้เงินในประเทศนี้ ในเรื่องของการชำระเงินทางบัตรอะไรของเขา ที่ว่ามีคนมาทำ ต่างประเทศมาทำ ผมเช็คแล้ว ไม่ใช่หรอก เพราะยังไงมันก็อยู่ในประเทศไทย แต่เรื่องการประกอบการ เขาก็ต้องมีรายได้ของเขา ก็เป็นส่วนน้อยนะ ผมคิดว่ามันก็เป็นธรรมดา แต่ผมให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงพาณิชย์ ไปดูให้หมดให้ชัดเจนขึ้น วันนี้ไปตรวจจับได้หลายรายแล้ว หลายเรื่องเกี่ยวกับ การท่องเที่ยว โกงกันบ้าง แล้วการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว การพัฒนา การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้ดีขึ้น สะอาดขึ้น แล้วก็จัดกลุ่มให้มากขึ้น เราก็ต้องเอาประชาชนมามีส่วนร่วม เป็น Cluster ขึ้นมาให้ได้

อีกอันที่เรามีศักยภาพก็คือ สปาเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะเมืองไทยนี่มีหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร เรื่องการให้บริการ เสริมสวย แพทย์แผนไทย มีหมด วันนี้ผมก็เร่งไปแล้ว ปรากฏว่าเมื่อวานเห็นกฎหมายผ่านการพิจารณาของ สนช. ไปแล้ว ในเรื่องของการใช้แพทย์แผนโบราณหรือสมุนไพร ในการรักษาพยาบาล มุ่งหวังเพื่อให้ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนลง เป็นน้อยก็กินยานี้ก็ได้ ไม่ต้องไปกินยา ไปซื้อยาราคาแพง ถ้ามันโอเคเป็นมากกว่านั้นก็ไปปรึกษาหมอ ไปหาหมอ สมัยใหม่ไป ต้องเอาคนเหล่านี้กลับมา สมัยเด็กๆ จำไม่ได้หรือ มีหลายคนสมัยนี้ เกิดหมอตำแยก็ทำคลอด เสียเงินไม่มากหรอก แล้วก็ใช้ยาสมุนไพร ก็ไม่เห็น ก็โตกันทุกวันนี้ เอามาใช้แต่ให้ถูกกฎหมาย ให้มีการรับรอบคุณภาพ รับรองความรับผิดชอบ ก็แค่นั้นเอง เรามีโอกาสอีกเยอะนะครับ เรื่องธุรกิจ สปา สุขภาพ ความงาม เครื่องแต่งกายเหล่านี้ วันนี้เรามีศูนย์เครือข่ายธุรกิจบิส คลับ ที่ว่า มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 8,187 ราย ครอบคลุมเครือข่ายธุรกิจใน 77 จังหวัด ในปัจจุบัน

สำหรับเรื่องสำคัญที่อยากจะให้ทุกคนทราบอีกอันก็คือ เรื่องประเด็นราคาสินค้า ไม่อยากให้ทุกคนมองว่า ราคาน้ำมันลงแล้ว มันน่าจะลดลง มันเป็นส่วนหนึ่งแต่ต้องมองดูภาวะสภาพภูมิอากาศ เรื่องน้ำ เรื่องฝน เรื่องอะไรเหล่านี้ด้วย ภัยแล้ง มันปลูกไม่ได้ ราคาก็แพง บางอย่างก็แพงมาก แพงน้อย ก็ขึ้นอย่างนี้ ขึ้นลง แต่เราก็ไปควบคุมทุกตลาด ก็ให้ทางกระทรวงพาณิชย์ไปกำกับดูแลในขณะนี้ บางอย่างต้องเห็นใจคนปลูก คนขายเหมือนกัน บางอย่างถ้าเกินไปก็ขอให้เขาลดราคา เพราะเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้มากนัก เป็นเรื่องกลไกตลาด เพราะฉะนั้นอยากให้ดูปัจจัยอื่นด้วย ถ้าทุกคนบอกว่าแพง ถ้าแพงมากก็อย่าไปทานมัน หาที่ถูกแล้วคุณภาพเหมือนกัน ทดแทนกันได้ แต่ต้องเห็นใจว่าวันนี้ฝนน้อย ฝนแล้ง การเพาะปลูกก็ยากขึ้นทุกปีก็ยาก ก็ราคาสูงไง เช่น มะนาวแพงใช่ไหม เมื่อวานผมเห็นข่าวถั่วฝักยาว โอ้ย กิโลฯ เป็นร้อย เมื่อก่อนโลไม่กี่บาทเอง ผมเห็นใจนะ เพราะผมเป็นตัวอย่าง ผมก็ไม่ทานถั่วฝักยาวแพง แต่คนรวยเขาทาน อย่างผมไม่ถือว่ารวยไง ผมก็ไม่ทาน


เขมสรณ์- ประชาชนเข้าใจขนาดไหนว่า เรื่องของเศรษฐกิจจริงๆ มันต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ปัญหา และมันมีปัจจัยหลายอย่าง ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก คือคนก็มุ่งหวังว่า อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาปากท้อง


ประยุทธ์- มันเป็นเรื่องยาก เรื่องยากในประเทศแบบเรา ในเรื่องกำลังพัฒนา หรือพัฒนาแล้วก็ตามในระดับหนึ่ง เพราะว่าที่ผ่านมาบางทีกลไกทางรัฐ หรือทางการเมืองไม่อำนวยสิ่งพวกนี้ไง เพราะฉะนั้นสังเกตดูซิว่า มีใครมาพูดให้ฟังแบบนี้ไหมล่ะ ผมเป็นนายกฯ ผมอธิบายทุกอย่างที่ผมทำอยู่นี่ ยังไงก็ตามผมบังคับให้คนเข้าใจผมหมดไม่ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะปลูกจิตสำนึกกันอย่างไร มันต้องเริ่มที่คนว่า เราจะให้ประเทศชาติเราเดินไปยังไง มันต้องดูตรงนี้ว่า สิ่งที่ผมพูดนี่ถูกไหม ใช้ได้ไหม ใช้ได้ก็นำไปปฏิบัติ สร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจ ไม่ใช่ไอ้นี่พูดบิดเบือนมา ก็บิดเบือนตามไป โดยมองอย่างเดียวว่าตัวเองได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ อย่างนี้ไม่ใช่ มันต้องมองประโยชน์ส่วนรวมก่อน แล้วมาถึงตัวเอง เอาล่ะเราถึงจะรับได้ หรือไม่ได้ว่า เออมันเป็นยังไง มันแพงไปไหม มันถูกไปไหม อย่างนี้รัฐบาลจะแก้ได้ แต่ถ้าบอกกับทุกคนไม่อยาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ไม่อยากเสียภาษีเพิ่ม ใช่ไหม ไม่อยากให้ขึ้นภาษี VAT อะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลเข้าใจนะ แต่ขณะเดียวกันเรียกร้องนี่โน่นไง มากมาย ซึ่งมันไม่มีเงินให้หรอก เราไปตัดของเก่าไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะสาธารณูปโภค สาธารณสุข การศึกษา ผมตัดไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้มากขึ้น เพราะต้องใช้วิธีนี้ยังไง ต้องพัฒนาทุกอย่างให้ขึ้น มีรายได้สูงขึ้น จะได้กลับมาเพิ่มตรงนี้ให้มากขึ้นจัดระเบียบระบบให้ได้ ถ้าทุกคนเรียกร้องอย่างเดียว มันไม่มีทางเป็นไปได้ ทุกประเทศก็ทำไม่ได้


เขมสรณ์- ประชาชนแก้ปัญหาด้วยตัวเองด้วยการออม อันนี้แก้ได้ไหมคะ


ประยุทธ์- ได้ซิ อันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งอยู่แล้ว มีพระราชดำรัสหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการออม หรือการเกี่ยวกับเรื่อง การออมก็คือมีเงินออมเหลือไว้บ้าง เพราะฉะนั้นมันถึงเริ่มตั้งแต่การทำบัญชีครัวเรือน เพราะฉะนั้นบางคนบอกไม่มีเงินออม ก็ต้องไปดูซิว่าที่ได้มาทุกเดือนได้ใช้อะไรไปบ้าง อะไรจำเป็น ไม่จำเป็น ถ้าตัดไม่จำเป็นออกจะเหลือไหม เหลือมาต้องไปใช้หนี้อีกด้วยอะไรด้วย ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เหลือ อธิบายลูกเต้าอะไรได้ด้วย ว่า อย่าใช้เลยลูก พ่อมีตังค์เท่านี้ พ่อแม่มีตังค์เท่านี้ พ่อต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา วันนี้ทุกคนไม่ได้อธิบายกัน ลูกไปฟังเพื่อน ไปเห็นเพื่อนมีของดีๆ ใช้ ร่ำรวยเขามีมาก็อยากมีบ้าง แต่ถ้าเราสร้างความเข้าใจในครอบครัวเริ่มต้นนี่ ลูกจะเข้าใจ เห็นใจพ่อแม่ ช่วยพ่อแม่ทำงาน สังคมจะดีขึ้นคิดว่า เรื่องเงินออมนี่ เงินออมไม่ใช่ประหยัดจนไม่ใช้ มีอีกอันที่ในหลวงตรัสไว้คือ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงคือ มีเหตุมีผลพอประมาณในการใช้เงิน ไม่ใช่สอนให้เลิกใช้เงิน ถ้าไม่ใช้เงิน การผลิตเสียหายหมด โรงงานปิดหมด แล้วผมถามว่า แรงงานจะเอางานที่ไหนทำล่ะ 300 ยังไม่ได้เลย เพราะไม่มีโรงงานให้ทำคิดให้ทั้งระบบหน่อย แล้ววันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุด้วย ก็ไปดูเรื่องอะไร


เขมสรณ์- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องนี่ด้วยนะคะ


ประยุทธ์- ต้องแยกจากกันให้ถูก มีหลายระบบ ถ้าข้อมูลระบบบำนาญ อันแรกนี่คือแยกจากกันอยู่แล้ว 3 ระบบ ภาครัฐก็มี กบข. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนสงเคราะห์ครู ประกันสังคมส่งเสริมการเก็บเงินสมทบลูกจ้างนายจ้าง เป็นต้น อันนี้กำลังทำพัฒนาขึ้น อันที่สองภาคเอกชน ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อันที่ 3 ภาคประชาชนคือ ไม่มี ต่างคนต่างออมอยู่แล้วนะครับ ปัญหาก็คือว่าที่ผ่านมาทั้งหมดที่ผ่านมามันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่ได้วางแผนการออมตั้งแต่วัยทำงาน จนกระทั่งถึงระยะยาว เมื่อสูงอายุแล้ว อะไรแล้ว ซึ่งเราจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุในไม่กี่ปีข้างหน้านี้

เพราะฉะนั้นถ้าเราพิจารณาแล้ว รัฐบาลนี้ก็มองเห็นว่าเออ ระบบในประเทศมีความเหลื่อมล้ำอยู่ ขาดการบริหารในภาพรวม กฎหมายมี อาจจะมีแต่ไม่สมบูรณ์ ไม่ทันสมัย ถูกละเลย เช่น พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมาคือชะลอ ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ประชาชนกว่า 25 ล้านคน ที่อยู่ในเงื่อนไขของกองทุน มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนเหล่านี้ ไม่สามารถใช้สิทธิของตนตามกฎหมายได้ แล้วรัฐบาลนี้ผลักดันจนสำเร็จไปแล้ว สามารถเปิดรับสมัครสมาชิกได้ ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม ปีที่แล้วมั้ง 58 ปัจจุบัน มียอดสมาชิกรวม 417,460 คน ยอดเงินสะสมราว 641 ล้านบาท ยอดสมทบโดยรัฐบาลประมาณครึ่งหนึ่ง 316 ล้านบาท รวมเงินกองทุน 958 ล้านบาท

เห็นไหม ถ้าทำตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ก็มีเงินอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ก็ไม่มีแล้วจะทำยังไง เรียกร้องให้รัฐอุดหนุนตลอดเวลา ก็ไม่ได้ รัฐก็ไม่ไหว ถังแตก ให้มากๆ ก็ถังแตก แล้ววันนี้ถังยังไม่แตกนะ เพียงแต่ว่าพร่องๆ ไปหน่อย ต้องหาทางหามาเติมให้ได้ แล้วจ่ายให้มากขึ้น รายรับมาก รายจ่ายก็มาก ให้ประชาชนทั้งหมดนั่นแหละ

สถิติ อยากรู้สถิติไหมล่ะ วันนี้มีเข้าร่วมกองทุนการออมแห่งชาติที่ท่านสนใจ ถ้าเป็นพื้นที่นะ ต้องขอบคุณนะ ภาคอีสาน สูงสุดร้อยละ 51.2 นะ ภาคกลางร้อยละ 19.7 ภาคเหนือร้อยละ 10.2 ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับอาชีพ และรายได้เขาด้วย เห็นไหมล่ะความเจริญมันแต่ต่างกันไหม ถ้าไม่มีรายได้ที่เพียงพอ เขาก็มา อะไรล่ะ เขามาร่วมเงินออมไม่ได้ เขาก็ต้องเก็บของเขาเอง ฉะนั้นต้องเริ่มจากตัวเองด้วยนะ

อันที่ 2 ถ้าดูตามมิติอาชีพเกษตรกรมากที่สุด ร้อยละ 68.8 เห็นไหม รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ เพราะฉะนั้นภาคเกษตรกรน่าจะดีขึ้น ประมาณสัก 287,000 คน นะ ค้าขาย ร้อยละ 12.1 นักเรียน นักศึกษาร้อยละ 2 และคนรุ่นใหม่อีก คนรุ่นใหม่เนี่ยสนใจการออมมากขึ้น ต้องให้เข้าใจ เพราะฉะนั้นกระทรวงศึกษาต้องไปเน้นนี้นะ ออมอย่างไร เขาเรียกว่าถ้าใช้หลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็คืออะไร คือการมีภูมิคุ้มกันที่ดียังไง บนเงื่อนไขความรู้และคุณธรรมนะ ต้องอธิบายกันเยอะผมคิดว่า วันนี้คนไม่ค่อยฟัง ไปฟังว่าจะได้เงินเมื่อไร ได้เงินอะไร ง่ายๆทำนองเนี่ย แล้วก็ไปทำอะไรที่ผิดๆถูกๆ ไปเสียเงินให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอีก มันวุ่นวายไปหมดล่ะ แล้วค่อยๆ ทำค่อยๆ คิดก็แล้วกันนะการปฏิรูปประเทศ


เขมสรณ์- ทีนี้มาถึงเรื่องของการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัว เป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวที่รัฐบาลพูดถึงมาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่า การปฏิรูปประเทศคือ เช่นกันต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย แต่ว่าตอนนี้ที่เห็นอาจจะมีการเคลื่อนไหว ของกลุ่มคนที่อาจจะไม่เห็นด้วยมีการเคลื่อนไหวออกมา เดี๋ยวนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวข้างนอกอย่างเดียวในสื่อโซเชียลก็เยอะนะค่ะ ขออนุญาตท่านนายกฯ พูดถึงเรื่องนี้นิดหนึ่งค่ะ


ประยุทธ์- คือถ้าจะพูดถึงเรื่องของการปฏิรูป มันทำฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายเดียวไม่ได้อยู่แล้ว การปฏิรูปก็คือการเอาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็เป็นปัญหามาทำใหม่ หรือมาแก้ไขให้มันดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะต้องใช้วิธีการใหม่ๆ ใช้กฎหมายใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนมันต้องมีผลกระทบกับสิ่งเดิมๆที่เคยมีมา แต่ต้องมาดูซิว่าเออ ที่จะปฏิรูปนี้มันเพื่ออะไรล่ะ นโยบายของรัฐบาล คสช.คือเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ความเป็นธรรม เป็นการเฉลี่ยความสุขให้ทุกคน

เพราะฉะนั้นแน่นอนมันต้องมีคนได้มากได้น้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของ อะไร คุณธรรม ใช่ไหมล่ะ คุณธรรมคือที่บอกแล้ว ไม่ใช่หวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว นะเพราะฉะนั้นก็อย่าบิดเบือนของเราไปก็แล้วกัน ถ้าบิดเบือนไปมากๆ มันก็ไปไม่ได้หมดอยู่ดี การปฏิรูปมันปฏิรูปตั้ง 31 วาระ 37 เรื่องมั้ง กิจกรรมอะนะ และอีกซอยย่อยเยอะแยะไปหมด มันถึงต้องมีมีระยะที่ 1 2 3 4 5 นั้นล่ะคือ เหตุผลของการที่จะต้องมีแผนปฏิรูป 5 ปี 4 แผน มีแผนสภาวะอีก 4 แผนสอดคล้องกัน ทั้งหมดร่วมกันเป็นยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า เราต้องการอะไรให้ประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนก็ต้องไปซอยย่อยต้องนี้ยิบออกมา และมีกิจกรรมไหนที่รัฐบาล คสช.กำลังเลือกว่า อันไหนทำได้เลยเราทำเลย อันไหนที่จะเริ่มต้นได้เราก็จะเริ่มต้นในช่วงนี้ถึง 60 ให้ได้ อย่างน้อยก็เป็นแนวทาง เป็นการนำร่อง เป็นแบบอย่าง อะไรแก้จบได้ก็จบไปเลย อันไหนจบไม่ได้ก็ไปต่อระยะหน้าซิ ซึ่งก็ไม่ใช้หน้าที่ของผมแล้ว


เขมสรณ์- ตอนนี้เราอยู่จุดไหนของการปฏิรูปคะ


ประยุทธ์- ปฏิรูประยะที่ 1 มั่ง ก็คือ ตั้งแต่ 57 เข้ามาพฤษภาฯ 57 ก็แก้ไขความขัดแย้ง แก้ไขปัญหาที่สำคัญ จัดระเบียบบ้านเมืองให้ทุกคนมาอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันก็พยายามเต็มที่ ถือว่าบ้านเมืองสงบสมควรในขณะนี้ มันมีเฉพาะในสื่อในโซเชียลเท่านั้นล่ะ กับคนบ้างคนที่ออกมาพูดจาที่มันทำให้บ้านเมืองเสียหาย ฝากผู้ที่ดูแลด้วยแล้วกันว่าอย่าให้เกิดขึ้นอีก ไอ้สิ่งที่มันจะต้องเกิดขึ้นต่อไปอย่างที่ผมคาดหวังก็คือว่า ปฏิรูประยะที่ 1 มันรวมไปตั้งแต่ 57-58 วันนี้ผมทำ 59 60 ให้มันเพิ่มขึ้นอีก เลยเอาไอ้แผนใหญ่ของเขามาที่ สปช. สปท.ที่เขาทำมานี้ล่ะ มีประโยชน์ เขาคิดมาในภาพรวม และซอยย่อยแผนตามที่เขาส่งนั้นล่ะ เดี๋ยวเขาก็มีคณะกรรมาธิการ กรรมาธิการศึกษาหลายๆ เรื่อง ผมดูตลอด มีเวลาผมก็ดูในช่องรัฐสภาบ้าง ช่อง NBT บ้าง หรือช่องอื่นๆ ที่เขาถ่ายทอดอยู่บ้าง อันที่เป็นประโยชน์ ผมมองว่า ทุกคนเขาตั้งใจนะ แต่หลายคนอาจจะยังไม่เขาใจอยู่บ้าง คือทุกคนจะเริ่มต้นด้วยความคิดเห็นของตัวเองก่อน ความพึงพอใจก่อน จากประสบการณ์หรือประสบปัญหาที่ตัวเองเจอมาตลอดชีวิต แต่มันต้องกลับมาดูจุดเริ่มต้นก่อนว่ากฎหมายว่าไง ถ้ากฎหมายมันว่าไง อ้าวกฎหมายมันเพียงพอไหม มันทันสมัยไหม มันไม่พอก็ต้องออกกฎหมายใหม่ ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย จากนั้นเอาปัญหามาดูซิว่า เออแล้วเราจะแก้เป็นสเต็ปอย่างไร

วันนี้ทุกคนคาดหวังว่า จะให้ปฏิรูปให้เสร็จ ภายในปี 2 ปี ไม่มีทางเสร็จหรอก หลายประเทศเขาเป็นร้อยปียังไม่เสร็จเลย ประเทศไทยยังไม่เริ่มปฏิรูปสักที มาเริ่มปฏิรูปตั้งแต่ 57 ที่ผ่านมานี้แหละ แล้วท่านจะหยุดหรอ ท่านจะไม่ให้ประเทศมันเดินหน้าไปแล้วกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิมๆ ประเทศชาติที่ว่าดีๆ จริงๆ มันไม่ได้ดีหรอก เพราะมันกลวง มันกลวงข้างใน เพราะฐานมันไม่แน่นไง จิตใจคนมันก็แหลกสลาย ผมคิดว่ามันเสียใจบ้างอะไรบ้าง เพราะความขัดแย้งไง เสียใจ เสียชีวิต เสียอะไรต่างๆ เยอะแยะ วันนี้ต้องปฏิรูปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องปฏิรูปตัวเอง ผมต้องปฏิรูปตัวเองเสมอไง ผมอดทน พยายามที่จะพูดให้มันไพเราะ ผมเป็นทหารผมบอกให้รู้ไว้ เวลาโมโหก็โมโหเร็วหน่อย เพราะว่ามันทั้งชีวิต ผมพยายามจะปรับตัวเองอยู่ ให้อะไร เขาเรียกอะไร ให้เป็นนายกฯ ที่น่ารักสักหน่อย ทำนองนี้ เห็นใจผมมั่ง งานมันเต็มไปหมด ทุกวันทุกคืน ผมไม่ได้คิดเรื่องอื่น คิดแต่ว่าจะปฏิรูปยังไง และทุกอย่างที่ทำมาวันนี้มันจะต้องแก้ตรงไหน ทุกอย่างผมเข้าไปหมด ขอบคุณคณะกรรมาธิการทุกคณะนะครับ ทั้งใน สนช. สปท. หรือ อะไร กรท.ทั้งหมด ก็ทุกคนทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ แต่ให้กลับมาดูซิว่าหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคืออะไร ยุทธศาสตร์การพัฒนา ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศนี้ ท่านสอน พระองค์ท่านสั่งลงมาแล้วคือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าใจปัญหามันต้องเข้าถึงไอ้ที่ปัญหาทั้งหมดมันต้องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ถ้าเป็นการเกษตรมันต้องมาเกี่ยวกับพื้นที่ เกี่ยวกับน้ำ เกี่ยวกับประชาชน ต้องมีข้อมูลเหล่านี้ มันถึงจะได้ไปหาวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แล้วมีกฎหมายที่มันจะทำให้เกิดความต่อเนื่อง เชื่อมโยงทำนองเนี้ย

เพราะฉะนั้นวันนี้ผมพูดง่ายๆ ว่า ผมมีงานไม่หยุด เพราะว่าผมฟังทุกคนไง ฟังสื่อ ฟังโซเชียล มีลูกน้องมีอะไรทำ มีคณะทำงานอยู่แล้วเขาก็ตรวจสอบก็สรุปมา ผมก็อ่านดูแล้ว บางอันมันเป็นประโยชน์ ผมก็เอามาปรับที่ผมสั่งไปแล้วให้มันดีขึ้นให้มันเข้าใจมากขึ้น แต่บางคนเขาไม่เสนอผ่านในช่องทางที่ถูกต้อง คือไม่มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ คืออะไรทำแล้วผิดเพี้ยนจากสิ่งเดิมๆ ที่ทำไว้ไม่ยอมสักอย่าง ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าไอ้ที่ทำเนี่ยมันผิดมันถูกยังไง กฎหมายเขาว่ายังไง วันนี้บิดเบือนทุกอย่าง ผมไม่อยากไปว่าเขานะ เพียงแต่อยากให้สังคมให้ประชาชนช่วยกันดูซิว่า คนเหล่านี้มันควรจะเชื่อควรจะฟัง หรือควรจะสนใจข่าวเหล่านี้อีกไหม สื่อก็ต้องช่วยกันด้วย ผมไม่ได้ทะเลาะกับสื่อทุกวัน ผมเหนื่อยนะทะเลาะ ไม่ได้ต้องการทะเลาะ อยากจะให้เขาทำงานด้วย เขาเรียกว่าอะไร จรรยาบรรณ เป็นสื่อที่เป็นกลาง เป็นสื่อที่เสนอข่าว การทำงานทั้งที่ทำไปแล้วและมีปัญหาก็เสนอมา ให้คำแนะนำมา แต่ไม่ใช่ไปเสนอ 2 ฝ่ายให้เหมือนกัน คือไปเสนอให้คนทำผิดกฎหมาย มาสู้กับผม ผมว่านี้ไม่ใช่ จรรยาบรรณอย่างนี้ไม่ใช่


เขมสรณ์- ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็รับฟัง


ประยุทธ์- รับทุกอัน ผมไม่อยากให้ทุกคนไปมองว่า สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย วันนี้ผมไม่ให้เสรีภาพประชาชนตรงไหน ท่องเที่ยวจะไปไหนก็ไป เว้นแต่คนที่ทำความผิด คนที่มีคดีความ มันก็ต้องพิจารณาดูบ้างใช่ไหม เพราะเรามาแบบนี้ เราต้องระมัดระวังตรงนี้ไม่ให้ มันบานปลายใช่ไหม มันมีข้อยกเว้นสำหรับบางคนหรือสื่อบางอันผมก็ต้องมีอะไรที่จะแคปเอาไว้ว่าขอร้องเรื่องโน่นเรื่องนี้ ถ้าข้อร้องไม่ได้มันก็ต้องมีการบังคับใช้ แต่ผมไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ ทุกวันนี้โครมครามกันอยู่นี้ผมห้ามเขาตรงไหน ถ้าห้ามก็วันนี้แทบทุกอัน ทุกช่อง ทุกเล่ม ปิดได้หมด ผมมีอำนาจขนาดนั้น ถ้าผมจะทำแต่ผมไม่ทำเลยนะ เพียงแต่เตือนแล้วเตือนอีกว่าก็ยังเหมือนเดิม


เขมสรณ์- เพิ่งผ่านวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกนะคะ


ประยุทธ์- ก็ใช่ เมื่อวาน ผมถือว่าผมอดทนมากแล้ว ที่ผมอธิบายไปขอร้องไป ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เขาก็ขอผมเรื่องเสรีภาพสื่อ ผมก็บอกว่าเสรีภาพวันนี้ผมให้ทุกอย่างแล้วนะ เพียงแต่เขาเขียนคำสั่งไว้ท่านก็อย่าทำความผิดแล้วผิดเรื่องอะไร บิดเบือนไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นสื่อเลือกข้าง ก็แค่นี้ไม่รู้หรอว่าความหมายมันคืออะไร ก็ถ้าไม่ทำแล้วมันจะถูกคุมด้วยอะไรล่ะ ผมจะไปคุมเขาทำไม แล้วเขาพูดในสิ่งดีๆ ที่ผมทำบ้างไหม บางอันก็เอาแต่จับผิด ทั้งๆ ที่คนก่อนหน้านั้นทำไว้ทั้งนั้น ผมมาแก้ทุกอัน ไม่ใช้คำว่า เรียกว่าทวงบุญคุณจากใครนะ ผมอยากจะระบายความรู้สึกผมบ้างว่า ผมก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ผมก็มีจิตใจเหมือนกัน และก็มีทั้งอดทน อดทนอย่างที่สุดมาแล้ว บางอย่างก็ต้องขอร้อง บางอย่างก็บังคับบ้าง แต่บังคับด้วยกฎหมายไง กฎหมายคือกฎหมายนะ ไม่ใช่ที่มันมีเพื่อไว้ขจัดผู้ที่เห็นต่าง หรือขจัด ถ้าเห็นต่างแล้วบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ผมก็รับหมด ถ้าเห็นต่างเพื่อจะล้มล้างทุกอย่างที่ผมทำไปแล้วนี่ ผมรับไม่ได้ เพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่


เขมสรณ์- ถ้าจะมองในมิติการเมือง เรื่องของความเป็นประชารัฐ การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแล้วก็จะเทียบเคียงเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง ที่เป็น 10 ปีนะคะ ท่านค่ะ ณ ตอนนี้ท่านมองมุมมองมิติด้านการเมืองยังไงบ้าง


ประยุทธ์- คือผมต้องเอาตัวผมหลุดออกมาก่อน คือไม่ว่าจะผม ไม่ว่าจะทหาร หรือไม่ว่าจะข้าราชการ ต้องดึงตัวเองออกมา ว่าเรายังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในวันนี้ ที่ผ่านมามันขัดแย้งกันอยู่แล้วเราก็เป็นเครื่องมืออยู่ตรงกลาง ซึ่งมันก็ทั้งสั่งผิดสั่งถูกกันมา วันนี้เราต้องหยุดตรงนั้นไว้ แล้ววันนี้มาถอยตัวเองออกมา มามองว่า แต่ละฝ่ายแต่ละข้างเขาทำอะไรกัน อันไหนมันถูกอันไหนมันผิด ก็ทำหน้าที่ของตัวเองตามความรับผิดชอบ ตามความเข้าใจของตัวเอง ตามกฎหมายที่มีอยู่ แล้วก็ทำไม่ให้มันเกิดการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ วันนี้หลายอย่างทำไม่ได้ เพราะขาดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ประชาชนก็ไม่ไว้ใจรัฐไม่ไว้ใจข้าราชการ บางคนยังไม่ไว้ใจผมเลย ผมเข้ามาอย่างนี้ยังไม่ไว้ใจอีก ไม่รู้จะไว้ใจใครแล้วนะตอนนี้ เหลือตัวเองเท่านั้น แล้วก็ไว้ใจตัวเองคนเดียวก็ไปอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถ้าใครทำผิดก็ยอมรับกลไลกระบวนการความยุติธรรม เข้ามาซะ ไม่ต้องให้ไปจับกุมดำเนินคดี เขาใช้มาตรา 44 เพื่อไปควบคุมตัว เพราะว่าอะไร เพราะว่าชอบหนีกันเร็วไง และมีการแจ้งเตือนล้วงหน้าบ้างอะไรบ้าง ก็หนีหมด มันก็ไม่เจอ มันก็ต้องมีมาตรา 44 เพื่อที่จะทำยังไงให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ไม่ใช่ทหารไปแค่อย่างเดียว ต้องมีตำรวจอยู่ด้วย เพียงแต่เราไม่บอกล่วงหน้านี้คือมาตรา 44 มีแค่นี้ และเข้าไปเพื่อเอาไปสอบสวน สอบสวนก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สอบสวน แล้วเมื่อเจอความผิดชัดเจนก็ส่งกระบวนการยุติธรรม มีแค่ภายใน 7 วัน เสร็จ 2 วันก็ 2 วัน 3 วันก็ 3 วัน เสร็จวันเดียวก็ส่งศาลก็ดำเนินตามคดีกันต่อไป ก็มีแค่นี้

ผมไม่ได้เอามาตรา 44 ไปกำจัดผู้ที่ขัดแย้ง เพราะไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร เขาขัดแย้งกฎหมาย มันต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ที่ผ่านมาบ้างที่มันไม่ได้ทำ ปล่อยปะละเลยกัน มันนำไปสู่การทุจริตผิดกฎหมาย ก็นำไปสู่การเอื้อประโยชน์ การคอร์รัปชัน เรื่องของการดึงคดีโน้นคดีนี้ เสียเบี้ยบ้ายรายทาง ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่ต้องเสียเงินถูกไหม รัฐต้องดูแล เพราะฉะนั้นถ้าใครที่จะต้องการเจตนาที่จะให้เอากฎหมายมาสร้างความขัดแย้ง ให้ประชาชนบิดเบือน และไม่เข้าใจ วันนี้ผมทำคนจนไม่เห็นเสียผลประโยชน์อะไรเลย เว้นแต่เพียงว่าขอให้อยู่ในพื้นที่ที่จัดสรรไว้ให้ได้ไหม ถ้าเรายังค้าขายบนถนน ค้าขายในที่ที่มันควรจะไม่ใช่ที่ขาย ที่ท่องเที่ยวที่มันสวยงามทุกอย่างมันบดบังไปหมด ด้วยความไม่มีระเบียบของบ้านเมือง

เพราะฉะนั้นเราไม่มองใครเป็นศัตรู วันนี้อย่างที่ผมบอกใครจะว่าอะไรผมก็ว่าไปเถอะ บ้างครั้งผมก็อาจจะต้องชี้แจ้งบ้าง แรงบ้าง เบาบ้าง ผมเป็นมนุษย์นะ แต่ผมไม่มองใครเป็นศัตรู กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น ไม่ว่าจะศาลทหาร ศาลอะไรก็แล้วแต่ มันก็มีกลไกทางกฎหมายทั้งนั้นแหละ เราก็ใช้ศาลปกติเป็นที่ทำการศาลทหาร และมีกระบวนการตุลาการทหารเข้าไปซึ่งมันก็มีคนอื่นด้วยไม่ใช่เหรอ มีทนายมีอะไรเข้าไปได้หมด การประกันตัวก็ได้อะไรก็ได้

เพราะฉะนั้นบ้างอย่างที่กำหนดไว้แล้วว่าต้องขึ้นศาลก็ให้เข้าใจว่าไอ้นี้มันร้ายแรง ไม่อยากให้ทำ เขามีไว้ป้องปรามกฎหมายเหล่านี้ ไม่ว่าจะมาตรา 44 หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือที่ผ่านมากว่าจะเสร็จ เขาป้องปรามคนจะได้ไม่อยากทำ ไม่ทำ แต่ไม่ใช่เพื่อจะเอามาไว้บล็อกคนโน้นคนนี้ ถ้าทำตามกฎหมายเขาก็ทำตามกันได้หมดแหละกระบวนการยุติธรรมเขาทำได้ แต่ถ้ามันเดินไปมากๆ ขัดแย้งกันทำยังไง ก็ตีกันอีก แล้วผมจะทำไงได้ก็ไม่มีประโยชน์เข้ามา 2,3 ปี จบหมดอย่าง กลับไปที่เดิม เอางั้นไหมล่ะ ผมคิดว่าคนไทยไม่ต้องการนะ เขาเบื่อหน่ายกับการขัดแย้งมากพอสมควร ที่ผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะว่าบ้านเมืองมันสงบสุขขึ้น

อันที่ 2 ก็มีคนที่เขาฟังร่วมมือมากมายขอบคุณทุกภาคส่วนนะ ภาคประชาสังคม ผู้หลักผู้ใหญ่ต่างๆที่อยู่ในอดีตที่ผ่านมาก็เห็นท่าน เมื่อกี้ผมไปดูโทรทัศน์เมื่อสักครู่ ก็ชื่นชมนโยบายของรัฐบาลเพียงแต่ว่าเขารอดูเรื่องอะไร ผลงานปฏิบัติไง Implementation ผมอธิบายต่างประเทศ ต่างประเทศบอกดีทุกอย่าง ดีกว่าทุกประเทศที่เขียนมาที่มีสถานการณ์แบบเรานะ เขียนได้ครอบคลุมแผนปฏิรูปของเราแต่เขารอดู Implementation แต่เขาชื่นชมตรงที่ภาคประชาชนให้ความร่วมมือเยอะ ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลก เขาชื่นชมนะ


เขมสรณ์- ขออนุญาตมาถึงอีก 1 วันสำคัญที่เพิ่งผ่านไปนะคะ วันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม กลุ่มพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานก็จะมีการยื่นขอเรียกร้องไปยังรับบาลเป็นประจำยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นทุกๆปี ครั้งนี้ 15 ข้อเรียกร้อง ท่านนายกฯ รับมาดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง


ประยุทธ์- คือ 15 ข้อ ปีที่แล้วก็ 15 ข้อ ซึ่งมันก็คล้ายกัน หลายอันก็เรื่องเกี่ยวกับประกันสังคม ซึ่งหลายอย่างเราก็ทำไปแล้ว บางทีเขาก็เสนอขึ้นมา เพราะว่าทุกปีมันก็จะต้องมีการเสนอขึ้นมาแบบนี้ เราก็เอามาทำต่อซิ อันไหนที่มันยังทำไม่สำเร็จก็ทำมันสำเร็จ มันมีอยู่อันเดียวเท่านั้นแหละ ก็คือค่าแรงนะ ผมก็เคยบอกเมื่อกี้ผมพูดไปแล้วไง ถ้าสมมุติเราขึ้นค่าแรงมากๆ การลงทุนก็จะลดลงในช่วงนี้เพราะว่าการแข่งขันเรื่องต้นทุนการผลิต วันนี้ถ้าค่าแรงเราสูงอีกแล้วก็เทคโนโลยีเรายังไม่ทันสมัย หรือคนของเราก็ยังไม่พร้อม การศึกษายังผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการ และแรงงานเหล่านี้ ก็จะมาจากแรงงานต่างประเทศ แรงงานเพื่อนบ้านบ้างอะไรบ้าง แล้วก็ AEC เขาบอกมาว่ายังไง ห้ามอาชีพต่อไปนี้ ห้ามสงวนไว้ ต้องสามารถจะแลกเปลี่ยนทำงานร่วมกันได้หลายอาชีพที่มันเป็นอาชีพหลักๆ และเราพร้อมหรือยังคนเหล่านี้เรามีไหม ถ้าไม่มีกีดกันเขาไม่ได้นะ เขาก็มาทำงานในประเทศไทย

อันที่ 2 ก็คือ คนไทยเราจะไม่มีงานทำใช่ไหม วันนี้ก็ไปต่างประเทศและเรามีพอหรือยังความรู้ที่จะไปเป็นหัวหน้างาน ไปทำงานในสถานประกอบการใหญ่ๆ เหล่านี้ ภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน ภาษาต่างประเทศ เรียนรู้หรือยัง ก็ไม่พร้อมหมด ผมก็ให้กระทรวงแรงงานเขาเร่งรัดตรงนี้ ถ้าว่านี้สถานการณ์อย่างที่ว่า เศรษฐกิจมันตกใช่ไหม แข่งขันกันเรื่องของการลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีการมองระยะยาว วันนี้ถ้าสมมติว่าเราตั้งพรึบขึ้นมาเขาไม่มา และแถมเขาจะย้ายของเดิมที่มีอยู่แล้วไปต่างประเทศ ไอ้ที่ว่าน้อยอยู่แล้วมันจะไม่ได้เลย และเราจะดูแลกันยังไง รัฐบาลก็ไม่มีสตางค์ที่จะไปจ่ายแทนเขา

ณ วันนี้ก็อยากจะให้รับทราบว่ารัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลายอย่างก็ให้คณะกรรมการ มันมีคณะกรรมการของแรงงานเหล่านี้อยู่แล้ว ทั้งรัฐวิสาหกิจด้วยเขาคุยกันอยู่แล้ว ว่าเมื่อไรยังไงควรจะทำแค่ไหน ก็ขอให้ฟังกันบ้าง ฟังเหตุผลกันบ้าง อย่างน้อยวันนี้ เราก็ถือว่าเราได้ค่าแรงค่อนข้างจะสูงในภูมิภาคแถบนี้ แต่ในขณะเดียวกันต้องเข้าใจเรื่องการเป็นเจ้าของร่วมของบริษัทเขาด้วย เห็นใจเขาซิ ถ้าเขาอธิบายกันมาว่า ขอเวลาหน่อยนะ ปรับหน่อยอะไรหน่อย น่าจะเป็นไปได้ ถ้าขึ้นทั้งหมดมันไม่มีเงิน เขาไปหมดเลยทำไงต้องหาทางออกตรงนี้ไว้ด้วย คราวนี้รัฐบาลก็คิดไว้ขั้นต้น ว่าจะขอเจรจากับเขา ผมถามจากกระทรวงแรงงานมาว่า จะเป็นพื้นที่ก่อนได้ไหมบ้างกิจการได้หรือเปล่า อะไรทำนองนี้ คือต้องไปอย่างนั้น ถ้าขึ้นทั้งหมดมันไม่มีทางเป็นไปได้แล้วมันจะหายไปหมดเลย ไอ้ที่เราวางไว้คือ S Curve อีก 5 อุตสาหกรรมที่เขาจะเริ่มลงทุนในโลกใบนี้หายหมดเลย เราก็จะเหลือแต่อุตสาหกรรมเดิม 5 อย่างของเรา และเขาไม่พัฒนาด้วย เมื่อมันไม่มีราคา มันไม่มีการแข่งขัน การแข่งขันไม่ได้เขาก็ยุบเลิกไปเลยเดือดร้อนไหม เดือดร้อนทั้งเก่า แล้วก็ทั้งใหม่ไม่มา และผมถามว่า มันจะมีเงินค่าจ้างเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ก็ไม่มี


เขมสรณ์- เหมือนที่ท่านนายกฯ บอกว่าผู้ใช้แรงงานต้องอดทน ต้องเข้าใจด้วย


ประยุทธ์- ผมก็เข้าใจ ที่เขาบอกว่าเขาอดทนมาเยอะแล้ว วันนี้เขาไปมองเรื่องค่าครองชีพมันสูงขึ้น ก็ไปลองดูตัวเองซิว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง วันละ 300 ไปดูซิจะประหยัดลงอีกได้มั้ย ถ้าบอกต้องเท่าเทียม เป็นธรรม จะไปกินถั่วฝักยาวเหรอ มันก็ไม่ได้ มันต้องพัฒนาตัวเองนะ ผมพยายามช่วยเขาอยู่นี่ไง หลายอย่าง ผมก็สนับสนุนให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนในเรื่องของการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งเป็นการจ้างแรงงานทั้งสิ้น แต่ถามว่าแรงงานเราน่ะ ส่วนใหญ่แรงงานไทยไม่ทำนะ ไปต่างประเทศหมด ไปสร้างตึกสูงๆ ที่ต่างประเทศหมดเลยนะ ในประเทศตะวันตก ตะวันออก ในประเทศเหลือแต่แรงงานต่างด้าวเป็นหลัก อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องมาใคร่ครวญให้ดี แต่เราต้องดูแลเขา เพราะมันกติกาสากล ยูเอ็น ต้องดูแลแรงงานทุกประเทศในประเทศของตัวเองให้เหมือนกัน ให้เท่าเทียมกัน ก็ไปคิดพิจารณาเอาแล้วกัน


เขมสรณ์- อีกหนึ่งสิ่งที่ท่านนายกฯ พูดไปเมื่อสักครู่นี้ ที่ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญ เรื่องของสมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย ท่านได้พูดถึงในหลายครั้ง ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง


ประยุทธ์- อย่างที่ผมบอกไปแล้ว เขากำลังพิจารณากฎหมายตรงนี้อยู่ เห็นขอบคุณออกมานี่ ในสภาน่ะ ว่าสิ่งนี้มันควรจะเกิดมาหลายสิบปีมาแล้ว มันได้เกิดเสียที ผมก็มองในแง่ของที่ยูเอ็นเขาพูดคุยกันมา เรื่องของ Public Health เรื่องการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน ระดับประชาชน จะทำยังไงให้เขาเข้าถึง บางที่มันอยู่บนเขา มาโรงพยาบาลไม่ได้ อะไรไม่ได้ เขาก็ต้องมีสมุนไพร มียาเหล่านี้ ที่ราคามันถูก ปลูกเองก็ได้ บางอย่างต้มกิน อะไรก็ได้


เขมสรณ์- เราจะมีเมืองสมุนไพรเลยเหรอคะ


ประยุทธ์- มี เราทำเมืองสมุนไพร สวนสมุนไพร นำไปสู่การผลิต รับรองมาตรฐาน มีทั้งหมอแผนโบราณ แล้วก็ยาโบราณ ยาสมุนไพร ควบคู่ไปกับหมอสมัยใหม่ ยาสมัยใหม่ อันนี้คือสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย ในขั้นต้นก่อน เพื่อจะดูแลแก้ไขปัญหา เช่น ปวดหัวตัวร้อน ไม่ต้องไปซื้อยาแพงๆ เอานี่ต้มกิน มันก็หาย โบราณเขาอยู่กันมาอย่างนี้ แล้วหลายประเทศก็เอาสมุนไพรไทยไปผลิตเป็นยาสมัยใหม่มาขายเรา


เขมสรณ์- ต่างชาติเขาสนใจนะคะ


ประยุทธ์- เออ เขาอยากมาลงทุน ผมก็ให้นโยบายกระทรวงสาธารณสุขไปแล้วนะ ให้ทำให้ได้นะ เราจะได้เป็นแหล่งสมุนไพรของภูมิภาค ของโลก แล้วก็มียาสมุนไพรที่... ถ้าเราเริ่มก่อน เราก็ได้ก่อนนะ ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เรามีศักยภาพ อย่าไปทำสิ่งที่ไม่มีศักยภาพ ถ้าศักยภาพเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่เพียงพอ แล้วไปทำ มันก็ขายไม่ออก อันนี้สมุนไพร มีอยู่แล้ว เยอะแยะ วันนี้เห็นไปซื้อหมามุ่ยอินเดียมาปลูกบ้านเรา ผมบอกแล้วนะ ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนปลูกหมามุ่ยอินเดีย ใครอยากจะปลูกก็ปลูกไปสิ ถ้าจะปลูกผมก็บอกมีรายได้อย่างนี้นะ วันนั้นผมก็ชิมดูนะ ก็ไม่ได้คันคอ ไม่ได้อะไร


เขมสรณ์- เป็นอย่างไรบ้างคะ ชิมแล้ว


ประยุทธ์- มันก็เป็นพืชน่ะ รสชาติพืชๆ ไม่รู้จะเล่ายังไงนะ มันก็จืดๆ ขมๆ หน่อยๆ ทำนองนี้ แต่ยาทุกยา เขาเรียกอะไรล่ะ หวานเป็นลม ขมเป็นยา อย่าไปคิดยาอร่อยๆ รสหวาน ยาไม่ใช่ขนม กินมากก็ตายเร็วด้วย ทำยังไงให้ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกาย มีจิตใจที่โปร่งใส


เขมสรณ์- คือหลายเรื่องนะคะ ที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลให้กับพี่น้องประชาชน อีกหนึ่งเรื่องสำคัญค่ะท่านคะ เรื่องของสภาพอากาศตอนนี้หลายพื้นที่ พายุฤดูร้อน อากาศก็ร้อนจัด ฝนตกด้วย


ประยุทธ์- ได้ดีใจอยู่แป๊บเดียว ฝนตกอยู่ 1-2 วันเองมั้ง พายุฤดูร้อน แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ 48 จังหวัดมั้งที่รายงานมา


เขมสรณ์- หลังคาปลิวกันเลยนะคะ


ประยุทธ์- ได้สั่งกระทรวงมหาดไทย คสช. ทหาร และทุกหน่วยงานไปช่วยซ่อมบ้านให้ชาวบ้าน ก็ใช้เงินใช้ทองพอสมควรนะ ก็มีสองอย่าง คือให้วัสดุไปก่อสร้าง ไปซ่อมกันเอง อันที่สอง คืออาจจะต้องซ่อมให้เขา จะเห็นว่ามีทหารทุกจังหวัดไปช่วยทำ ก็จ้างงาน จ้างเงิน ซ่อมกันเองบ้าง อะไรบ้าง อันนี้สิ่งที่ต้องเตรียมตัวรับมือ ตัวอย่างเห็นแล้ว สองวันพังไปไม่รู้กี่หลัง เป็นพันหลัง แล้วที่เหลือต่อไปล่ะ ก่อนที่จะเข้าฤดูฝน ประมาณกลางพฤษภาฯ มันจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามาอีก อันนี้คือสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวทั้งสองอย่าง คือ จากภัยแล้ง ไปรับฝน น้ำท่วม อะไรอีกล่ะ บ้านพัง ป้ายโฆษณาหล่นใส่หัว ทั้งหมดนี่ล่ะคือปัญหาประเทศไทย ซึ่งมันแก้ไม่จบเสียที เพราะความมักง่ายไง ความมักง่ายของคน คนทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายมันก็เป็นอยู่แบบนี้ ถ้าเราไม่กลับไปดูที่ต้นทาง คือกฎหมาย ดูที่ความร่วมมือ ดูที่ประชาชน มันไปไม่ได้หมดนะ วันนี้กำลังทำเต็มที่นะ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องลงไปดูแลทันที เพราะว่าเขาอยู่ใกล้ชาวบ้าน ผมไม่รู้หรอก ผมก็รับฟังรายงานมา ติดตามมา อะไรมา ทหาร ตำรวจ สถาบันการศึกษา ต้องเตรียมการ ไปช่วยด้วย เกี่ยวกับเรื่องก่อสร้าง อาชีวะอะไรต่างๆ ไปดูได้หมดล่ะ ประเดี๋ยวฝนตก รถเสีย ติดขัด ถนนน้ำท่วม เหมือนเดิม เหมือนอย่างนี้มาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

มันก็ต้องกลับไปดูสิว่า ต้นเรื่องมันอยู่ไหน เราจะใช้จ่ายงบประมาณตรงนี้อย่างไร เช่น ป้องกันไม่ให้น้ำท่วม ต้องทำระบบระบายน้ำใหม่ทั้งกรุงเทพฯ ไหวมั้ยล่ะ ที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ ไม่ทำให้มันเป็นระบบ วันนี้ก็ยังอาศัยของเก่าอยู่นั่นล่ะ เว้นแต่ที่สร้างใหม่ขึ้นมา ก็มีใหม่ แต่ของเก่าไม่ได้ปรับปรุง คนก็มากขึ้น น้ำมันก็ลงรางระบายน้ำนี้มากขึ้น แถมน้ำเสียยังมากขึ้นอีก ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีก แทนที่จะเอาน้ำมารีไซเคิลใหม่ ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เหมือนต่างประเทศเขาทำ ไม่ได้เลย มันต้องดูต้นทางทั้งหมด ดูตั้งแต่การผลิตน้ำเสีย ดูตั้งแต่การขจัดน้ำเสีย ตั้งแต่บ้าน ตั้งแต่ชุมชน แล้วระบบระบายน้ำที่มันไม่ลงคลอง คูคลอง แม่น้ำเจ้าพระยา ทุกคน มันร่วมมือกันในสิ่งที่มันไม่ถูกต้องมาตลอดน่ะนะ ไอ้ที่ถูกต้องก็เยอะ ไม่ถูกต้องก็มาก ทีนี้จะทำยังไงให้มันไม่มีที่ทำผิดล่ะ ก็ต้องขอความร่วมมือไง แล้ววันนี้ผมก็กำชับไปแล้วว่ามันต้องช่วยกันดูแลตรงนี้ แล้วทุกคนบ่นว่ารถติด จะให้ผมสร้างถนน สร้างไหวมั้ยล่ะ ถนนสายนึง สร้างไหวมั้ยล่ะ กว่าจะสร้างถนนแต่ละสาย รถไฟแต่ละเส้น รถไฟฟ้าแต่ละสาย ใช้เวลาเป็นปีๆ เพราะอะไร ความขัดแย้งสูง มันต้องย้ายคน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือตัวเอง ต้องทำยังไง ต้องประหยัด ต้องใช้รถเท่าที่จำเป็น ไม่ใช่ขับรถคนละคันทุกคน เพราะน้ำมันมันถูก คืออะไรก็จะเอาถูก แล้วท้ายที่สุดรัฐบาลต้องทำ รัฐบาลจะเอาเงินจากไหน


เขมสรณ์- สุดท้ายนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีอยากจะฝากอะไรถึงพี่น้องประชาชนคะ ความห่วงใยที่อยากจะฝากไป หรือว่าอยากจะฝากอะไรทิ้งท้ายสำหรับคืนความสุขให้คนในชาติในคืนนี้


ประยุทธ์- จริงๆ ไอ้นี่ฝากไว้ผมกลัวจะหาว่าผมไปเอาความทุกข์มาให้ประชาชนนะ ผมอยากคืนความสุขให้ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้โดยเร็ว เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาวันนี้ เป็นการแก้ปัญหาที่... ที่ผ่านมาเป็นการแก้ที่ปลายทางตลอดไง ผมก็กำลังแก้กลางทาง แก้ต้นทางให้ได้ แต่ทั้งหมดมันแก้ไม่ได้ทีเดียวหรอก แม้กระทั่งกฎหมาย บังคับเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ อยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยนะ ผมเน้นที่เป็นคนไทยนะ ไม่ว่าจะเชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ก็แล้วแต่ ได้ให้การร่วมในการทำให้จิตใจตัวเองเป็นจิตใจที่ผ่องใส มีจิตสำนึกในการที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่วันข้างหน้า คือ Thailand 4.0 ก้าวพ้นกับดักตัวเองด้วยแก่นแท้ของประเทศเรา มีอะไรบ้างล่ะ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าเรายึดมั่นในสิ่งเหล่านี้ มันก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประเทศ ให้กับประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเองต่อประเทศชาติแผ่นดินนี้อยู่แล้ว ทุกคนนะ ประชาชนต้องมี

ถ้าเราลดความขัดแย้งลงได้ สร้างคนที่มีคุณธรรม สร้างสังคมที่มีจริยธรรม มีจิตสำนึกที่เผื่อแผ่ แบ่งปัน มีอุดมการณ์เหล่านี้ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประยุกต์ใช้ และในปีนี้เป็นปีมหามงคล อย่างที่กล่าวไปแล้ว ครบรอบ 70 ปี ครองราชย์ 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เราอยากให้ปีนี้เป็นปีมหามงคลอย่างแท้จริง คือ ประชาชนทุกผู้ทุกฝ่าย กลับเข้ามาสู่ความเป็นปกติสุข ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตามนะ จะถูกจะผิดกฎหมาย ก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรมก็จบแล้ว และมาร่วมมือกับเราในการที่จะทำวันข้างหน้า ผมก็จะไม่ไปกล่าถึงวันเก่าๆ อยู่แล้ว กฎหมายเค้าว่าเอาเองก็แค่นั้นเอง ขอแค่นี้นะ พยายามลดความขัดแย้งกันให้ได้มากที่สุดนะ เราก็เอาอะไรที่มันเห็นดีเห็นงามร่วมกัน เห็นชอบร่วมกัน ซึ่งมันค่อนข้างยาก ไอ้เห็นชอบร่วมกันทั้งหมดมันน้อย มันต้องมีขัดแย้ง ไอ้ขัดแย้งมากๆเอาไว้ก่อน ไอ้ขัดแย้งน้อยๆ จำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำ มันอาจต้องใช้กฎหมายมาบังคับ แต่ท้ายสุดประชาชนก็น่าจะเข้าใจเองในวันหน้า ถ้ามันดีขึ้นในวันหน้านะ ผมคิดว่าที่ทำมานี้ไม่ได้ทำสิ่งที่เลวร้ายให้กับบ้านเมือง เพราะผมไม่อยากเห็นสิ่งที่มันเลวร้ายเกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะจากใครก็ตามนะ ไม่ใช่เฉพาะคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่ เพราะว่ามันด้วยความเป็นไทยนะ เราก็อลุ่มอล่วยกันมาตลอดไง วันนี้ทุกประเทศเขาใช้กฎหมาย แล้วเราจะอะลุ่มอล่วยกันทุกเรื่องไปเหรอ มันไม่ได้หรอก แล้วเราก็ต้องการนี่ ต้องการโน่น มันเป็นไปไม่ได้

ขอบคุณนะครับ ขอบคุณทุกภาคส่วนนะทั้งภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ก็เหลือ NGO นะ ก็ขอให้เข้าใจบ้างว่า เราจะไปประเทศยังไง โดยที่เราไม่ไปเสียตรงนั้นด้วย ผมไม่อยากไปละเมิดใครอยู่แล้วนะ สิทธิมนุษยชน ก็ไปดูสิครับ บางทีก็พูดบิดเบือนอะไรบ้าง โน่นนี่ ถูกทำร้ายบ้าง ผมถามนะก็ไม่เห็นมีใครเขาอะไร เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ทำไม่ได้ จะวันไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ฉะนั้นอย่าให้บิดเบือน วันนี้ก็มาร้องเรียกให้กับผู้กระทำความผิด ซ้ำแล้วซ้ำอีก มันก็ได้ใจกันหมด ก็มาถามเจ้าหน้าที่สิว่าทำอย่างนี้หรือเปล่าที่เขาพูดมา ไม่ใช่ไปพูดในสื่อ หรือส่งเรื่องไปต่างประเทศ แล้วให้ต่างประเทศกลับมาเล่นงานประเทศตัวเอง ผมถามว่า มันควร หรือไม่ควรล่ะ ทำหน้าที่ของท่าน แต่ประเทศชาติเสียหาย ผมไม่ได้ห้ามท่านทำ แต่ก่อนจะทำ ก่อนจะไปที่ไหนก็ตาม ท่านมาถามเราก่อนว่ามันเป็นยังไงข้อเท็จจริง ไม่ใช่ไปบิดเบือนกันตามคนทำความผิดเค้าพูดมา แต่รัฐบาลพูด ไม่ดูเลย ไม่ฟังเหตุผลรัฐบาล ผมถามว่าแล้วจะมีไว้ทำอะไร

ขอบคุณฮะ ชื่นชม ภาคประชาชนที่เข้าใจร่วมมือ เข้มแข็งและตื่นตัวมากขึ้น ในการที่จะเดินหน้าทำประชามติ หรือการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมไม่ได้ขัดขวางท่าน ทำให้ได้ก็แล้วกัน ขอบคุณครับ สวัสดีครับ


เขมสรณ์- ขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีมากค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณผู้ชมคะ อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้นะคะว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล สิ่งที่อยากเห็นก็คืออยากให้คนไทยทุกคนมีความรัก มีความสามัคคี และให้ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดทั้งรายการคืนความสุขให้คนในชาติในคืนนี้ เราได้เห็นถึงความตั้งใจที่จะมอบความสุขให้กับประชาชน ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความร่วมมือของพี่น้องประชาชนนั่นเองนะคะ สำหรับวันนี้หมดเวลาของรายการคืนความสุขให้คนในชาติแล้ว กลับมาพบกันได้ใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ดิฉันเขมสรณ์ หนูขาว และท่านนายกรัฐมนตรี ลาคุณผู้ชมไปพร้อมกันในโอกาสนี้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น