“สุวพันธุ์” ไม่คิดว่าจะเกิดศึกสงฆ์ในประเทศหลังเครือข่ายพระสังฆาธิการฯ เคลื่อนไหวล่าชื่อปลด “พระพุทธะอิสระ” ยันเดินหน้าหารือพระชั้นผู้ใหญ่ในการปฏิรูป ส่วนโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มี 2 พันกว่ากองทุน เข้าเกณฑ์มีประโยชน์ เร่งตรวจละเอียดก่อนอนุมัติ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายพระสังฆาธิการแห่งคณะสงฆ์ไทย ออกหนังสือเรื่องนิมนต์พระสงฆ์ทั่วประเทศลงรายชื่อปลดพระพุทธอิสระว่า ตนทราบคร่าวๆ ซึ่งเป็นเรื่องคณะสงฆ์หากเป็นการทำผิดพระธรรมวินัย รัฐบาลจะไปเกี่ยวกับพระธรรมวินัยไม่ได้ ปล่อยให้คณะสงฆ์ทำไป โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฝ่ายเลขาธิการมหาเถรสมาคมก็ต้องไปช่วยทำงานกับคณะสงฆ์ ในส่วนของรัฐบาลได้มอบนโยบายและแนวทางไปแล้ว ส่วนข้อกังวลว่าจะกลายเป็นปัญหาศึกสงฆ์ในประเทศหรือไม่นั้น ตนเองคิดว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น
ส่วนความคืบหน้าของการเดินสายไปกราบนมัสการหารือกับพระผู้ใหญ่เป็นอย่างไรบ้างนั้น นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ตนได้ไปกราบนมัสการอยู่ตลอด คุยเรื่องการปฏิรูป การทำงาน 6 ด้านของคณะสงฆ์ เพราะอยู่ในกระบวนการการปรับปรุงการทำงานคณะสงฆ์ และการปฏิรูปด้วย หวังว่างานส่วนนี้จะทำให้การทำงานของคระสงฆ์แต่ละเรื่องทั้งเรื่องการเผยแผ่ การปกครอง ศาสนสงเคราะห์ การศึกษาสงเคราะห์ จะเดินไปได้ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ไม่มีการพูดถึง และไม่มีการสอถามใดๆ แต่เราพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ในการเดินหน้าปฏิรูป ปรับปรุงพระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น และทุกอย่างตอนนี้สถานะอยู่ที่เดิม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินงานโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐว่า ขณะนี้มีการเสนอโครงการมาแล้ว 4,000 กองทุน ขณะนี้มี 2,056 กองทุน ที่เป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ อาทิ โครงการลานตากพืชผลทางการเกษตร การทำปุ๋ย ที่ผ่านหลักเกณฑ์ ตามที่กำหนดไว้ซึ่งจะได้รับเงินกองทุนละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 1,017 ล้านบาทเศษ ซึ่งจะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่ากองทุนเหล่านี้สมควรได้รับเงินอนุมัติหรือไม่ จึงจะโอนเงินเข้าไป โดยในวันนี้ มีการเร่งรัดการดำเนินงานในการพิจารณาอนุมัติเงินให้กับกองทุนต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งไปได้โดยเร็วที่สุด เราต้องการให้เงินทั้งหมดไปถึงประชาชนอย่างครบถ้วน ต้องไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการจากใครก็แล้วแต่
ส่วนกองทุนที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติจะทยอยพิจารณาในทุกๆสองสัปดาห์ และตนวางแผนจะพบประธานกองทุน ก่อนช่วงสงกรานต์ที่จะถึง เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเร่งรัดโครงการ และให้เงินถึงประชาชนอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม การปล่อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย 2 ปี วงเงิน 6 หมื่นล้านบาทให้กับกองทุนหมู่บ้าน ที่มีการประเมินในระดับเอ และบี ขณะนี้มีเงินเหลืออยู่ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ก็จะพิจารณาให้แก่กองทุนระดับซีและดี ซึ่งพัฒนามาอยู่ในเกณฑ์เอ และบีด้วย