“ประวิตร” ย้ำเหตุออก กม.ประชามติ เพื่อไม่ให้ใครชี้นำ ให้ จนท.ดู นปช.-กปปส.แถลงผิดหรือไม่ ขออย่าออกสื่อ โต้กลุ่ม “หญิงหน่อย-กษิต” ยันไม่เปิดช่องจ้อ รธน. ห้ามโฆษณาผ่านสื่อ เชื่อไม่ขัดแย้ง ย้อนไม่มีชาติไหนให้ต่างชาติมาดูประชามติ ให้รอเลือกตั้ง ปัดเป็นการประลองสองขั้วการเมือง เผย กรธ.ไม่ชี้นำแค่ต้องแจงเจตนาร่างฯ ปัด “เทือก” แถลงช่วย
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่ท่าอากาศยานกองบิน 6 อาคาร 2 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงข่าว รับและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า นี่เป็นสาเหตุที่ต้องมีการออกกฎหมายเพื่อไม่ให้มีใครชี้นำ คนชอบก็ว่าชอบ คนไม่ชอบก็ว่าไม่ชอบ ก็แล้วแต่คนละคน แต่เราไม่ให้มีการโฆษณา หรือยกป้ายสนับสนุน ไม่สนับสนุน เพราจะไม่จบสิ้น ปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจ เพราะมีทั้งกรรมาธิการร่าง (กรธ.) ที่จะต้องชี้แจงถึงเจตนาในการร่างส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะออกมา อธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการลงประชามติ
เมื่อถามว่า การแถลงข่าวของ กปปส.และ นปช.ผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่เขาไปดู เพราะทำอย่างนี้ไม่ได้ กฎหมายออกมาแล้ว ขอให้หยุดเสียที อยากชอบก็ชอบไป แต่ไปคุยกันในบ้านส่วนตัวไม่ต้องออกมา สื่อเองก็เหมือนกันก็ไม่ต้องไปถามแล้ว จบแล้ว ถามอยู่นั่นแหละกับคนแค่ 2 คน คนชอบก็ชอบ คนไม่ชอบก็ไม่ชอบ ถามไปก็ได้คำตอบแบบนี้ทุกครั้ง เป็นประเด็นตลอด คิดว่าสื่อเองไม่ต้องไปถามแล้ว พอ
เมื่อถามว่า ถือเป็นสองกลุ่มสำคัญที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นั่นแหละ แบบนี้ชอบกันไหม บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ชอบทำให้เป็นประเด็น ปล่อยให้ประชาชนมีเสรีบ้าง ไปชี้นำอยู่เรื่อย ไม่จบไม่สิ้น เมื่อถามว่า มีกลุ่มพลเมือง 100 ชื่อ เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายกษิต ภิรมย์ แถลงการณ์ขอให้ คสช.เปิดช่องแสดงความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ กฎหมายออกมาแล้ว ไม่เข้าใจหรืออย่างไร บ้านเมืองอยู่ได้ด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่เป็นสาเหตุทำให้สถานการณ์บ้านเมืองอึมครึม
“ผมมองว่าไม่ให้แสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญดีแล้ว เพราะเห็นชัดเจนว่ามีสองค่าย ถ้าจะพูดก็ไปพูดกันในกลุ่มของตัวเอง ไม่ให้โฆษณา ผมไม่ได้ห้ามหรือเอาพลาสเตอร์ปิดปากใครทั้งหมด แต่ไม่ให้ออกมาโฆษณา ไม่ให้ลงสื่อโฆษณา” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่ นปช.เรียกร้องให้ยูเอ็น และอียูเข้ามาสังเกตการณ์ในวันลงประชามติว่า เรื่องของ กกต.ไปเรียกร้องอะไร คงไม่มีประเทศไหนที่เรียกร้องให้มาดูการลงประชามติ หากเกี่ยวการเลือกตั้ง แบบนี้ได้ โดยหลักการแล้วไม่ต้องเชิญมา รอเลือกตั้งดีกว่าเชิญมาดู ใครซื้อเสียง การลงประชามติคงไม่เกี่ยว พร้อมยืนยันว่าการลงประชามติเกิดขึ้นแน่นอน เพราะกฎหมายออกแล้ว ยกเว้นตีกันจนลงประชามติไม่ได้ แบบนี้จะไปกันอย่างไร ออกแถลงทุกวันๆ แบบนี้ ถามว่าจะไปกันอย่างไร คนนั้นดี ไม่ดี
เมื่อถามว่า การลงประชามติครั้งนี้เป็นการประลองระหว่างสองขั้วการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เกี่ยว และคงไม่ใช่การประลองอะไร มีแต่คนคิดอย่างไร ประชาชนคิดอย่างไร และตัวเองเป็นพรรคการเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะคุมเสียงของตัวเองได้หมด อย่าไปคิดเอาเอง ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีใครออกมาแสดงพลังอะไรทั้งนั้น ขณะนี้ก็ใกล้ถึงเวลาการลงประชามติแล้ว
เมื่อถามว่า ในมาตรา 61ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ จำกัดความคิดเห็นมากเกินหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เห็นแล้วว่าข้อห้ามต่างๆ จะทำให้ไม่เกิดประเด็นขึ้นมาและกลายเป็นความขัดแย้งในสังคม เขาจึงออกกฎหมาย ถ้าทำแล้วมีความขัดแย้งก็คงไม่ออกกฎหมาย มั่นใจว่ากฎหมายจะไม่สร้างความขัดแย้ง ข้อห้ามทั้งหมดก็ใช้กับทุกคน ถ้าห้ามคนโน้นไม่ห้ามคนนี้ นี่คือเป็นการสร้างความขัดแย้ง
เมื่อถามว่า การที่ กกต.และ กรธ.ออกไปชี้แจงประชาชนเป็นการชี้นำฝ่ายเดียวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ชี้นำ เพราะ กรธ.จะชี้แจงว่า เจตนาการร่าง รธน.เป็นอย่างไร ไม่ได้ชี้นำ และเรื่องนี้ก็ไม่มีฝ่ายไหนทั้งนั้น ถือเป็นฝ่ายประชาชนทั้งหมด ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายสุเทพออกมาแถลงข่าวต้องการช่วย คสช. นั้นคงไม่เกี่ยว ทาง กปปส.จะรู้ได้อย่างไรว่าใครคิดอย่างไร เพราะ คสช.ไม่ได้ไปร่างรัฐธรรมนูญ