xs
xsm
sm
md
lg

“วัชรพล” ปัดมีใบสั่งถอนคดีสลายพันธมิตรฯ แย้มอาจวินิจฉัยตัวเองไม่ต้องลงมติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.
ประธาน ป.ป.ช.ปัดถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯ มีใบสั่ง ยอมรับ “พัชรวาท” ผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตลูกพี่ แค่ให้คณะทำงานศึกษาข้อมูล ยังไม่มีมติออกมา ไม่ทราบจำเลยเพิ่งมายื่นเรื่องช่วงนี้ ลั่นไม่กังวลหากถูกฟ้องกลับ แย้มอาจให้กรรมการชี้ว่าตัวเองสภาพร้ายแรงหรือไม่ จะได้ไม่ต้องลงมติ

วันนี้ (4 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษากรณีที่จำเลยในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ได้ทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.ให้พิจารณาถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นหัวหน้าคณะทำงานว่า เรื่องนี้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้พิจารณาในข้อกฎหมาย และมีความเห็นว่าดำเนินการได้ แต่จะดำเนินการหรือไม่นั้นต้องพิจารณาตามหลักการและเหตุผลให้รอบด้าน เช่น ข้อกฎหมายที่ยังเห็นแตกต่างกัน ข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรม ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ แม้แต่เรื่องผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

ส่วนเหตุใดจำเลยถึงเพิ่งมาร้องขอความเป็นธรรมช่วงนี้ทั้งที่ผ่านมาหลายปีนั้น ตนไม่ทราบ แต่ไม่ว่าใครขอความเป็นธรรมต่อกรรมการ ป.ป.ช.เข้ามาเราก็รับทุกเรื่อง ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานก็มีหลายเรื่องที่ร้องขอเข้ามาตลอดเวลา เป็นไปตามกระบวนการปกติ แต่เรื่องอื่นๆ อาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของประชาชน

“เวลานี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ได้พิจารณาใดๆเกี่ยวกับคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เพียงแต่ดูว่าเมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาเราจะดำเนินการอย่างไร จึงให้คณะทำงานพิจารณาอย่างรอบคอบ” พล.ต.อ.วัชรพลระบุ

เมื่อถามว่า หลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรมมาใหม่นั้นคืออะไร สามารถเปิดเผยได้หรือไม่อย่างไร พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า นี่คือเหตุที่กรรมการ ป.ป.ช.ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดที่ต้องเปรียบเทียบ เรื่องนี้เกิดมานานพอสมควร ดำเนินการไต่สวนไปมากแล้ว กระทั่งมีการพิจารณาในชั้นอัยการสูงสุด (อสส.) และขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ และแม้ว่าโดยกฎหมายหากมีเหตุผลที่จะดำเนินการได้ที่สุดแล้วก็ต้องอยู่ที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย ไม่ใช่อำนาจกรรมการ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม วันนี้ ป.ป.ช.ต้องดูว่าการที่เขาขอความเป็นธรรมมันมีเหตุมีผลหรือไม่ รวมทั้งขอให้เราถอนฟ้องซึ่งเป็นคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง ฉะนั้นต้องเอาทุกปัจจัยมาพิจารณา ตนย้ำอีกครั้งว่าวันนี้กรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีมติใดๆ เพียงแต่บอกให้ไปศึกษาเท่านั้น

เมื่อถามว่า หากมีการยื่นถอนฟ้องจะทำให้ ป.ป.ช.ตอบสังคมได้ลำบากหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เป็นสิ่งที่กรรมการ ป.ป.ช.ต้องตระหนัก การทำอะไรทุกอย่างต้องถูกต้องระเบียบกฎหมายทุกประการ ถ้าเราทำผิดกฎหมายทั้ง 9 กรรมการคงไม่ทำ และตนเองต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ดังนั้น ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายผิดระเบียบ แต่หากถูกกฎหมายถูกระเบียบแล้ว บางครั้งก็ต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยรอบข้างอื่นๆ ประกอบด้วย

เมื่อถามว่า สังคมยังข้องใจว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหานั้นเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.วัชรพล เรื่องนี้ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ในชีวิตราชการ 40 กว่าปี มีผู้บังคับบัญชา มีคนรู้จักมากมาย แต่เมื่อมาทำงานในหน่วยงานที่ต้องให้ความเป็นธรรม และเป็นจุดที่มีเฝ้ามองก็มีหน้าที่ทำให้สุจริต โปร่งใส เรามืออาชีพ ต้องทำเต็มที่

เมื่อถามย้ำว่า แต่ยังมีข้อกังขาว่าท่านอาจมีส่วนได้เสียในการพิจารณาประเด็นนี้ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ตนต้องไปพิจารณา เพราะอาจจะมีสภาพร้ายแรงตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าเหมาะสมหรือไม่

เมื่อถามต่อไปว่า เรื่องนี้มีใบสั่ง หรือมีแรงกดดันจากใครหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า “การทำตามหน้าที่ กฎหมาย ใครจะกล้าสั่งให้เราทำในสิ่งที่ผิด ถ้าเป็นคุณมาอยู่ตรงนี้ แล้วมีคนมาขอให้ทำในสิ่งผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม ผิดศีลธรรม เราจะทำหรือไม่ ยิ่งมีคนเฝ้ามองด้วย ก็ไม่ทำแน่ กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนเสียสละมาทำงาน ผ่านการสรรหา คงไม่มีใครเอาชื่อเสียงเกียรติยศมาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ยืนยันได้ ไม่ต้องห่วง”

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าไปถึงเรื่องความสง่างามของ ป.ป.ช. ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วอะไรคือความสง่างาม เข้ามาทำงาน 4 เดือนก็ทำงานหนัก พยายามขับเคลื่อนทุกเรื่อง ปรับระบบการทำงาน เร่งรัดทุกอย่าง เจ้าหน้าที่ทำงานหนักอย่างเต็มที่ก็สง่างามอยู่แล้ว หากไม่สง่างามเพราะตนมาเป็นประธาน แล้วตนทำอะไร ผิดตนก็อยู่ไม่ได้ ตนไม่สามารถอยู่ได้ในองค์กรที่ทุกคนคาดหวัง แต่วันนี้เราก็ทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามอีกว่า เสียงค้านที่มีดังขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลให้ ป.ป.ช.ทบทวนเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เป็นสิ่งดี อย่างน้อยเพื่อประโยชน์สาธารณะว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ ต้องคิดทุกปัจจัยไม่แค่เรื่องกฎหมาย แต่ต้องให้ความเป็นธรรม คิดทุกมิติ ยืนยันว่าวันไหนที่กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาจบ ตนจะเป็นผู้แถลงให้สื่อมวลชนได้รับทราบเหตุผลเองว่าที่ตัดสินใจอย่างนั้นเพราะเหตุใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องถูกฟ้องกลับหรือไม่หากถอนฟ้องจริง ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ไม่กังวลหากเราทำสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าถูกฟ้องก็เชื่อว่าได้รับความเป็นธรรมในชั้นการพิจารณาของศาล

เมื่อถามว่าสำหรับการขอมติในกรณีนี้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ต้องครบ 9 เสียงใช่หรือไม่ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ องค์คณะโดยปกติก็ต้องเข้าครบ 9 คนอยู่แล้ว นอกเสียจากใครมีเหตุผลติดขัดเรื่องใด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างตนถ้ามีการโต้แย้งว่ามีสภาพร้ายแรง เข้าไม่ได้ตาม ป. วิปกครอง กรรมการที่เหลือ 8 เสียงก็ต้องเป็นผู้พิจารณา ตราบใดที่เสียงเกินกว่า 5 เสียงก็สามารถวินิจฉัยได้ และกรรมการทั้ง 8 คนจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าตนมีสภาพร้ายแรงหรือไม่ เรื่องนี้ก็แล้วแต่มุมมอง ซึ่งถ้าตนถูกชี้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และตนมีสภาพร้ายแรงเข้าไม่ได้ ตนก็จะรู้สึกสบายใจ และแฮปปี้


กำลังโหลดความคิดเห็น