นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้ทำกินในป่าสงวนเขตป่าเสื่อมโทรม เชียงใหม่ เดี่ยวไมโครโฟนยาวเกือบชั่วโมงครึ่ง ขอแจกแล้วอย่าหายอีก ยันไฟป่าเกิดจากมนุษย์แต่ควันมาจากเพื่อนบ้าน คงตำหนิไม่ได้ รับทำแบบนักการเมืองไม่เป็น หนุนช่วยกันชะลอน้ำ ระวังดับไฟป่า แนะข้าราชการปรับตัวหาประชาชน ย้อนกรุงศรีฯ ล่มเพราะเปิดประตูให้เขา ระบายเหตุใช้กำลังปี 53 ซัดไอ้คนพาไปไม่ตายสักคน เชื่อเวรกรรมมีจริง ลั่นไม่ชอบขู่ถ้าทำก็ทำเลย บอกขอ 2 ปีให้ชาติเดินหน้า ก่อนให้ ส.ว.ดูแลต่ออีก 5 ปี จ่อใช้กฎหมายเข้ม เตือนประชามติอย่าตีกันจะทำให้เลือกตั้งไม่ได้
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 16 จัดที่ดินให้ชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม แก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร ผู้ยากจน และการรุกล้ำเขตป่าสงวน พร้อมกับมอบเครื่องจักรกลการเกษตร และปัจจัยการผลิตให้แก่ตัวแทนเกษตรกร เพื่อยกระดับอาชีพเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะประชาชน จ.เชียงใหม่ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง 20 นาที ว่าวันนี้ได้เป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาต เข้าทำประโยชน์ ทำกินในที่อยู่อาศัย ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่อยากให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในการทำพื้นที่ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน การแจกที่ดินครั้งนี้เพื่อให้ทำกินและอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ เพราะเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมารัฐบาลเคยแจกที่ดินหลายครั้งแต่ไม่รู้หายไปไหน แล้วก็แจกกันใหม่ไม่รู้กี่รอบ วันนี้แจกแล้วอย่าให้หายอีก ถ้าหายอีกก็เลิก เพราะไม่มีที่ดินแจกแล้ว ส่วนที่เหลือรัฐบาลพยายามให้ได้ทุกจังหวัดอย่างเร็วที่สุด โดยพื้นที่ที่จัดสรรให้จะเป็นป่าเสื่อมโทรมถูกบุกรุกมานาน ตนไม่ขอพูดเรื่องเก่า และไม่อยากโทษใคร แต่อยากจะโทษใครก็ไม่รู้ที่บริหารราชการแผ่นดินมาแล้วทำให้เกิดปัญหา ซึ่งเมื่อตนเข้ามาพบว่าปัญหามีมาก และมีความจำเป็นต้องมายืนตรงนี้ ปัญหาไฟไหม้ป่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องแก้ที่ต้นทางว่าสาเหตุเกิดจากอะไร โดยเฉพาะเกษตรกรที่เผาซังตอ ก่อนเริ่มปลูกใหม่ ส่วนหมอกควันที่เกิดจากเพื่อนบ้านคงไปตำหนิไม่ได้ เพราะก็อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเหมือนกัน วันนี้เราก็นำนโยบายไปขับเคลื่อนอาเซียน เชื่อว่าเราน่าจะเป็นผู้นำในเรื่องการลดหมอกควันในอาเซียนได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมาวันนี้ด้วยหัวใจความเป็นทหาร และตลอดชีวิตพวกตนเป็นทหารอาชีพ อยู่ในกองทัพมา 40 ปี ตนอยู่กับชาวบ้านมาตั้งแต่เป็นร้อยตรี เข้าใจและซึมซับถึงความต้องการของประชาชนดี ถามว่า 40 ปีที่ผ่านมาแก้อะไรได้บ้าง ก็ไม่ได้ มันก็ไปของมันตามเรื่องตามราวจนกระทั่งวันนี้ ตนจะไม่พูดเรื่องแบ่งแยก ตนไม่เคยต้องการ และวันนี้ตนไม่ได้มาด้วยคะแนนเสียง แต่มาด้วยความจำเป็น ไม่อยากให้ทุกคนไปเชื่อฟังอะไรมาที่บิดเบือนกันทุกวัน ตนขี้เกียจไปตอบโต้ บางครั้งต้องขอโทษเพราะมีอารมณ์อยู่บ้างแต่ปกติ เป็นคนอารมณ์ดีแต่บางทีมันยั่วอารมณ์ ตนเป็นทหารบางทีมันก็ต้องโมโหบ้าง ถ้าตนเป็นนักการเมืองก็จะยิ้มและขอบคุณครับ ซึ่งตนทำไม่เป็น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของน้ำ เราต้องนึกถึงคนใช้น้ำ ไม่ใช่หมดตั้งแต่ต้นทาง ต้องช่วยกันชะลอน้ำให้นานที่สุด ลงไปข้างล่างด้วยการทำฝายตามแม่น้ำ ลำธารทุกเส้น ง่ายสุดเอาตะข่ายกั้นแล้วเอาหินใส่ ซึ่งต้องรีบทำประคับประคองไปถึงเดือน พ.ค.-ก.ค. ที่ฝนจะตกลงมาให้ได้ ส่วนเหตุการณ์ที่นางวารี สถาพรประเทือง ชาวบ้าน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตจากการเข้าช่วยทำแนวกั้นดับไฟป่านั้น ยืนยันทางการจะช่วยเหลือดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ และขอให้เพิ่มความระมัดระวัง ในการเข้าไปดับไฟป่า บางคนมุ่งมั่นช่วยเหลือคนอื่น จนลืมตัวเองไป นั่นคือ คนเสียสละ ถึงแม้เป็นอันตราย แต่ก็เห็นชีวิตคนอื่นมีค่า ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องภาคภูมิใจ แต่ตนไม่อยากให้มีการสูญเสีย บาดเจ็บทั้งสิ้น ถ้ารักษาป่าได้ น้ำก็ยังมีอยู่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หน้าที่ของตนต้องเอากฎหมายมาสู่การเรียนรู้ สู่ความร่วมมือไม่ใช่เอามาสู่ความขัดแย้ง หรือเอาประชาธิปไตยมาสู่ความขัดแย้ง มันไม่ใช่ โลกใบนี้ไม่ใช่เป็นแบบนี้ น่าภูมิใจหรือไม่ ทุกประเทศที่เขาเข้ามาตนเล่าให้เขาฟังหมด เขาตกใจแล้วถามว่ายังมีอีกหรือที่เป็นแบบนี้ รบกันมาตั้งแต่ปี 53-57 แล้วจะรบกันปี 59 อีกหรือ มันควรหรือไม่ ถ้าท่านภูมิใจในความเป็นประเทศที่ขัดแย้งกันสูงสุดในอาเซียนก็เอาตนไม่ได้ว่า ตนก็กลับบ้านนอน แล้วถ้าท่านคิดว่าสิ่งที่ตนพูดมันถูก ก็คิดเอาว่าจะต้องทำอย่างไร
“ข้าราชการต้องปรับตัวหาประชาชน ต้องเป็นคู่คิดประชาชน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชนให้ได้ ทุ่มเทซึ่งกันและกัน ปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปหัวใจตัวเองทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์และฝ่าฝืนกฎหมาย และไม่ปล่อยให้ใครฝ่าฝืนกฎหมาย ใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประวัติศาสตร์ประเทศไทยถ้านับแค่กรุงศรีอยุธยามาปัจจุบันก็ 600 กว่าปี ย้อนกลับไปดูการสูญเสียกรุงศรีฯ เพราะอะไร ก็เพราะมีคนไทยเปิดประตูให้เขา วันนี้หากเรามาเปิดฉากความขัดแย้งขึ้นเองภายในประเทศ ไม่ต้องไปเรียกใครเขาเข้ามาดู ดังนั้น ที่วันนี้จะไปเรียกใครเข้ามาดูทั้งประชามติบ้าง เลือกตั้งบ้าง ผมถามว่าเขาเข้ามาบริหารจัดการให้เราหรือไม่ ไม่รักกันบ้างหรือ แผ่นดินที่พระมหากษัตริย์ บรรพบุรุษสร้างไว้ ทำไมให้คนอื่นเข้ามาดูแล คิดแบบนี้แล้วจะหาคำตอบได้เอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา พยายามการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เป็นแบบนี้มา 10 ปีแล้ว สาเหตุมาจากอะไรไม่รู้ ตนอยู่มาทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็ทำตามหน้าที่ ไม่เคยมีความขัดแย้ง แต่เมื่อใดที่ชาติไม่ปลอดภัยตนจึงเข้ามา ถ้าเมื่อปี 57 ไม่เข้ามา พวกท่านก็ไม่มีเงินเดือน เพราะรัฐบาลตอนนั้นไม่มีอำนาจเต็ม ไม่มีกฎหมายอะไรที่จะเดินหน้าไปได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานต้องมีเป้าหมายสุดท้ายคือประเทศชาติมั่งคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยจะเอาพลเรือนและทหาช่วยกัน แต่ถ้าติดกับดักตัวเอง ติดกับดักประชาธิปไตย กับดักสิทธิเสรีภาพ มันไร้ขีดจำกัด คนไทยเป็นคนซื่อสัตย์เป็นคนรู้คุณ ใครให้อะไรมาต้องรับ แต่ต่อไปนี้ต้องคิดใหม่ ต้องดูว่าเขาให้มาด้วยความสุจริตใจหรือไม่ เขาหวังอะไรจากเราหรือเปล่า เขาเอาเงินที่ไหนมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาเงินที่ให้กันเป็นเงินรัฐบาลทั้งสิ้น ตนจึงต้องทำพระราชบัญญัติงบประมาณเสียใหม่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมาอยู่กับท่านคือทำปัจจุบัน เอาประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ แก้ไขปรับเปลี่ยน อันไหนไม่ดีก็ไม่ทำ เพื่อวางพื้นฐานให้กับประเทศ แค่นี้จริงๆ ที่ผ่านมาคนไม่เคยตีกันขนาดนี้ เพราะอะไร เพราะทหารหรือ ตนว่าไม่ใช่ ถ้าย้อนกลับไปดู ปี 53 กับ ปี 57 การชุมนุมมันต่างกันอย่างไร รู้หรือไม่ ทำไมเขาต้องใช้กำลังเพื่อยุติ ก็เพราะมีการใช้อาวุธ มีการยิงส่วนราชการ เผาศาลากลางจังหวัด ตนไม่รู้ว่าใครทำ ท่านไปหามา แต่เพราะมีความรุนแรงทหารจึงต้องไปรักษาความเรียบร้อย ในอดีตคนใช้อาวุธยิงใส่ทหาร ตนถามว่าทหารไม่มีชีวิตจิตใจเลยหรือ อยากจะพูดกับท่านมานานแล้ว ท่านฟังตนและอยากให้ไปคิดและแยกแยะเอา ถามว่าเผาศาลากลางจังหวัดถูกต้องหรือไม่ ประท้วงไม่ชอบใจรัฐบาลแล้วเผาศาลากลางเล่นหรือ วันหน้าไม่มาเผาสภากันเลยหรือ ยิงทหารใครทำ ฝ่ายไหน ไม่รู้เหมือนกัน แต่อย่าให้เขามาบิดเบือน ปี 53 ปี 49 ใครทำ มันก็ค่ายเดียวกัน มันยิงทั้งคู่ ถามว่าอย่างตน อย่างทหารนี่หรือจะไปยิงพี่น้องประชาชน เพราะทหารลูกหลานท่านทั้งนั้น ตนทำไม่ได้หรอก ใครทำตนต้องลงโทษ ไม่เคยสั่งลูกน้องไปทำร้ายคน มีแต่ช่วยประชาชน เพราะคติพจน์ของกองทัพ คือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน ตนทำอย่างอื่นไม่ได้ เป็นความซื่อสัตย์ที่ต้องรักษาไว้ สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานหัวใจสีม่วงให้แก่ทหารเสือ ทรงตรัสว่า หัวใจสีม่วงคือ คนที่ใกล้จะตายแล้ว ส่วนใหญ่จึงจะไม่โกหก แต่วันนี้ไม่แน่ใจแล้ว หลายคนมันจะโกหกจนตาย ตายไปแล้วยังโกหก เพราะยังพูดโกหกทุกวัน แล้วจะไปเชื่ออีกหรือ จะให้คนเหล่านี้มาสู้กับตนหรือ คนที่มีคดีความ ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล ประเทศจึงจะอยู่ได้
“บุคคลในประเทศทะเลาะกันเอง เอาโน่นเอานี่ ถามว่าทุกอย่างกลับไปที่เดิมไหม ตีกันเหมือนเดิม เลือกตั้งมา อีกพวกก็ตี ใครสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดขึ้น ท่านสัญญากับผมก็แล้วกันว่าท่านจะไม่เข้าไปกรุงเทพฯ อีก ใครจะเอารถมารับ มันตายเปล่า ตายไปเยอะแล้ว ตอนนี้ยังตอบยมบาลไม่ได้ว่าตายเพราะอะไร เพราะเขาเกณฑ์ไง คนไทยโรแมนติกอยู่แล้ว เขาพูดอะไรก็เชื่อ ตายไม่รู้ตัว แต่ไอ้คนพาไปไม่ตายสักคน วันนี้ยังพูดเย้วๆ แต่เอาละ ผมคิดว่าเวรกรรมมีจริง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ปิดกั้น เพราะยังมีการพูดกันอยู่เลย อาจจะเรียกไปเตือน ก็หาว่าข่มขู่ เขาเรียกขู่อะไร ตนไม่ชอบขู่ ถ้าทำก็ทำเลย แต่ยังไม่ได้ทำ เรื่องประชามติแค่ขอให้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่ได้บอกว่าให้รับหรือไม่รับ แต่วันนี้ยังพูดกัน ก็อย่าลืม ระมัดระวังกฎหมายด้วย ใครจะจ้างให้มาบอกใครต่อใครเรื่องนี้ระวังติดคุกแล้วกัน กฎหมายคือกฎหมาย มันจะโดนเท่าไรแค่นั้นเอง
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า วันนี้ขอเวลา 2 ปีเพื่อให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ และมีการเลือกตั้งในปี 60 จากนั้นจึงมี ส.ว.เพื่อดูแลสถานการณ์ในช่วง 5 ปีแรก จากนั้นหากสถานการณ์ดีขึ้น เรียบร้อยขึ้นก็จะปรับลงเรื่อยๆ หรือค่อยปรับ ส.ว.ออก ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคน ต่อไปนี้ต้องบังคับใช้กติกาอย่างจริงจัง การทำประชามติอย่าตีกัน เพราะจะทำให้เลือกตั้งไม่ได้ หน้าที่ตามประชาธิปไตยคือ การลงประชามติและเลือกตั้งภายใต้ความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งฟังความเห็นต่าง รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ และดูแลคะแนนเสียงส่วนน้อยอย่าให้ใครมาบิดเบือน ทั้งนี้ คนดีไม่มีวันตาย หมายถึงไม่ตายจากประวัติศาสตร์ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้า ตนใจร้อนอยากให้การดำเนินการรวดเร็ว แต่ทำคนเดียวคงไม่ไหว คงต้องขอความร่วมมือจากทุกคน ขอมือทั้งสองข้าง สมองและเท้าด้วยเพื่อร่วมเดินหน้าประเทศไปด้วยกันแบบสตรองเกอร์ ทูเกทเตอร์