xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ขยับลุยเหนือ-อีสาน เช็กเรตติ้งรับศึกใหญ่ปลายปี!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าเป็นอาการที่ “นั่งไม่ติด” ต้องขยับกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน สำหรับฟาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเครือข่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะล่าสุดเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวในลักษณะ “รุกและรับ” ไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเตรียมรับกับศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่กลางปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า คือปี 2560 กันเลยทีเดียว

หากพูดกันให้ตรงๆ งานนี้ก็คือ “เกมการรักษาอำนาจ” การป้องกันอำนาจ และสุดท้ายก็คือ “การประกันความเสี่ยง” ที่เกิดขึ้นหลังจากต้องจำใจลงจากอำนาจในวันหน้า ว่าจะลงอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่มีภัยอะไรมาแผ้วพานในภายหลัง

อย่างไรก็ดี ชนวนเหตุที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า แน่นอนว่า หลายคนกำลังจับตามองไปถึงก็คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เวลานี้กำลังอยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็น แม้ว่าจะไม่อาจแก้ไขในส่วนที่เป็นสาระสำคัญได้แล้ว แต่เมื่อได้เห็นสัญญาณจากฝ่ายอำนาจรัฐ ทั้งฝ่ายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มีความพยายาม “สร้างกลไกพิเศษ” ขึ้นมาบรรจุในบทเฉพาะกาล อ้างว่านำมาใช้ใน “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” อ้างว่าเพื่อป้องกันวิกฤตอย่างน้อยก็ใช้เวลาสัก 5 ปี

แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า หน้าตาของ “กลไกพิเศษ” นั้นจะออกมาอย่างไร เพราะว่าตามรูปการณ์แล้วไม่อาจรับรูัได้มากนัก ต้องรอแบให้เห็นหลังจาก ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น แต่สัญญาณที่ออกมาก่อน ก็คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ส.ว.ที่มาจากการสรรหาทั้งหมด การเปิดทางให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกฯ คนนอก เป็นต้น ซึ่งบางเรื่องดังกล่าวเริ่มเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้น ในทำนองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำลังจะไม่ยอมวางมือ ต้องการรักษาอำนาจ หรือ “ลากยาว” ออกไปอย่างน้อยก็อีก 5 ปี เรื่องดังกล่าวที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปพิจารณาเหตุการณ์ในอดีตถือเป็นเรื่องอ่อนไหวมาตลอด โดยเฉพาะสำหรับรัฐบาลทหารที่มาจากการก่อรัฐประหารที่จบไม่สวยมาแล้วหลายชุด

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์แบบนี้อาจใช้ไม่ได้ผลต่อรัฐบาลทหารชุดปัจจุบันที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะหลายเรื่องมีการสรุปบทเรียน และบรรยากาศในตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ความเชื่อถือศรัทธาต่อนักการเมืองของประชาชนนั้น เสื่อมทรามลงไปมาก และที่สำคัญรัฐบาล คสช.ชุดนี้ ยังไม่เกิดความเสียหายเรื่องทุจริต คอร์รัปชันที่จะแจ้งเลย มีแต่เสียงซุบซิบนินทาที่หาใบเสร็จไม่ได้ น้ำหนักจึงยังไม่เป็นแบบ “ปังเปรี้ยง”

แต่ถึงอย่างไร “ศึกใหญ่” ที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่รออยู่ไม่ไกลจากนี้ก็คือ ศึกที่เกิดจาก ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายของเขา และที่สำคัญที่สุดก็คือ “เรื่องปากท้อง” ที่จะทำลายความเชื่อมั่นได้อย่างทรงพลังที่สุด

แน่นอนว่า ในสภาพความเป็นจริงที่ชาวบ้านตื่นรู้มากขึ้นกับความ “เหลี่ยมจัด” ของทักษิณ ชินวัตร ว่าพวกเขาเคลื่อนไหวเพื่อ “ต่อรอง” อำนาจ เพื่อเอาตัวรอดให้ตัวเอง “อยู่เหนือคนอื่น” อยู่ตลอดเวลา หากติดตามมาตลอดก็ย่อมรู้ดีว่า เป้าหมายของคนพวกนี้ และคนในครอบครัว มีอยู่แค่นี้ แต่ปัญหาก็คือตราบใดที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่มีผลงานน่าประทับใจ น่าจดจำ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะกำจัด ทักษิณ ออกไปให้สิ้นซาก เพราะชาวบ้านเขาก็ยังเปรียบเทียบให้เห็นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่ก็เป็นสิ่งที่สัมผัสได้

ที่สำคัญชาวบ้านเขาก็จะเปรียบให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มีองคาพยพพร้อมสรรพ มีเป้าหมายที่รับปากเอาไว้ว่า จะเข้ามา “ปฏิรูปทุกภาคส่วน” แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่าสองปีแล้ว ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ ที่ชาวบ้านเขาเริ่มเซ็ง มองว่า “ไม่คุ้มค่า คุ้มราคา” เพราะตามความคาดหวังเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก

อย่างไรก็ดี ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนกันสำหรับฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับการรับศึกใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า ทั้งในเรื่องของศึกที่มาจากฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และจากเรื่องปากท้อง ภัยธรรมชาติ อย่างภัยแล้งที่โหมเข้ามาในเวลานี้ นั่นคือการรุกเข้าหามวลชนโดยการบุกเข้าไปใน “ดงของฝ่ายตรงข้าม” ซึ่งช่วยไม่ได้ที่ในมุมลึกๆ จะมีเรื่องการใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือ แต่ทุกอย่างสามารถอธิบายได้ และใครๆ ก็ทำกันแบบนี้

ที่ผ่านมาหากสังเกตให้ดีจะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจากนี้ไป จะถี่ยิบมากขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดได้ลงพื้นที่เป้าหมายที่ภาคเหนือตอนล่างคือ จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา และตามกำหนดการสำคัญที่เปิดเผยออกมาแบบไม่เป็นทางการ คือ การเดินทางลงพื้นที่ในภาคอีสานตอนบน และตอนล่าง โดยแย้มออกมาก่อนก็คือ ราววันที่ 16-18 มี.ค. เขาจะนำคณะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย แน่นอนว่าเป้าหมายเปิดเผยก็คือการตรวจภัยแล้ง ติดตามงานที่สั่ง แต่ในเชิงสัญลักษณ์พื้นที่ดังกล่าว ถือว่าเป็น “ดงเสื้อแดง” มวลชนของฝ่ายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากช่วงระยะเวลาก็ถือว่าเป็น “ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม” จริงๆ ไหนจะเป็นช่วงภัยแล้งสาหัส ร่างรัฐธรรมนูญก็จะเสร็จสมบูรณ์ นับถอยหลังเข้าสู่บรรยากาศการลงประชามติ ซึ่งที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ “เป่านกหวีด” ให้ป่วนกันแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ “ตัดทางทำมาหากิน” มันก็ต้องออกฤทธิ์ออกเดชกันเป็นธรรมดา

ดังนั้น หากพิจารณากันแบบรวบรัดตัดตอนก็ต้องสรุปว่า การยกคณะลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในช่วงนี้ ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน ในเดือนหน้าล้วนมีความหมายทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับมวลชน ลักษณะก็เหมือนกับการเช็กเรตติ้ง ประกันความชัวร์เอาไว้ก่อน พิจารณาดูแล้วไม่ต่างจากการ “ตรวจความพร้อม” ของไพร่พล กำลังรบว่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่ เพิ่มหรือลดลงแบบน่าใจหายหรือเปล่า!
กำลังโหลดความคิดเห็น