xs
xsm
sm
md
lg

คสช.เข้มปราบมาเฟีย มีความชัดเจนถึงจัดการ-ให้ จนท.ใช้ดุลพินิจตาม กม.ชุมนุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
โฆษก คสช.เผยถกปราบผู้มีอิทธิพล เช็กข้อมูลมีความชัดเจน จนท.จึงดำเนินการ ลั่น ขรก.เอี่ยวโดน ต้องดูฐานความผิดว่าใช้ กม.ใด สั่งเข้มดำเนินการทุกพื้นที่ มอบ กกล.รส.ประสาน ตร.ดูละเมิดลิขสิทธิ์ ดูปัญหากระทบนักท่องเที่ยว สั่งหาช่องทางขายสินค้าเกษตรควบคู่สำรวจภัยแล้ง ย้ำชุมนุมอยู่บนพื้นฐานความเดือดร้อนอย่าแฝงการเมือง ให้ จนท.ใช้ดุลพินิจตาม กม.ชุมนุม

วันนี้ (8 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช.ที่มี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.เป็นประธานว่า จากนโยบายของรัฐบาล และ คสช.ที่ต้องการปราบปรามและแก้ปัญหาในเรื่องของกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจัง หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสังคมไทยมานาน ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง อีกทั้งเป็นปัญหาที่เกิดการร้องเรียนเข้ามามากถึงรัฐบาล และ คสช.ผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้ในช่วงนี้จะเห็นเริ่มเห็นภาพการทำงานอย่างจริงจังต่อเรื่องนี้ โดย กกล.รส.)ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในทุกๆ พื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น สำหรับล่าสุดในพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามที่หน่วยในพื้นที่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดให้สังคมได้ทราบไปแล้ว เชื่อว่าในพื้นที่อื่นๆ คงจะเริ่มเห็นผลตามมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ทางผู้บังคับบัญชายังคงมีติดตามการทำงานต่อเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจะเสริมให้การแก้ปัญหาตามนโยบายเกิดผลดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อถามถึงรายละเอียดกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการในพื้นที่ จ.นครปฐม พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ คสช.มีนโยบาย โดยรวบรวมข้อมูลทางด้านการข่าวเป็นหลัก รวมถึงการได้รับเบาะแสมาจากประชาชน จากนั้นได้ไปตรวจสอบทางการข่าวเบื้องต้น และพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ หากมีความชัดเจนแล้วทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าดำเนินการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป รวมทั้งพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นความผิดของกฎหมายใด เช่น ความผิดยาเสพติด หรือมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่มี 4 รายชื่อบุคคลที่ระบุว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ในส่วนของทีมโฆษก คสช.ยังไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจง แต่เข้าใจว่าการทำงานของแต่ละหน่วยในพื้นที่เริ่มต้นจากข้อมูลพื้นฐานด้านการข่าวและมีประชาชนให้เบาะแสทางวาจา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะนำเข้าสู่กระบวนการเพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน เพราะบางครั้งอาจจะเป็นข้อมูลเก่า หรือเป็นข้อมูลใหม่ หรือเป็นข้อมูลที่บิดเบือน จากนั้นจึงจะพิจารณาเพื่อนำไปสู่การดำเนินการขั้นตอนต่อไป

เมื่อถามว่าในส่วนข้อมูลด้านการข่าวมีข้อมูลหรือไม่ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเอง พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการมีอยู่แล้ว เพราะในสังคมเรามีการพูดตลอดว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐอาจมีส่วนรู้เห็นอาจจะทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่กระบวนการพิสูจน์ทราบและนำไปสู่การปฏิบัติ แม้ว่าจะเป็นข้าราชการก็จะต้องถูกดำเนินการอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบก ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำที่ประชุมทุกครั้งในเรื่องของความประพฤติกำลังพล และในช่วงนี้เป็นช่วงการดำเนินงานตามนโยบายปราบปราบผู้มีอิทธิพล หากมีกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้องจริงก็จะต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า คสช.จะใช้กฎหมายใดในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล พ.อ.วินธัยกล่าวว่า การดำเนินการในช่วงแรกต้องดูว่าพฤติกรรมนั้นๆ เข้าข่ายขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ หากกระทบต่อความสงบเรียบร้อยทางเจ้าหน้าทหารจะมีกระบวนการดำเนินการ ส่วนตามกระบวนการยุติธรรมจะมีกฎหมายปกติเข้ามาดำเนินการด้วยซึ่งต้องดูในฐานความผิด เช่น เป็นเรื่องยาเสพติด อาวุธสงคราม หรือการเรียกรับผลประโยชน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนเข้ามามีส่วนร่วมในคดีด้วย

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.กล่าวว่า เลขาธิการ คสช.ได้เน้นย้ำงานดูแลความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดระเบียบสังคมและดูแลให้สุจริตชนสามารถประกอบอาชีพได้อย่างปกติ ไม่ถูกเอาเปรียบหรือถูกบังคับจากผู้ที่กระทำตนเป็นผู้ที่มีอิทธิพลหรือผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย โดยสั่งการให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการต่อผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันให้ตรวจสอบว่ามีข้าราชการในสังกัดหรือไม่ที่มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล โดยให้หน่วยงานนั้นดำเนินการตามกฎหมายทันที

นอกจากนี้ เลขาธิการ คสช.ยังได้มอบให้ กกล.รส.ประสานข้อมูลและการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ เข้าตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังต่อการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในทุกพื้นที่ เป็นการรักษาสิทธิ์ให้กับผู้ที่ประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเกิดผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศในเรื่องดังกล่าวด้วย พร้อมกันนั้น ยังห่วงใยเรื่องการดูแลการท่องเที่ยวที่ยังปรากฎปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบกิจการในหลายด้าน เช่น ที่พัก ร้านค้า ของที่ระลึก รถโดยสาร มัคคุเทศก์ การหลอกลวงหรือสร้างให้เกิดความจำยอมในการใช้บริการและจำหน่ายสินค้า เป็นต้น ได้มอบให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว เข้าไปดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เกิดความเป็นธรรม เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ด้วยมาตรการที่เหมาะสมตามสภาพของแหล่งท่องเที่ยว

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ยังกล่าวว่าที่ประชุมได้เน้นย้ำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ร่วมกันปฏิบัติตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล ในการดูแลประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ปัญหาภัยแล้งทวีความรุนแรงขึ้น แม้ภาครัฐจะเข้าไปขอความร่วมมือเกษตรกรให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จึงขอให้กองทัพภาคเสริมเรื่องการหาตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกร ควบคู่ไปกับการสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนในทุกหมู่บ้าน และให้ขยายผลโครงการหยุดภัยแล้งด้วยแสงอาทิตย์ในทุกพื้นที่ รวมถึงการแจกจ่ายน้ำเพื่อการบริโภคเป็นหลักในพื้นที่ประสบภัยแล้งด้วย

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวอีกว่า บางพื้นที่มีประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ ได้รวมตัวกันเพื่อขอความช่วยเหลือ รวมทั้งต้องการส่งผ่านข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงและรัฐบาล ซึ่ง เลขาธิการ คสช.สั่งการให้ใช้กลไกในระดับพื้นที่ที่มีอยู่ ทั้งศูนย์ดำรงธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัด กกล.รส.ตำรวจ ร่วมกันดูแลและแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ให้ลุล่วง หากเกินอำนาจหน้าที่ให้รวบรวมและส่งข้อเรียกร้องของประชาชนมายังส่วนกลาง เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตามการชุมนุมหรือการเรียกร้องต้องอยู่บนพื้นฐานของความเดือดร้อนอย่างแท้จริง มิได้มีวัตถุประสงค์แอบแฝงทางการเมืองหรือทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งให้เจ้าหน้าที่จะใช้ดุลพินิจอย่างรอบด้านในการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมและให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558


กำลังโหลดความคิดเห็น