รอง หน.ปชป.รอดูร่างสมบูรณ์ร ธน.ปรับตามข้อเรียกร้อง ปชช.แค่ไหน หวังไม่มีใบสั่ง แนะปรับ 5 ประเด็น เสรีภาพ ระบบตรวจสอบ กลไกป้องกันใช้อำนาจ ดุลยภาพฝ่ายบริหาร วางรากฐานปฏิรูป ยกจุดเด่นร่างนี้ป้องกันโกง ปลุกทุกภาคส่วนเกาะติดเนื้อหา รธน.เพื่อใช้ตัดสินใจประชามติ ใช้เหตุผล ชี้ไม่ใช่การแข่งขัน ควรชนะร่วมกันชาติเดินหน้า
วันนี้ (27 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จะเสร็จเรียบร้อย และส่งมอบให้รัฐบาลในวันที่ 29 มี.ค.นี้ว่า คงต้องติดตามดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ว่า จะมีการปรับปรุงแก้ไข เพิ่มเติมตัดทอนอะไรมากน้อยแค่ไหนจากร่างเดิม โดยเฉพาะบทเฉพาะกาล เนื่องจากยังมีแนวคิดจาก สปท.บางคนที่ต้องการให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ ให้มีสิทธิลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ บางส่วนก็ยังมีความประสงค์ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ ตนหวังว่าจะไม่มีใบสั่งส่งมาในวันสุดท้ายก่อนจะส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้รัฐบาล ส่วนในบทบาทถาวรนั้นคงต้องติดตามดูเช่นกันว่าได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเรียกร้องของประชาชนมากน้อยแค่ไหนในเนื้อหาสาระสำคัญ หรือแก้ไขเพียงถ้อยคำเล็กๆ น้อยๆ
นายองอาจ กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามดูอย่างรอบคอบว่าปรับปรุงแก้ไขมากน้อยแค่ไหน มีอยู่ 5 ประเด็นสำคัญคือ
1.เรื่องสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ครอบคลุมทุกบริบทหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร
2.ระบบตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติบัญญัติเข้มขึ้นเพียงพอที่จะยับยั้งการกระทำที่มิชอบของฝ่ายบริหารหรือไม่
3.การออกแบกลไกป้องกันการใช้อำนาจ หน้าที่โดยมิชอบ และการแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง และพวกพ้องของฝ่ายบริหาร
4.การสร้างดุลยภาพของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ องค์กรอิสระ และศาลเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่
5.วางรากฐานการปฏิรูปเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงจังมากน้อยแค่ไหน อย่างไร
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนจุดเด่นของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน การกลั่นกรองการเข้าสู่อำนาจอย่างเข้มข้น การใช้อำนาจเพื่อทุจริตลำบากมากขึ้น รวมทั้งการตรวจสอบอำนาจจากหลายรูปแบบ ผ่านองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมต่างๆ มีการเพิ่มเติมอะไรเข้มขั้นขึ้นหรือไม่
“อยากให้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนติดตามเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งในบทถาวร และบทเฉพาะกาลว่าปรับปรุงแก้ไข พื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือเพื่อประโยชน์ของบุคคล คณะบุคคล ดบุคคลหนึ่ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการออกเสียงประชามติได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์เผยแพร่ถึงมือประชาชนเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะได้พิจารณากันว่า จะออกเสียงประชามติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ซึ่งแน่นอนที่สุดการออกเสียงประชามติย่อมมีผู้เห็นชอบ และไม่เห็นชอบแตกต่างกันออกไป จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผล เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และพึงตระหนักร่วมกันว่า ผลการออกเสียงประชามติไม่ว่าจะออกมาเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ต้องมีแพ้ชนะ
“เราไม่ควรมีผู้แพ้ หรือผู้ชนะจากการออกเสียงประชามติ แต่เราคนไทยควรเป็นผู้ชนะร่วมกันที่ช่วยกันทำให้ ระเทศชาติเดินหน้าต่อไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่เราร่วมกันได้ในที่สุด” นายองอาจ กล่าว