เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้แจงกรณีไม่รับคำร้องอดีตเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร ระบุเป็นเรื่องพระร้องพระ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือข้าราชการ จึงไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจ แต่กรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐ อีกทั้งไม่ได้ร้องเรียนมหาเถรสมาคม
วันนี้ (9 มี.ค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับคำร้องของอดีตเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร ที่ถูกคณะสงฆ์มีคำสั่งให้ออกจากวัดไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ จนมีการนำมาเปรียบเทียบกรณีที่มีคำวินิจฉัยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ดำเนินการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ผิดขั้นตอน ว่า กรณีดังกล่าวมีลักษณะเป็นเรื่องพระร้องพระ หมายถึงผู้ถูกร้องก็เป็นพระสงฆ์ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือเป็นข้าราชการตามที่กฎหมายผู้ตรวจการแผ่นดินได้กำหนดไว้
ดังนั้น เมื่อผู้ถูกร้องไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจ ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงไม่สามารถรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้ยุติการวินิจฉัย แต่ก่อนหน้านั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงจนสามารถสรุปได้ตามนี้ เมื่อมีการนำมาเปรียบเทียบกับการเสนอชื่อพระสังฆราชองค์ใหม่ ขอชี้แจงว่าเป็นคนละกรณีกับพระที่ จ.พิจิตร เพราะคำร้องการเสนอชื่อพระสังฆราชองค์ใหม่นั้น ผู้ถูกร้องคือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐทำให้อยู่ในขอบเขตอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน
อีกทั้งในคำร้องก็ร้องเรียนแต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ได้ร้องเรียนมหาเถรสมาคม หากร้องเรียนมหาเถรสมาคม ผู้ตรวจการแผ่นดินก็รับไว้พิจารณาไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในอำนาจ เมื่อคำร้องระบุว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่ได้ดำเนินการเสนอชื่อพระสังฆราชองค์ใหม่ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ตรวจสอบแล้วพบว่าสำนักพุทธฯ ทำผิดขั้นตอนจริง ผู้ตรวจฯ จึงเสนอความเห็นไปยังนายกรัฐมนตรีว่าไปทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ผู้ตรวจฯ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือก้าวล่วงมติของมหาเถรสมาคมแต่อย่างใด ขณะนี้ได้มีการตีความคำวินิจฉัยของผู้ตรวจฯ ผิดไปจากข้อเท็จจริง ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีการล่ารายชื่อ 2 หมื่นคน เพื่อนำมาถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น คงเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ เป็นสิทธิของแต่ละคน ผู้ตรวจฯ ก็แค่ทำตามหน้าที่และให้เหตุผลตามกฎหมาย