“สถาบันพระปกเกล้า” จัดเสวนาปรองดอง เลขาฯ แนะต้องสร้างบรรยากาศ มอง รธน.วางดุลอำนาจสมดุลรากฐานปรองดอง “คณิต” ชี้ไม่ใช่ กม.ไม่ดี แต่คนรู้ กม.ไม่พอปฏิบัติไม่ถูกต้อง จี้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นสงบยากปรองดองเลิกพูด แต่ไม่ใช่ขยายปีกอำนาจ ผอ.ศปป. แนะใช้ใจสร้างปรองดอง มองขัดแย้งไม่ได้เดิดจากการเมืองอย่างเดียว ควรเข้าใจอภัยกัน เชื่อ รธน.นำสู่ปรองดอง
วันนี้ (10 มี.ค.) สถาบันพระปกเกล้าจัดงานสัมมนาวิชาการ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับการปฏิรูปประเทศ” ครั้งที่ 3 เรื่องความปรองดอง โดยนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า จากการศึกษาความขัดแย้งในหลายประเทศเราพบว่าการแก้ไขความขัดแย้งต้องอาศัยความเข้าใจร่วมหรือความเห็นร่วมกันซึ่งไม่ใช่ให้ทุกฝ่ายเห็นเหมือนกันทั้งหมด แต่ต้องหาจุดที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกัน นอกจากนั้นจะต้องมีกระบวนการหาความจริงของเหตุการณ์ที่จะทำให้ทุกฝ่ายศรัทธาและเชื่อถือซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ และในที่สุดต้องมีกระบวนการลงโทษและการให้อภัย โดยกลไกที่จะตอบโจทย์เรื่องการปฏิรูปตนจึงคิดว่าเป็นการสร้างความยุติธรรมที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา โดยมีข้อเสนอว่าจะต้องมีการสร้างบรรยากาศความปรองดอง งดการเคลื่อนไหวมวลชน งดการทำให้เกิดความหวาดระแวงของกลุ่มต่างๆ หากไม่สร้างบรรยากาศเหล่านี้ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ยาก ทั้งนี้มองว่าการแก้ปัญหาระยะยาวจะต้องร่วมกันออกแบบภาพอนาคตของประเทศร่วมกัน และปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญที่ดี มีการวางดุลอำนาจที่สมดุลจะเป็นรากฐานไปสู่การสร้างความปรองดองได้ ขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจจะต้องใช้อำนาจโดยยึดหลักนิติธรรม โดยกระบวนการปรองดองต้องค่อยเป็นค่อยไป รีบร้อนไม่ได้
ขณะที่นายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากระบวนการยุติธรรมของเราไม่เป็นโล้เป็นพายพอสมควร ไม่ใช่ว่ากฎหมายไม่ดี แต่คนของเรามีความรู้ด้านกฎหมายไม่เพียงพอ ที่ผ่านมามีความพยายามปฏิรูปการเมืองแต่กลับไม่มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ทั้งที่กระบวนการยุติธรรมของเราเป็นปัญหา ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้ทำข้อเสนอผ่านการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ให้มีการปฏิรูปศาล แต่เมื่อเสนอไปก็ไม่มีการตอบรับ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ทำการปฏิรูปศาล หรือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนก็ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมมอบให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะคิดว่าถ้าเราไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ความสงบเรียบร้อยในประเทศก็เกิดยาก และหากไม่มีความสงบการสร้างความปรองดองก็เลิกพูดได้เลย ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของคนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องในหลายๆ เรื่อง ทั้งการทำงานของศาลสูงที่ควรจะเป็นระบบพิจารณาข้อกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต้องไม่ใช่การขยายปีก เพราะเท่าที่ตนติดตามยังเป็นการสร้างองค์กร ขยายปีกอำนาจ ทั้งที่การปฏิรูปในบางเรื่องก็เป็นการจำกัดอำนาจ
ด้าน พล.ท.บุญธรรม โอริส ผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กล่าวว่า การสร้างความปรองดองต้องใช้ใจ โดยมีข้อเสนอว่าจะต้องสร้างค่านิยม สร้างความสามัคคี ปลูกจิตสำนึกการเสียสละเพื่อส่วนรวม สร้างการมีส่วนร่วมกิจกรรมสังคมการเมือง สร้างวัฒนธรรมการอยู่ร่วมในความแตกต่าง สร้างต้นแบบผู้นำและจัดให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้งนี้ความขัดแย้งที่ผ่านมาได้ไม่เกิดขึ้นจากทางการเมืองอย่างเดียว เพราะมีการส่งผลกระทบไปได้กับทุกเรื่อง ต่อไปนี้ไม่ว่ามีเรื่องอะไรขึ้นมาก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้น ทั้งนี้หากแต่ละฝ่ายควรมีความเข้าใจซึ่งกันและกันและให้อภัยกันความปรองดองก็จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบทบัญญัติหลายข้อในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองในอนาคตได้