xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” บ่นยาว แจงโมโหสื่อถามแต่วันเลือกตั้ง เบรกโทษประหารคดีข่มขืน ลั่นไม่เพิ่มโควตาหวย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ใช้เวทีสัมมนางบประมาณฯ บ่นยาว บอกวันนี้อยากสุภาพ แต่พอตื่นขึ้นมาก็โมโหแล้ว พ้อทหารซื้ออาวุธไม่ได้ สักวันคงใช้รถถังคันเดียว แจงหงุดหวิดสื่อเพราะถามแต่วันเลือกตั้ง ปชช.จะอดตายไม่สนใจ ปลุก ขรก.หยุดให้การเมืองชี้นำ ต้องตัดสินใจให้ถูกต้องเลือกใครในวันหน้า สั่งฝ่ายปกครอง จัดการนายทุนให้เช่าที่ ขูดเลือดเก็บค่าเช่า ทั้งที่ชาวนาปลูกข้าวไม่ได้ผลผลิต รับมีสิ่งรบกวนจิตใจทำให้งานไม่เดินหน้า เชื่อทำดีไม่มีวันตาย เช็งพูดจริงกลับไม่เชื่อ แต่คนพูดโกหกกลับเชื่อ ยันใช้ ม.44 ยึดรถเด็กแว้นจนกว่าจะพ้นอำนาจ ติงคนไทยสุดโต่งรณรงค์ข่มขืนต้องประหาร ย้ำ กม.ทำแบบท่านเปาไม่ได้ ลั่นไม่เพิ่มโควตาหวย

ที่ห้องรอยัลจูบิลี่ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี วันนี้ (4 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาการเตรียมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมสัมมนา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า วันนี้พยายามจะทำตัวเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อยตามที่ทุกคนขอร้องมา แต่ความจริงแล้ววันนี้โมโหตั้งแต่ตี 4 ตื่นมาก็โมโหแล้วเพราะเห็นปัญหาหลายอย่างก็ขอให้ทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกัน และการมาวันนี้ไม่ใช่แค่ตนให้เกียรติกับทุกคน แต่เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะถือว่าทุกคนเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และแก้ปัญหาที่สะสมมายาวนาน เพราะทุกอย่างเริ่มต้นด้วยงบประมารทั้งสิ้น ในการทำงานซึ่งต้องขอบคุณทุกคน สถานการณ์โลกในปัจจุบันทุกคนทราบดีว่าความขัดแย้งสูงขึ้น ปัญหาภัยพิบัติ พันธสัญญาที่มีมากขึ้น ปัญหาความยากจน แม้เราจะเป็นประเทศเล็กแต้ประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆ ก็ให้ความสำคัญ เดินทางมาพบเพราะประเทศเรามีศักยภาพและมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิศาสตร์ของอาเซียน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาประเทศมีหลายด้าน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ความขัดแย้ง โรคภัยไข้เจ็บ ความยากจน พืชผลการเกษตรตกต่ำ ขอร้องว่าอย่าเอาทุกอย่างมาพันกับคำว่าประชาธิปไตย เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โลกวันนี้ส่วนใหญ่เป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น ประเทศไทยก็หนีไม่พ้น สิ่งที่ทำทุกวันนี้คือทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็งต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืนด้วยความร่วมมือจากทุกคน ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนไปอีกระยะหนึ่ง วันนี้ปัจจัยภายนอกบีบบังคับเรา บีบบังคับอาเซียนด้วยคำว่าเศรษฐกิจเดียว ความเชื่อมโยง คำว่าการพัฒนาร่วมกัน ประเทศใดที่มีความเข้มแข็งย่อมเสียงดังกว่า ดังนั้นเราจะต้องก้าวไปสู่ความเข้มแข็งในแบบของเราให้เร็วที่สุด ลดปัญหาความขัดแย้ง ลดการพัฒนาที่เชื่องช้า ไม่ต่อเนื่อง ปัญหาการทุจริตผิดกฎหมาย ทุกคนต้องร่วมกันคิดว่าเราจะเดินหน้าพัฒนาไปอย่างไร สิ่งที่มีความแตกต่างจากคนอื่นซึ่งถือเป็นปัญหาของไทยขณะนี้คือช่องว่างในการพัฒนามากเกินไป รายได้มีความแตกต่างกันมาก ขอร้องว่าอย่าให้ใช้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นวาทกรรมไปทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะเราไม่สามารถทำให้ทุกคนมีรายได้ที่เท่าเทียมกันได้ แต่เราต้องดึงศักยภาพของทุกคนมาสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน หรือที่เรียกว่าประชารัฐ

“คนไทยเก่งเกือบทุกคน มีความคิดเป็นอิสระ ประชาธิปไตยเกินร้อย เราต้องรวมพลังกันให้ได้มากกว่าเก่งเพื่อสร้างความขัดแย้ง การที่ผมเข้ามาในวันนี้รัฐบาลนี้เข้ามาไม่ได้มุ่งหวังเข้ามาทำร้ายข้าราชการ แต่ต้องการสร้างความรับรู้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนชนไม่อยากให้มีใครมาว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจทุกวัน สิ่งที่ผมพูดถึงเรื่องการประเมินเพื่อเป็นการเตรียมการในอนาคตจะได้มีความพร้อมเดินหน้า ดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี อย่าให้ใครมาก้าวข้ามหรือต่อว่าได้ ทุกอย่างจะได้นำไปสู่ความสงบเรียบร้อยอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องเริ่มจากทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศนี้ทั้งรัฐบาล ข้าราชการ ภาคประชาสังคม ประชาชน และทุกคนที่สามารถพูดภาษาไทยได้ เพราะถ้าพูดไทยแล้วไม่รู้เรื่องก็คงลำบาก ถือว่าพูดกันคนละภาษา มัวแต่พัฒนาภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน แต่กลับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ใช้ไม่ได้ และการพัฒนาไม่ใช่ว่าเราจะทำเหมือนกับคนอื่นได้ หากเราไม่แข็งแรงพอโดยเราต้องพร้อมจากจิตใจของตัวเองก่อน และต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือนักการเมือง ต้องรู้ตัวเองและรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน อย่างทหารที่เขามาร่วมกันทำงานทุกวันนี้ทั้งหมดเจอปัญหาด้วยตัวเองมา และต้องเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาด้วยทุกครั้ง ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง ภัยพิบัติ การประท้วงต่างๆ แต่ทำไปแล้วกลับถูกมองว่าไม่มีประโยชน์กลายเป็นว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้”

“บางครั้งจะของบประมาณมาปรับปรุงกองทัพก็ทำไม่ได้ เพราะยังติดว่าประชาชนยังยากจน ทหารก็ไม่บ่น น้อยใจไม่ได้ เพียงแค่มีการจัดเตรียมแผนไว้ในรอบสิบปี บางทีก็ต้องซ่อมรถถังเอง ซ่อมไปใช้ไป วันข้างหน้าอาจจะเหลือรถถังวิ่งเพียงคันเดียวก็ได้ ยืนยันว่าการมีรถถังหรือความพร้อมทางความมั่นคงไม่ได้มีไว้เพื่อการทุจริต วันนี้ทุกคนต้องร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนไปสู่สหัสวรรษหน้า แต่เราวันนี้ยังกลับมาแต่เรื่องประชาธิปไตย ก็เลือกไป อยากเลือกตั้งก็เลือกไป ถ้าเลือกแล้วมันไม่ดีก็อย่ามาเลือกผม หรือจะโทษกันอีก หรือมันดีอยู่แล้วก็เชิญ ผมไม่ได้ไปขัดแย้งอะไรกับพวกท่าน เพราะฉะนั้นอย่ามาถามผมอีก ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะพูดคำนี้ ไม่เช่นนั้นก็ถามกันทั้งวัน เมื่อไหร่จะอย่างไร เวลาเท่าไหร่ ปัดโถ่ จะเป็นจะตายกันเท่าไหร่แล้วประชาชน เกษตรกรเขาเดือดร้อนหรือไม่ น้ำไม่มี ปลูกพืชไม่ได้ น้ำจะกินก็น้อยลง เข้าใจกันบ้างหรือไม่ ไม่สนใจหรือ ไอ้ที่จะทำกันอยู่มันแก้ไขปัญหาทั้งหมดจริงหรือ อยากจะทำก็ทำไปแต่เราต้องหาความร่วมมือกันให้ได้เสียก่อน ให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งหมดต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา อย่างเรื่องน้ำ เวลาไปต่างจังหวัดบอกให้หาน้ำให้หน่อย แล้วจะไปหาจากไหน ในพื้นที่ต้องช่วยด้วย อย่าไปดูการเมืองอย่างเดียว ต้องเชื่อมโยงกัน แล้วงบประมาณก็ลงไปถึง สร้างความเข้มแข็งจากภายในสู่ภายนอกให้ได้ แต่วันนี้ทุกพื้นที่มีปัญหา รวมถึงเรื่องการเมืองซึ่งตนโทษใครไม่ได้ ต้องโทษคนไทยทั้งหมด เพราะขาดความรับผิดชอบร่วมกัน ให้คนอื่นมาชี้นำตลอดในระบอบประชาธิปไตย เพราะเราไว้ใจคนให้เข้ามาเป็นรัฐบาล ฉะนั้นถึงได้บอกว่าจะต้องตัดสินใจให้ถูกต้อง จะเลือกใครเข้ามาเป็นรัฐบาลในวันหน้า และไม่ต้องมาระแวงพวกตนทั้งสิ้น ข้าราชการต้องกลับมาทบทวนว่าทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน ไม่ให้เกิดปัญหาอีก เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโลกใบนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4 ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี หุ่นยนต์ และเครื่องจักร ต้องเตรียมความพร้อมทั้งเงินทุน และแรงงาน

นายกฯ กล่าวว่า คนในชาติต้องช่วยกันคิด ข้าราชการต้องทำงานให้เต็มที่ ยกระดับรายได้ประเทศให้สูงขึ้นกว่ารายจ่าย เราตั้งงบฯขาดดุลมาตลอด ตนมา 2 ปี และไปถึงปี 2560 ประเทศน่ามีรายได้ที่สูงขึ้น ด้วยการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ติดปัญหาไปหมด ไม่ติดที่ข้าราชการ ก็ติดประชาชน ประเทศมีงบฯ มากหรืออย่างไร ต่อไปนี้ จะเข้มงวดการใช้งบฯ เริ่มแต่งบฯ ปี 2560 และจะเริ่มงบฯปี 2559 ด้วย ในทางพฤตินัย ต้องสร้างความแข็งแรงเกิดขึ้นให้ได้ สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือการปลูกข้าว ที่เคยคุณภาพดี แต่มีการเอาพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพน้อยไปปลูก เพื่อให้มีรายได้ ไม่รู้ว่าใครทำ อาจจะผิดจะถูกไม่รู้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่เป็นกังวล เพราะมีการปลอมปนทั้งทางพันธุกรรม และดีเอ็นเอ ข้าวหอมมะลิบางพื้นที่มีเม็ดเล็กลง ซึ่งต่างประเทศไม่มีใครทำ เขาทำนาตามฤดูกาล ไปบิดเบือน ทุกอย่างก็ผิดไปหมด อาจจะมุ่งหวังเพื่อประชาชน แต่ประชาชนได้ประโยชน์จริงหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อย่าให้ถูกบิดเบือนอีก ปัญหาจะตามมาอีกมหาศาล หากระบบเป็นลบทั้งหมด กฎหมายก็ไม่เคารพ กระบวนการยุติธรรมก็ไม่เชื่อมั่น แล้วประเทศนี้จะอยู่อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของปัญหาหนี้สินเกษตรกร และครู อย่างหนี้ครูมีการบอกว่าให้ยกหนี้ให้ได้ไหม จะให้ไปตัดงบฯกระทรวงศึกษาธิการมาใช้หนี้ให้ครู ก็ไม่ต้องทำอะไรกันเลย กระทรวงศึกษาธิการปิด ไม่ต้องทำงาน มันก็ไม่ได้ จะไปแบ่งงบฯจากกระทรวงอื่นก็ไม่ได้ ตนก็เคยเป็นหนี้ เพราะเราจากการสร้างเนื้อ สร้างตัว ด้วยศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ใช่จากการทุจริต ถ้าเราอดทนมันก็จะดีขึ้น รู้สึกสงสารประชาชน เพราะเป็นหนี้จากประกอบอาชีพ หนี้จากนายทุน ขาดทุนก็ต้องทำ เพราะเช่าที่เขาไปแล้ว ถ้าทำไปแล้วปลูกข้าวไม่ได้ ตรงนี้ไม่เป็นธรรมทางสังคม รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ต้นทุนต่ำลง ขอฝักฝ่ายปกครองให้ลงไปดู การเช่าที่ของเกษตรกรในการปลูกข้าว

นายกฯ กล่าวถึงการเสนอทำแผนงานโครงการว่า ทุกแผนงานจะต้องชัดเจนว่าจะเสร็จเมื่อไร อยู่ในแผนงานบูรณาการ แผนยุทธศาสตร์ข้อไหน ผลตอบแทนระยะแรกมาอย่างไร ถึงจะเขียนแผนงานเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามเวลาที่กำหนด อาจจะต้องทำในไตรมาสแรก ถ้าทำสัญญาไม่ได้ก็ยกเลิก เอาคืนทั้งหมด ไปทำอย่างอื่นแทน นี้คือสิ่งแรกที่จะต้องเตรียมตัว ไม่อย่างนั้นไม่จบ จะต้องไตร่ตรองจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้ดี ไม่ใช่ทำไม่ได้สักอัน โครงการเมื่อ 2 ปีที่แล้วยังเพิ่งมาทำในปีนี้ อย่างนี้อย่าเสนอมาอีกแล้วกัน ทำได้หรือไม่ หรือผิดหลักการ เดี๋ยวเจ้ากระทรวงจะว่าเอา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้จะมีการปฏิวัติเศรษฐกิจโลกใหม่ ตรงนี้คือสิ่งสำคัญจะต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ เตรียมแก้ปัญหา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวิจัยพัฒนาการผลิตในประเทศ การเพิ่มมูลค่าสินค้า และเตรียมแก้ปัญหาเรื่องสังคมสูงอายุ ค่าใช้จ่ายในเรื่องค่ารักษาพยาบาลต้องนำมาแก้ด้วยการใช้งบประมาณ เราต้องดูแลกันไม่ใช่ต้องเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นก็แลกกันทำงานก็ได้ มันไม่มีความเท่าเทียมบนโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้มีความเท่าเทียมคือใช้กฎหมายเดียวกัน เคารพกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ

“ผมพยายามทำให้สิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น แต่ค่อนข้างยาก หลายคนพยายามกดดันว่าใช้มากเกินไป ที่มีอยู่แล้วอันเดิมยังไม่ทำเลย ต่อให้แรงอย่างไรก็ไม่ทำอีก เห็นมั้ยละมันต่อต้านทุกที โน้นไปต่างประเทศไปฟ้องที่โน้น สิทธิมนุษยชนบ้าง ละเมิดละเมิด แล้วมันละเมิดกฎหมายหรือเปล่า กฎหมายเขาตั้งกันวันนี้เหรอ พอมาแล้วออกกฎหมาย เขาวางกันไว้ล่วงหน้าทั้งหมด ฉะนั้นอย่าไปคล้อยตามมากนัก แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของท่าน การเป็นประชาธิปไตย”

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องมีการปรับตัวเอง เตรียมคนสู่อนาคต ตอนนี้เราอยู่ไปก็พัฒนาไปในช่วงชีวิตที่มีอยู่ แต่อีก 20 ปีข้างหน้าที่เขียนไว้ในยุทธศาสตร์ 20 ปี คือสร้างคนรุ่นใหม่ให้รองรับใน 20 ปี ข้างหน้าที่ประเทศไทยจะต้องมีคนเหล่านี้ จบการศึกษาปริญญาตรีที่อายุ 20 อย่างไร ตรงกับความต้องการของประเทศหรือไม่ ส่วนที่อยู่วันนี้ก็ตายกันไปเรื่อยๆ เป็นสัจธรรมของชีวิต ไม่มีใครหลีกหนีความตายได้พ้น เราจะต้องเตรียมตัวทั้งวันนี้แก้ปัญหาในอดีต ทำวันนี้สร้างอนาคต เตรียมความพร้อมลดความเสี่ยงที่ประเทศจะต้องได้รับทั้งคน และเทคโนโลยี ทั้งสิ่งใหม่ๆ ที่จะเติบโตตามบนโลกใบนี้ ข้อสำคัญคือเราพร้อมรองรับเทคโนโลยีสิ่งเหล่านั้นหรือยัง ถ้าเราไม่ทำเองวันหน้าจะเอาเงินที่ไหนไปใช้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 หรือรถไฟขบวนที่ 12 ถ้าหลังขบวนที่ 12 แล้วก็จะสายเกินไป ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ไป เราจะต้องทำให้สังคมเราเข้มแข็ง ผู้ชายจะต้องเข้มแข็งกล่าวผู้หญิง โลกมันกลับกันแล้ว วันนี้ในประเทศใหญ่ๆ มีประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีผู้หญิงมากขึ้น แม้กระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่ยังบอกเลยว่าน่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชายระวังถูกแย่งงานไปหมด เพราะผู้หญิงมีความอดทนอดกลั้น บางคนก็ทนไม่ไหว ใจร้อนทั้งคู่อยู่กันลำบาก ทุกคนจะต้องผ่อนปรนเข้าหากัน นี่ก็ปรองดอง ถ้าในครอบครัวมีจิตใจที่อยากปรองดองเกิดขึ้นมันก็จบ ทุกเรื่องก็จบ ถ้าทุกคนยังเอาชนะกันอยู่ก็เป็นไปไม่ได้

“ถ้าทุกคนยังเล่นงานผมอยู่ ผมก็ยอมไม่ได้ เพราะผมทำให้สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่รบกวนจิตใจของผม มันทำให้งานของผมที่กำลังทำกับท่านมันช้าลง มันเสียสมอง เสียความคิด เสียสติปัญญา ช่วยกันคิดแล้วกันว่าจะทำอย่างไรให้มันเร็วขึ้นในทุกเรื่องที่เคยพูดไป ฉะนั้นวันนี้เราต้องแก้ไขความผิดพลาด เดินหน้าประเทศในปัจจุบันเพื่อไปสร้างประวัติศาสตร์ ในอนาคตให้แก่ลูกหลาน วันหน้าเราก็จะมานั่งภูมิใจ ตายไปแล้วคนก็พูดถึง เคยฟังเพลงไหม “คนดีไม่มีวันตาย” ทำไปเถอะไม่มีตายหรอก มันต้องใช้เวลาแก้ไขอุปสรรคให้ได้” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องคิดว่าการลงทุนรถไฟนั้น ต้องประมาณการไว้ล่วงหน้าว่าถ้าทำเส้นทางตรงนี้แล้วข้างทางทำอะไรได้บ้าง คิดราคาไว้แล้วเมื่อเจรจาก็ชักตรงนี้ออกมาได้เลย เพราะเป็นเรื่องของการร่วมทุน แต่ไม่ใช่สัมปทาน เราไม่สามารถให้สัมปทานใครได้เราไม่ทำ ฉะนั้นจึงได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุนให้ทันสมัย ไม่ใช่ค้านทุกเรื่อง มันไปไม่ได้ ส่วนการคุยเจรจากับต่างประเทศนั้นต้องคุยให้จบว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่ไปจ๊ะจ๋าเสร็จแล้วกลับมาเช็คแฮนด์มันไม่ใช่ ต้องสร้างความเข้าใจว่าอะไรที่มันเกิดไม่เกิด หรือที่จะต้องทำให้เกิด ได้ประโยชน์ในอนาคต ต้องอธิบายให้เชื่อมโยงแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาหมด เริ่มต้นก็ถูกมองทุจริตต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง

“วันนี้มันสร้างความขัดแย้งทุกเรื่อง ทุกคนจะบริหารจัดการกันเองหมดแล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร เช่นปัญหาเรื่องพลังงานทดแทน ทุกคนอยากจะได้อยากจะลด แต่ลืมไปว่าต้นทุนการสร้างสิ่งเหล่านี้สูง ไม่เสถียร เป็นพลังงานหลักประเทศไม่ได้ มันต้องพึ่งน้ำมันหรืออะไรสักอย่างที่ต้นทุนถูกที่สุด นอกจากนี้ต้องไปดูด้วยว่ามันสร้างความเสียหายยังไงให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเหมืองทอง ไปหาคนมาชี้แจง ถ้าเป็นรัฐบาลหรือกระทรวง มันไม่เคยเชื่อ เป็นเรื่องจริงก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าใครก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าราชการ และโกหกกลับเชื่อ ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นต้องแก้ไข ประเทศต้องมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งตนมีค่อนข้างน้อยลงเรื่อยๆ”

นายกฯ กล่าวว่า ในปีนี้ คสช.ต้องมีการปฏิรูปให้จบในเรื่องที่ทำได้ก่อน และเดินตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี และประเมินผลทุก 5 ปี ที่ผ่านมาเหมือนเดินหน้าสะเปะสะปะไปเรื่อยแผนสภาพัฒนฯ 11 แผนแล้วตนอ่านตั้งแต่แผน 1 ถึง 8 มันน่าจะเจริญกว่านี้ เพราะเราไม่เคยมีการประเมินล่วงหน้า ตรงนี้จึงไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ว่าจะทำอย่างไรให้มีเวลาเปลี่ยนผ่านพัฒนาประเทศให้เข้มแข็ง แต่ถ้าต้องการเสรีทุกอย่างเคยทำอะไรได้ ก็ทำได้อย่างนั้น แบบนี้อย่าไปหวังอะไรเลย ไม่ต้องหวังอะไรทั้งสิ้นกลับบ้านนอนดีกว่า ต่างคนต่างนอนแล้วกัน อย่าให้เขามาชักนำบิดเบือนแล้วเราเสียศักดิ์ศรีทุกวัน เพราะทำอะไรไม่ได้

“วันนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว พูดยาวก็ไม่อยากฟัง เสียเวลาดูละคร พูดสั้นก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี วันข้างหน้าหัวหน้าคสช.รำละคร ลิเกเลยไหม หรือเอานางเอกมาด้วย เล่นละครไปเลย วันนี้เราต้องปรับตัวเองต้องมีสาระเข้ามาด้วย จะมีบันเทิงก็ไม่ว่า ไม่เช่นนั้นเราจะพัฒนาตัวเองไม่ทัน ถ้ายังคิดถึงแต่ตัวเองเกิดมาคิดแค่นี้ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เราต้องพัฒนาให้มันดีขึ้นไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ปีนเขาจนเกษียณอายุราชการ จะต้องปรับตัวเองให้เป็นหัวหน้าพวกปีนเขา หน้าที่ของข้าราชการจะต้องมีการพัฒนาใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า และกำหนดผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้คนไทยยังตีกันทุกเรื่องแล้วจะเอาความมั่นคงมาจากตรงไหน เศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไรหากบ้านเมืองไม่สงบ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับความมั่นคงต้องระมัดระวัง และเตรียมพร้อมในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“ที่ผมหงุดหงิดมารายวันเป็นเพราะคำถามเดิมๆ ของสื่อ สองปีมาแล้วตั้งคำถามแบบนี้ บางคนถามไปแล้วก็ตอบไปแล้วก็ย้อนกลับมาถามอีก ผมควรหงุดหงิดหรือไม่ ถ้าท่านฟังคำถามที่ถามผมก็จะรู้ว่าน่าจะหงุดหงิดกว่านี้ด้วยซ้ำ พูดแล้วพูดอีก อะไรที่มันจะขัดแย้งก็ขอลดลงหน่อย แต่ก็จะถามให้ขัดแย้งให้ได้ นี่คือปัญหาของประเทศเราซึ่งผมโทษใครไม่ได้ ต้องโทษพวกเราทุกคนที่ไม่ได้ปลูกฝังหลักการและเหตุผลปลูกฝังแต่เรื่องของประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพอย่างเดียว วันข้างหน้าไม่มีทางจะอยู่กันได้ อย่าไปเปรียบเทียบกับรอบบ้านว่าทำไมเขาทำได้เพราะเขาไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างเดียว และวันนี้แม้ประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ผมยังทำแบบประชาธิปไตยให้มากที่สุด แต่บางอย่างก็ยังใช้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องเอากฎหมายแบบไหนมาใช้ อย่าเคยชินกับความรุนแรง ความขัดแย้งจนหาทางออกให้ประเทศและตัวเองไม่เจอ เพราะมัวแต่ชินอยู่กับความขัดแย้ง เที่ยวปลุกเร้าไปเรื่อย ไม่มีกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญใดในโลกยุติความขัดแย้งได้ เพียงแต่จะทำได้มากน้อยเท่านั้น วันนี้เราต้องดูว่าเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชน นั่นคือกฎหมายที่ดีที่สุดคือประชาชนไม่ทำความผิด ลดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ การกล่าวอ้างต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าทำผิดกฎหมายแล้วไม่ยอมรับก็โทษใครไม่ได้ ทำผิดกฎหมายแล้วหนีไปต่างประเทศไม่ได้ ต้องกลับมา อย่าไปเห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ แค่กฎหมายยังไม่ยอมรับผมไม่รู้จะว่าอย่างไร จะอยู่กันอย่างไร วันนี้ผมคงทำงานได้อย่างสะดวกและสบายใจเพราะได้บ่นมาแล้วกว่าสองชั่วโมง ถ้าวันไหนไม่ได้พูดอะไรออกมาบ้าง ผมอกจะแตก”

“ปัญหาทุกปัญหาที่มีอยู่ต้องเร่งแก้ไข อย่างเรื่องของเด็กแว้น อย่างเช้าวันเดียวกันนี้เปิดดูโทรทัศน์มีคนเสนอว่าคดีข่มขืนให้ประหารชีวิต คดีอะไรที่ร้ายแรงต้องประหารชีวิต นี่คือคนไทยที่มีแต่ความสุดโต่งเหมือนกับการตัดสินของเปาบุ้นจิ้น ประหารอย่างเดียว มันไม่ได้ เพราะกฎหมายมีขั้นตอน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย มันอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายว่าทำได้หรือไม่ได้ จิตสำนึกคนได้หรือไม่ มาตรา 44 ออกมาเพื่ออะไร วันนี้กฎหมายมาตรา 44 ยังไม่ได้ยกเลิก อย่างกรณีทำผิดแล้วยึดรถนั้นยังทำตลอดต่อไปทั้งปี ใช้จนกว่าผมจะพ้นจากตำแหน่ง หรือจนกว่าจะมีการแก้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องยึดทุกอัน ถ้ายึดทั้งหมดเดี๋ยวจะเกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขึ้นมาอีก แต่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ความเป็นธรรมยึดที่ผิดจริงๆ ไอ้พวกที่ขับรถแล้วพาคนไปตาย ยึดไปเลยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปคุยให้รู้เรื่อง ยึดใบขับขี่ด้วย ผมพูดแบบนี้นอกจากด่าตำรวจก็มาด่าผมอีก แต่ที่ต้องทำก็เพี่อการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก คนจะได้ระมัดระวัง แต่ทุกวันนี้ยิ่งออกกฎหมายมายิ่งมีความรุนแรง ไม่รู้จะออกกฎหมายอะไรมาอีก ไม่มีแล้ว เหลือกฎหมายอย่างเดียวคือการสั่งห้ามตาย ซึ่งทำไม่ได้ คนที่เดือดร้อนก็คือคนอย่างพวกเรา ต้องหาจิตสำนึกให้ได้ เด็กแว้นต่างๆ ห้ามตีกันก็ยังตี ไม่รู้จะตีอะไรกันนักหนาห้ามก็ยังตี เดี๋ยวสงสัยต้องย้ายสถาบันการศึกษาไปอยู่นอกเมือง จะไปตีที่ไหนก็ตายไป จะเอาหรือไม่ ถ้ายังไม่เลิกตีกันอีก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯ ลงจากเวที พูดกับผู้ร่วมสัมมนาถึงการแก้ปัญหาต่างๆ ของรัฐบาล โดยเรื่องของการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทำอยู่ แก้ทุกวิถีทาง ถ้าแก้ไม่ได้คงให้ ผบ.ทร.ไปลอยคอในทะเลแล้ว นอกจากนี้ ระหว่างนั้นนายกฯ ได้ทักทายอธิบดีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มาร่วมสัมมนาว่า “รู้จักกัน ช่วยน้ำท่วมมาด้วยกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณ และอย่าเบื่อกัน แต่ถ้าเบื่อก็อยากบอกแล้วกัน ขอร้องด้วยใจ จากผมเอง” จากนั้นนายกฯ ได้พูดถึงการปัญหาลอตเตอรี่ว่า “ไม่รู้จะแก้อย่างไรแล้ว มีการขอเพิ่มยอด ผมไม่เพิ่ม เพราะหากเพิ่มก็ยิ่งทำให้คนเข้าในกิจการค้าขายแบบนี้มากขึ้น คนไทยชอบอะไรที่ง่ายๆ ก็เอาหมด เราต้องการจะลดลง แล้วเราโควตากลางไปขายรวม เพื่อให้คนที่ไม่พอ แต่ปรากฏว่าพอลดราคาก็มีการแข่งขันกันใหญ่ สักวันจะดัดหลังซักที”

“มันต้องสอนให้คน ถ้าสอนคนไม่ได้ ก็แก้อะไรไม่ได้เลยในโลกนี้ เขาบอกว่ากรุงโรมสร้างไม่ได้ในวันเดียว ประเทศไทยก็ยากกว่ากรุงโรมอีก สร้างประชาธิปไตยมา 83 ปี ยังสร้างไม่เสร็จเสียที” นายกฯ กล่าว

จากนั้น นายกฯ ได้ถามหาโทรศัพท์จากทีมรักษาความปลอดภัย พร้อมเปิดแอปพลิเคชันและภาพอินโฟกราฟิกของรัฐบาลประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล พร้อมยกโชว์ให้ผู้ร่วมสัมมนาได้ดู พร้อมกับกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องมองว่าผมขี้โมโห ตอนเช้าตื่นออกจากบ้าน ทส.ก็โดนหมดแล้ว แต่ผมก็ต้องอดทน และพยายามจะเป็นคนดีบ้าง ผมถามว่าเปิดดูแอปพลิเคชันของผมหรือไม่ ดูอินโฟกราฟิกหรือยัง เห็นหรือยังที่เขาส่งมา ก็มีคนตอบว่าเห็นแล้ว พอถามกลับไปก็ตอบกลับมาว่าไม่รู้ส่งมาทำไม รกโทรศัพท์ ตรงนี้ผมควรโมโหไหม เพราะที่ส่งไปเพื่อทำความเข้าใจ ให้คนรู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ไม่อย่างนั้นก็วนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ” จากนั้นนายกฯ ได้ถามผู้ร่วมสัมมนาว่าเห็นหรือยัง ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาส่ายหัว ทำให้นายกฯ กล่าวแบบประชดว่า “อ้าวยังไม่เห็นอีก เดี๋ยวเถอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปผมว่าทำอะไรไปบ้าง นโยบายรัฐบาลเป็นอย่างไร กระทรวงที่ไปดำเนินการต่อได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกลุ่มงานรองนายกฯ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ ได้เปิดเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” จากโทรศัพท์และเอาไมโครโฟนไปจ่อที่ลำโพงโทรศัพท์ พร้อมกับพูดว่า “ไปฟังกันนะ” จากนั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องสัมมนา นายกฯ ยังได้ยกมือขึ้นพร้อมกับตะโกนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คนดีไม่มีวันตาย” ขณะเดียวกัน ระหว่างที่เดินกลับไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ว่านายกฯ อารมณ์ดีหรือยัง หายโกรธหรือยัง โดยนายกฯ ไม่ได้ตอบ โบกมือให้กับผู้สื่อข่าว พร้อมเอามือปิดปาก เดินทางขึ้นรถกลับทำเนียบรัฐบาล

























กำลังโหลดความคิดเห็น