นายกฯ พา ครม. เดินตลาดคลองผดุงฯ บอกประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ปชต. ต้องทำให้คนรักกัน ย้ ำไม่ต้องการใช้อำนาจ เพราะเป็นของ ปชช. โฆษก รบ. เผย ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ประชามติ ชี้ “วิษณุ” แจง กรธ. ไม่ร่วมถกแม่น้ำ 4 สายหวั่นถูกผูกมัดเพราะเขียน รธน. ปัดงอน ยัน ไม่สืบทอดอำนาจโดยการให้ รธน. ไม่ผ่าน รับตัดเสนอชื่อ 3 นายกฯกันไม่ให้เกิดทางตัน วอน ปชช. ร่วมกิจกรรมประหยัดไฟ
วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. ที่หน้าตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม และ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ขึ้นรถบัสพลังงานไฟฟ้า ไปยังตลาดริมคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อเดินเยี่ยมชมร้านจำหน่ายสินค้าในงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” ซึ่งกระทรวงพลังงาน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 - 27 มี.ค.
โดยนายกฯ พร้อมคณะได้เดินชมบูธ เกือบทุกบูธ จนมาถึงบริเวณที่เจ้าหน้าที่จัดงาน ได้จัดให้มีการมอบของ ซึ่งนายกฯได้หยิบเข็มกลัดสีเงินรูปแผนที่ประเทศไทย ผลิตขึ้นโดยปราศจากตะกั่ว เป็นงานวิจัยและนวัตกรรมจากนอกห้องเรียน ซึ่งชี้ไปที่เข็ดกลัด พร้อมกับกล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้ เหนือ ตก ออก ใต้ ก็เป็นประเทศไทย ประชาธิปไตยต้องไม่ทำให้คนทะเลาะกัน แต่ต้องทำให้คนรักกัน”
จากนั้น นายกฯ เดินมาที่บูธเครื่องสำอางที่ผลิตจากทานาคา และได้หยิบแป้งทานาคาส่งให้ พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับกล่าวว่า ต่อไปนี้ให้ใช้เครื่องสำอางของไทย ไม่ต้องไปใช้เครื่องสำอางจากประเทศเกาหลีแล้ว ต่อมานายกฯและคณะได้เดินมาที่บูธ โรงเรียนศรีแสงธรรม ซึ่งก่อตั้งพระครูวิมลปัญญาคุณ ทั้งนี้ โรงเรียนดังกล่าวได้จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ โดยนายกฯได้พูดคุย และสอบถาม พระครู ว่าเรียนจบชั้นอะไร โดยพระครูตอบกลับไปว่า เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นายกฯแสดงอาการตกใจ และกล่าวว่า “พระคุณท่านเก่งมาก พวกที่จบปริญญาตรี ปริญญาโทให้ดูพระครูเป็นตัวอย่าง”
ภายหลังเดินชมทุกบูธเสร็จสิ้น นายกฯและคณะได้ร่วมกันถ่ายรูปบริเวณปากทางเข้างานตลาดคลองผดุงฯ ขณะนั้นได้มีผู้หญิงวัยชรามาขอกอดนายกฯ พร้อมกับให้กำลังใจ ซึ่งนายกฯกล่าวว่า “ทำทุกอย่างเพื่อให้กับประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผมไม่ได้อะไรจากป้าหรอก แต่ป้าจะต้องได้อะไรจากผม” ทั้งนี้ ก่อนที่นายกฯจะขึ้นรถ ได้หันมากล่าวกับบรรดารัฐมนตรีที่มาร่วมงาน ว่า อยากให้ช่วยกันสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง ผมไม่ต้องการที่จะใช้อำนาจกับใคร เพราะอำนาจเป็นของประชาชน”
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ..ที่ กกต. เสนอมา โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ อาทิ มาตรา 10 เรื่องการจัดเวทีเสวนาแสดงความคิดเห็นที่ กกต. จะเป็นผู้รับผิดชอบจัดเวที คนอื่นจัดได้แต่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ถ้าจะให้ดีควรเข้าร่วมเวทีที่ กกต. จัดดีกว่า มาตรา 62 เรื่องฐานความผิดต่าง ๆ เช่น ฉีกบัตร ปลุกระดมล้มประชามติ และ 7 วันสุดท้ายก่อนทำประชามติต้องห้ามทำโพล และเปิดเผยผลโพล ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดให้ลงประชามติวันที่ 7ส.ค. ฉะนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ต้องห้ามทำและเปิดเผยผลโพล
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมนายกฯมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เล่าเรื่องการประชุมแม่น้ำ 4 สาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ ครม. ฟัง สาเหตุที่ไม่มี กรธ. เข้าร่วมเนื่องจาก กรธ. เป็นผู้ที่ต้องนำความเห็นไปเขียนเป็นร่างรัฐธรรมนูญอยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติ การจะมาร่วมประชุมด้วยเกรงว่าจะเป็นการร่วมหัวจมท้ายกันตั้งแต่ต้น มีบางเสียงที่บอกงอนไม่มาประชุมคงไม่ใช่ ส่วนเรื่องที่เสนอให้ กรธ. ก็เป็นมติของแม่น้ำทั้ง 4 สาย ไม่ได้เป็นคำสั่งนายกฯ หรือหัวหน้า คสช. โดยเสนอ 3 ประเด็นหลักที่สำคัญ คือ 1. เสนอในบทเฉพาะกาลเพื่อแก้ปัญหากรณีเกิดทางตันแบบในอดีตกลับมาอีก จึงต้องมีแนวทางป้องกันทางตันและเพื่อไม่ให้เสียง ส.ส. ในสภาตกลงกันทำเรื่องที่ขัดความรู้สึกของสังคม เช่น การออกกฎหมายนิรโทษกรรม เป็นต้น จึงเสนอให้มี ส.ว. มาจากการคัดสรรของคณะกรรมการสรรหา 250 คน วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี ไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ มีหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ถ้าสภาจะร่วมกันแก้ไขในเรื่องที่สังคมไม่เห็นด้วย จะได้มีผู้ถ่วงดุล และทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติให้เดินไปตามเป้าหมาย ดังนั้น คงจะพอเป็นสิ่งที่ประชาชนมั่นใจว่าไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจ และที่ยืนยันว่า ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ คือ การให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปผ่านประชามติ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า 2. การเลือกตั้ง ส.ส. สมัยแรกเท่านั้น ควรใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ แยกแบบแบ่งเขต กับบัญชีรายชื่อ เพื่อให้พรรคเล็กที่ไม่สามารถส่งผู้สมัครลงทุกเขตมีโอกาสได้รับการพิจารณาจากประชาชน 3. การเลือกตั้งครั้งแรกพรรคการเมืองไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯ 3 คน อย่างที่ กรธ. เคยเสนอ ป้องกันไม่ให้เกิดทางตัน เพราะได้มีการวิเคราะห์กันหลายมุมมอง ถ้าทุกพรรคเสนอชื่อนายกฯ 3 คน แน่นอนว่า จะเสนอคนในพรรคซึ่งไม่ได้หมายความว่าสภาจะพิจารณากันเฉพาะพรรคที่ได้เสียงข้างมาก สมมติ 10 พรรค ก็ 30 คน บางครั้งอาจไม่สามารถหาข้อยุติได้ ฉะนั้น จะเอาคนนอกมาก็ไม่ได้ เพราะมีการเสนอชื่อไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ฉะนั้น จึงเป็นการป้องไม่ให้เกิดทางตัน จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต
ส่วน พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกฯได้เน้นย้ำว่า ทุก ๆ วัน เราจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยปีนี้กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่าจะมีการใช้ไฟฟ้า 29,000 เมกะวัตต์ จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันประหยัดไฟฟ้าที่จะมีกิจกรรม 2 กิจกรรม คือ วันที่ 19 มี.ค. ขอให้ร่วมปิดไฟหลอดที่ไม่จำเป็น 1 ชั่วโมง ช่วงเวลา 20.30 - 21.30 น. เป็นกิจกรรมของ กทม. ร่วมกับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก และกิจกรรมของกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 20 มี.ค.- 20 พ.ค. ช่วงเวลา 14.00 - 15.00 น.ขอให้ ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ซึ่ง ปิดคือหลอดที่ไม่จำเป็น ปรับคือ ปรับแอร์จาก 25 องศา เป็น 26 องศา ปลดคือ ปลดปลั๊กที่ไม่ใช้ และเปลี่ยนคือ เปลี่ยนเป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน